คนทุกคนมีสิทธิเลือกเส้นทางชีวิตของตนเองได้ภายในกรอบกติกาสังคม อันได้แก่กฎหมาย คำสอนของศาสนา วัฒนธรรม และประเพณีอันดีงาม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กฎหมายและคำสอนของศาสนา ซึ่งคนส่วนใหญ่นับถือ
ส่วนว่าเลือกแล้วตนเองจะเป็นคนดีมีความสุข หรือเป็นคนเลวมีความทุกข์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทุกข์ใจนั้นขึ้นอยู่กับเหตุปัจจัย 2 ประการคือ
1. พันธุกรรม ซึ่งสืบทอดมาจากผู้ให้กำเนิดอันเป็นผลมาจากกรรมเก่าในชาติก่อน ส่งให้มาเกิด กล่าวคือ ถ้าเป็นผลของอกุศลกรรมหรือกรรมดีก็จะส่งให้มาเกิดกับพ่อ แม่ที่เป็นคนดี มีศีลธรรม ร่ำรวยเงินทอง ตามกฎแห่งกรรมเรียกว่า สว่างมา
2. สิ่งแวดล้อมได้แก่ สภาพแวดล้อมรวมไปถึงคนรอบข้างเช่น เพื่อนและครู เป็นต้น ถ้าสิ่งแวดล้อมดีก็ส่งเสริมให้เป็นคนดี โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เพื่อนมีส่วนทำให้เป็นคนดีหรือเลวได้ ดังนั้น ถ้าสิ่งแวดล้อมไม่ดีก็ทำให้เป็นคนเลวได้
ด้วยเหตุปัจจัยสองประการข้างต้น ทำให้คนแต่ละคนเป็นคนดีหรือเป็นคนเลว
ดังนั้น ถ้าท่านผู้อ่านต้องการจะรู้ว่าใครเป็นคนดีหรือเป็นคนเลว ให้ดูจากเหตุปัจจัย 2 ประการข้างต้น
อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นคนหนึ่งในสังคมไทยที่มีโอกาสเลือกเส้นทางชีวิตที่มีได้แต่ไม่เลือก ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. บนเส้นทางธุรกิจ อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร เป็นผู้หนึ่งที่ประสบความสำเร็จ มั่งคั่ง เพียบพร้อมด้วยทรัพย์ สามารถเลือกเส้นทางของนักธุรกิจที่ดีมีคุณธรรม ประกอบกรรมดี โดยให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนของชาติ และบริจาคเงินให้แก่โรงพยาบาล สร้างถาวรวัตถุให้แก่ศาสนา เป็นต้น
แต่อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่เลือกเส้นทางดังกล่าวข้างต้น กลับเลือกเส้นทางธุรกิจการเมือง
2. บนเส้นทางการเมือง อดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร มีโอกาสเลือกเส้นทางรัฐบุรุษทำการเมืองให้เป็นการเมืองที่มีอุดมการณ์รับใช้ประเทศและประชาชน เฉกเช่นคานธีของอินเดีย เติ้ง เสี่ยวผิง ของจีน หรือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ของไทย แต่กลับเลือกทำการเมืองในรูปแบบของธุรกิจการเมือง โดยการทุ่มเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ และใช้อำนาจที่ได้มาเป็นเครื่องมือแสวงหาประโยชน์เพื่อตนเองและพวกพ้อง ในหลากหลายรูปแบบ ทั้งตามน้ำและทวนน้ำ
3. เมื่อตนเองตกเป็นจำเลยในข้อหาทุจริต คอร์รัปชัน และถูกพิพากษาจำคุกเลือกทางหนีแทนการติดคุก เพื่อชดใช้กรรม ครั้นกลับมาประเทศและได้รับพระราชทานอภัยโทษจากจำคุก 8 ปีเหลือเพียง 1 ปี ไม่ยอมรับโทษโดยใช้ช่องว่าง ช่องโหว่ทางกฎหมายด้วยความเอื้ออำนวยจากข้าราชการประจำไปนอนโรงพยาบาลแทนคุก
แต่ในที่สุด กฎแห่งกรรมก็ให้ผลเมื่อมีผู้ร้องต่อศาลและศาลจะทำการไต่สวนเองในวันที่ 13 มิถุนายน หลังจากได้ยกคำร้องที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ร้องต่อศาลถึง 3 ครั้ง ด้วยเหตุผลว่าผู้ร้องมิใช่ผู้เสียหาย และไม่ได้รับความเดือดร้อน
อย่างไรก็ตาม ถ้าดูจากคำร้องของนายชาญชัย ที่ศาลนำไปเป็นโจทย์ในการไต่สวนแล้ว มีแนวโน้มว่าจำเลยทุกคนที่มีส่วนช่วยให้อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่ต้องติดคุกอาจต้องนอนคุกแทน และอดีตนายกฯ ทักษิณ เองก็อาจต้องกลับไปนอนคุกด้วย ถ้าไม่หนีไปก่อน
ถ้าเป็นเช่นนั้น อดีตนายกฯ ทักษิณ ก็จะมีทางเลือกสองทางคือ หนีหรือติดคุก
ส่วนว่าจะเลือกทางไหนขึ้นอยู่กับตัวอดีตนายกฯ ทักษิณ เองว่าจะเลือกทางหนีซึ่งจะต้องหนีตลอดชีวิตหรือว่ายอมติดคุก ซึ่งมีวันออกมาใช้ชีวิตที่เหลือให้สุขสบายได้ตามอัตภาพ