ในวันที่ 30 เมษายน ที่ผ่านมา ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้ประชุมพิจารณาคำร้องของนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ได้ร้องให้ศาลไต่สวนกรณีที่กรมราชทัณฑ์ได้ส่งอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ซึ่งเป็นนักโทษจำคุกตามหมายสั่งจำคุกของศาลไปนอนโรงพยาบาล โดยมิได้ขออนุญาตศาลตามมาตรา 246
จากผลการพิจารณาของศาล ได้ยกคำร้องของนายชาญชัย โดยให้เหตุผลว่านายชาญชัย มิได้เป็นผู้เสียหาย แต่ได้ไต่สวนเองโดยมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทำหนังสือชี้แจงไปยังศาลภายในวันที่ 13 มิถุนายน 2568 และศาลจะทำการไต่สวนในวันที่ 13 มิถุนายน
ผลของการยกคำร้องนายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งที่ได้คำสั่งของศาลเพียงคำว่า ยกคำร้อง โดยมิได้ลงลึกถึงรายละเอียดต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ ทั้งนี้ เป็นเพราะเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ศาลได้ยกคำร้องของนายชาญชัยมาแล้วถึงสองครั้งในกรณีเดียวกันนี้ ด้วยเหตุผลในทำนองเดียวกัน
2. ประชาชนที่สนใจการเมืองและติดตามเรื่องนี้มาตลอดต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงกับสิ่งที่นายชาญชัย ร้องเป็นเรื่องเดียวกัน มิได้มีการบิดเบือนไปจากสิ่งที่เกิดขึ้นจริง จึงควรที่ศาลจะทำการไต่สวนทำเรื่องนี้ให้ปรากฏ ตามที่เหมา เจ๋อตง เคยพูดไว้ สำเร็จ มั่งคั่ง ร่ำรวย สามารถเลือกเส้นทางของนักธุรกิจที่ดีมีคุณธรรม ประกอบกรรมดี โดยการตั้งมูลนิธิให้ทุนการศึกษาแก่เยาวชนของชาติ และบริจาคเงินให้แก่โรงพยาบาลสร้างถาวรวัตถุให้แก่ศาสนา เป็นต้น
แต่อดีตนายกฯ ทักษิณ ไม่เลือกเส้นทางดังกล่าวข้างต้น กลับเลือกเส้นทางธุรกิจการเมือง
3. บนเส้นทางการเมืองอดีตนายกฯ ทักษิณ มีโอกาสที่จะเลือกเส้นทางรัฐบุรุษทำการเมืองให้เป็นการเมืองที่มีอุดมการณ์รับใช้ประเทศชาติและประชาชน เฉกเช่นคานธีของอินเดีย เติ้งเสี่ยวผิงของจีน หรือพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ของไทย แต่กลับเลือกทำการเมืองในรูปแบบธุรกิจการเมือง โดยการทุบเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจรัฐ และใช้อำนาจรัฐที่ได้มาแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง ทั้งแบบตามน้ำและทวนน้ำ
4. เมื่อตนเองตกเป็นผู้ต้องหาในคดีทุจริต คอร์รัปชัน และถูกพิพากษาลงโทษจำคุกเลือกทางหนี แทนที่จะยอมติดคุกชดใช้กรรมครั้นกลับมาประเทศ และได้รับพระราชทานอภัยโทษจากจำคุก 8 ปีเหลือ 1 ปี ไม่ยอมรับโทษกลับใช้ช่องว่างทางกฎหมาย โดยมีข้าราชการเป็นเครื่องมือไปนอนโรงพยาบาลแทนการติดคุก
แต่ในที่สุด กฎแห่งกรรมก็ให้ผลเมื่อมีผู้ร้องเรียนและศาลของนักโทษก็มีข้อกังขาว่าป่วยจริงหรือไม่ และป่วยรุนแรงขนาดไหน และอยู่ในขั้นวิกฤตที่จะต้องส่งออกไปรักษาข้างนอกเรือนจำหรือไม่ เพราะถ้าดูจากปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้น และอาศัยสามัญสำนึกของปกติชนคนทั่วไปแล้วขัดแย้งกับข้ออ้าง ทั้งนี้ อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ถ้าดูจากพฤติกรรมของคนป่วย เมื่อลงจากเครื่องบินก็ไม่มีท่าทีว่าจะเป็นคนป่วยหนัก และในเวลาไม่ทันข้ามวันอาการป่วยขั้นวิกฤตเกิดขึ้นได้อย่างไร
2. ในขณะที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล ไม่มีข่าวคืบหน้าของการรักษาจากแพทย์ผู้ทำการรักษา ซึ่งผิดปกติของการป่วยของคนสำคัญในระดับอดีตนายกฯ ของประเทศที่ป่วยหนัก แล้วไม่มีข่าวคืบหน้าของการรักษา
3. ในขณะที่ป่วยอยู่โรงพยาบาลได้มีพล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ได้เข้าเยี่ยมและไม่พบว่ามีอาการป่วยหนัก
4. หลังจากออกจากโรงพยาบาลไม่มีการพักฟื้นเฉกเช่นคนป่วยหนักทั่วไป ตรงกันข้ามได้เดินทางไปทั่วพบปะผู้คนและปราศรัยหาเสียงทางการเมือง จึงเท่ากับบ่งบอกว่าสิ่งที่เห็นขัดแย้งกับสิ่งที่อ้าง
ด้วยเหตุปัจจัยดังกล่าวข้างต้น การที่ศาลได้ทำการไต่สวนเองถือว่าถูกต้องแล้ว และควรจะดำเนินการก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำไป ทั้งนี้ เพื่อรักษาเกียรติภูมิของศาล