xs
xsm
sm
md
lg

ตะวันออกกลาง...“ประตูนรก”ใกล้เปิด!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


เกิดเหตุระเบิดที่ท่าเรือ Shahid Rajaee ประเทศอิหร่าน (26 เม.ย.)
 
โอกาสที่ “ประตูนรก” จะถูกเปิดขึ้นมาในอีกไม่นานไม่ช้านับจากนี้...ว่าไปแล้วน่าจะมีแนวโน้มสูงยิ่งเข้าไปทุกที!!! เพราะเพียงแค่ดูจากตัวเลข สถิติ ที่องค์กร “SIPRI” (The Stockholm International Peace Research) ซึ่งให้ความสนใจและติดตามเรื่องราวเหล่านี้มาโดยตลอด เขาได้ออกมาเปิดเผยเมื่อวัน-สองวันก่อน ว่าตัวเลขค่าใช้จ่ายทางทหาร อันเป็นตัวบ่งชี้ถึงบรรยากาศแห่ง “สงคราม” ของโลกใบนี้ เมื่อช่วงปี ค.ศ. 2024 ที่เพิ่งผ่านมา มันระเบิดเถิดเทิงไปถึงขั้น “สูงสุดเท่าที่เคยมีมา” ยิ่งกว่าครั้งใดๆ ในประวัติศาสตร์มวลมนุษยชาติเอาเลยก็ว่าได้ คือปาเข้าไปถึง 2.7 ล้านล้านดอลลาร์ เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
 
และแน่ล่ะว่า...ผู้ที่ควักเม็ดเงินภาษีของราษฎรซึ่งไม่อยากจะเห็นสงครามใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย นำมาใช้จ่ายในการเตรียมฆ่า เตรียมล้างผลาญ ใครก็ตามที่เป็นฝ่ายตรงกันข้ามชนิดสูงที่สุดในโลก ก็คงไม่ใช่...ใครที่หนวย??? นอกเสียจากคุณพ่ออเมริกวย หรือประเทศอเมริกา ที่เพียรพยายามจะดำรงรักษาความเป็นจ้าวโลก ประมุขโลก ต่อไปอีกตราบนานเท่านานนั่นเอง คือพร้อมควักกระเป๋ากุงเกงเพิ่มขึ้นไปอีกเป็นจำนวนถึง 997,000 ล้านดอลลาร์หรือ 5.7 เปอร์เซ็นต์ของงบประมาณเดิม ไม่ต่างไปจากชาติยุโรปอดีตจ้าวอาณานิคมทั้งหลายที่ตามมาเป็นอันดับสองด้วยค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเป็น 693,000 ล้านดอลลาร์ หรือเพิ่มขึ้น 17 เปอร์เซ็นต์ นั่นยังไม่นับความปรารถนาความทะเยอทะยาน ที่ผู้นำอียูออกมาเรียกร้องให้บรรดาชาติสมาชิกเพิ่มงบประมาณให้สูงยิ่งขึ้นไปกว่านั้นอีกถึง 800,000 ล้านดอลลาร์ เป็นอย่างน้อย ฯลฯ...
 
ส่วน “ประตูนรก” บานแรก...ที่น่าจะถูกเปิดขึ้นมาอีกไม่นาน-ไม่ช้า ดูๆ แล้ว...คงหนีไม่พ้นไปจากภูมิภาคตะวันออกกลางนั่นแหละทั่น!!! โดยเฉพาะหลังเกิดเหตุการณ์ระเบิดระดับวินาศสันตะโรขึ้นมาที่ท่าเรือ “Shahid Rajaee” ของประเทศอิหร่าน เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (26 เม.ย.) ชนิดรัศมีการระเบิดกว้างไกลครอบคลุมพื้นที่ไม่น้อยกว่า 2,400 เฮกตาร์ สามารถรู้สึกได้ยินเสียงไกลไปกว่า 50 กิโลเมตร ส่งผลให้ผู้เสียชีวิตตกราวๆ 40-60 ราย บาดเจ็บเกือบๆ 2,000 คน แม้ยังไม่อาจสรุปได้แน่ชัดถึงสาเหตุว่ามีที่มา-ที่ไปในแบบไหน? อย่างไร? แต่คงต้องส่งผลกระทบต่อประเทศอิหร่านที่กำลังเป็น “เป้าหมาย” แห่งการ “จุดไฟนรกสุดขอบฟ้า”ของมหาอำนาจสูงสุดอย่างอเมริกาและพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล อย่างหนักหน่วง รุนแรง มิใช่น้อย...
 
โดยเฉพาะต่อกองกำลังพิทักษ์ปฏิวัติอิสลามอย่าง “IRGC”(Islamic Revolutionary Guard Corps) ของอิหร่านเขา ที่ไม่เพียงแต่เป็นผู้มีบทบาทในการควบคุมดูแลบริหารจัดการท่าเรือที่ใหญ่ที่สุดในประเทศแห่งนี้ ไม่ว่าในแง่การแอบขนส่งน้ำมันไปขายยังประเทศต่างๆ ระหว่างที่ถูกคุณพ่ออเมริกาแซงชั่น การขนส่งอาวุธยุทโธปกรณ์แต่ละอย่างไปให้กับบรรดาพันธมิตรต่อต้านอิสราเอล (Axis of Resistant) ในตะวันออกกลาง ไม่ว่าพวก “Hamas” พวก “Hezbollah” หรือพวก “Houthi” ก็ตาม ซึ่งต้องใช้ท่าเรือแห่งนี้เป็นทางผ่านมาโดยตลอด และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นก็คือการใช้ท่าเรือดังกล่าวเป็นที่รับ-ส่งวัสดุ “Sodium perchlorate” สำหรับเอามาทำเชื้อเพลิงแข็งให้กับขีปนาวุธหรือจรวดรุ่นต่างๆ โดยเฉพาะจรวด “S-300” หรือขีปนาวุธต่อต้านอากาศยานที่เป็นตัวปกป้องโครงการนิวเคลียร์ของตัวเอง แต่ถูกบรรดา “ไอ้เหี้ยม”แห่งกองทัพอากาศอิสราเอล โจมตี เล่นงาน ในช่วงแห่งการแก้แค้น-เอาคืน เมื่อเดือนเมษายนและตุลาคมปีที่แล้ว จนทำให้เกิดการขาดแคลนวัสดุดังกล่าว และต้องสั่งเข้าจากจีนมายังท่าเรือแห่งนี้ จำนวนถึง 1,000 ตัน อันอาจนำไปสู่การระเบิดในแบบไหน? อย่างไร? ก็ยังไม่เป็นที่ทราบชัด...
 
แม้ว่า “ไอ้เหี้ยม-อิสราเอล” ที่เคยประดิษฐ์คิดค้น “ระเบิดเพจเจอร์” เล่นงานบรรดานักรบ “Hezbollah” ในเลบานอนเมื่อไม่นานมานี้ จะออกมาปฏิเสธถึงความเกี่ยวข้องพัวพันกับเหตุการณ์ระเบิดดังกล่าว แต่ก็นั่นแหละ...ผลแห่งการระเบิดเช่นนี้ ก็ดูจะยิ่งทำให้ความกระเหี้ยนกระหือรือในการคิดจะเปิดฉากโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่านของบรรดาผู้มีอำนาจ บทบาท ในอิสราเอล ก็ยิ่งคึกคัก โครมคราม ยิ่งขึ้นไปใหญ่ ด้วยความเชื่อที่ว่าการแก้แค้น-เอาคืนอิหร่านด้วยการโจมตีทางอากาศทั้งสองครั้ง เมื่อเดือนเมษายน ค.ศ. 2024 และตุลาคมปีเดียวกัน กองทัพอิสราเอลสามารถขจัดกวาดล้าง ทำลายเครือข่ายระบบป้องกันภัยทางอากาศยานที่เต็มไปด้วยจรวด “S-300” ขึงพืดเอาไว้ปกป้องโครงการดังกล่าว โดยเฉพาะที่เมือง “Isfahan” จนทำให้โอกาสที่จะฉวยจังหวะ “นาทีทอง” ถล่มทลายโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ไม่ให้ผุด ไม่ให้เกิด ไปอีกนานเท่านาน สามารถ “เป็นไปได้” ไม่ว่าโดยจะมีคุณพ่ออเมริกาหนุนช่วย หรือไม่หนุนช่วย หรือไม่? เพียงใด? ก็แล้วแต่...
 
นี่...อันนี้นี่แหละ ที่ทำให้บานประตูนรกบานแรก ชักเริ่มแง้มๆ ขึ้นมาในตะวันออกกลางยิ่งเข้าไปทุกที แม้การเจรจาระหว่างคุณพ่ออเมริกากับอิหร่าน โดยทางตรงหรือทางอ้อมก็แล้วแต่ ยังคงต้องเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ มาถึงรอบที่ 3 หรือจากที่โอมาน ต่อไปยังโรม-อิตาลี แล้ววนกลับมาที่โอมานอีกรอบ ท่ามกลาง “คำขู่” แบบ “ข้อเสนอที่เอ็งมิอาจปฏิเสธ” ของผู้ที่อยากให้ใครจดจำตัวเองไว้ในฐานะ “นักสันติภาพ” อย่าง “ทรัมป์บ้า” นั่นแหละว่า ด้วยเหตุเพราะไม่อยากจะให้ประเทศอิหร่านถูกโจมตี ก็เลยต้องฉุดลากกระชากถูอิหร่านให้มาเจ๊าะแจ๊ะเจรจากันโดยดี แต่ถ้าหากไม่บรรลุความปรารถนาและความต้องการของอเมริกาขึ้นมาเมื่อไหร่แล้วล่ะก็ โอกาสที่ “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” จะอุบัติขึ้นมาในตะวันออกกลาง ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ไม่ว่าด้วยการ“เปิดไฟเขียว” ให้พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อิสราเอลถล่มอิหร่านไปตามลำพัง หรืออเมริกาเป็นฝ่ายนำหน้าถล่มกันแบบ “ร่วมด้วย-ช่วยกัน”...
 
ด้วยเหตุนี้...แม้ “ผลแห่งการเจรจา” ยังคงไม่สิ้นสุด ยุติ แต่ถ้าฟังจากน้ำเสียงของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอลรายใหม่อย่าง “นายIsrael Katz” เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (28 เม.ย.) ต้องเรียกว่า...ออกอาการ “เปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีน” เต็มที โดยเฉพาะการสั่งการให้บรรดาผู้นำระดับสูงของกองทัพ “IDF” เตรียมพร้อมขั้นสูงสุดเอาไว้สำหรับการโจมตีอิหร่าน โดยจะลงมือ-ลงตีนภายในเดือนพฤษภาฯ นี้ ดัง “รายงานข่าว”ของหนังสือพิมพ์ “The New York Times” ก่อนหน้านั้นหรือไม่? ประการใด? อันนี้...คงต้อง“กลั้นหายใจ” กันต่อไปอีกสักพัก เพราะยิ่งเมื่อวัสดุที่จะนำมาใช้เป็นเชื้อเพลิงให้กับบรรดาจรวดที่เอาไว้ใช้ปกป้องโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ดันมาระเบิดวินาศสันตะโรกันไปซะอีกยิ่งเท่ากับทำให้จังหวะ “นาทีทอง” ของอิสราเอล ยิ่งเพิ่มโอกาสลด-แลก-แจก-แถม ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น!!!
 
และนั่นอาจส่งผลให้ “รายงานข่าวล่าสุด” ของ “The New York Times” จึงออกมาในรูปที่ว่า อิสราเอลพร้อมแล้วที่จะ“โจมตีแบบจำกัด” ต่อโครงการนิวเคลียร์อิหร่านโดยลำพัง หรือโดยไม่ต้องรอให้คุณพ่ออเมริกา “เปิดไฟเขียว” เพราะสิ่งที่อิสราเอลยังคงวิตกกังวลอยู่มั่ง และยังหวังให้อเมริกา “ร่วมด้วย-ช่วยกัน” กับตัวเอง ก็คือ “การตอบโต้” จากอิหร่าน หรือบรรดาพันธมิตรต่อต้านอิสราเอลนั่นแหละเป็นหลัก แต่ในเมื่อพวก“Hamas” อ่อนเปลี้ยเพลียแรงลงไปเยอะแล้ว พวก “Hezbollah” ก็ถูกตัดขาดจากการสนับสนุนของอิหร่าน หลังการล่มสลายของรัฐบาลซีเรีย ส่วนพวก “Houthi” ก็ถูกคุณพ่ออเมริกาส่งเครื่องบินไปถล่มมาแล้วถึง 800 ครั้ง ฆ่าลูกเด็กเล็กแดงไปจนบรรดานักรบเยเมนตายไปแล้วไม่รู้เท่าไหร่ต่อเท่าไหร่ ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้การพับโครงการนิวเคลียร์อิหร่านลงไปในถังขยะ แบบไม่ให้ผุด-ให้เกิดอีกต่อไป จึงเป็นสิ่งที่มิอาจยั้งมือ-ยั้งตีนได้อีกต่อไปแล้ว...
 
ด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ “ประตูนรกบานแรก” อาจถูกเปิดขึ้นมาในภูมิภาคตะวันออกกลางขึ้นมาได้ทุกเมื่อ เพราะไม่เพียงจำนวนจรวดเท่าที่เหลืออยู่ใน “เมืองจรวด” ของอิหร่านนั้น จะสามารถก่อให้เกิด “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” ขึ้นมาในแนวรบด้านนี้ได้เสมอๆ แต่ด้วยความเป็น “พันธมิตรทางยุทธศาสตร์” ระหว่างอิหร่านกับมหาอำนาจคู่แข่งอเมริกาอย่างรัสเซีย หรือคุณพี่จีนก็แล้วแต่ ย่อมทำให้อิหร่านมิใช่ “นกไร้ขน-คนไร้เพื่อน” อยู่แล้วแน่ๆ การโจมตีประเทศที่ควบคุมเส้นทางลำเลียงน้ำมันถึง 1 ใน 3 ของโลก จึงมิอาจขึ้นอยู่กับความเปรี้ยวมือ-เปรี้ยวตีน ของประเทศใดประเทศหนึ่งโดยลำพัง โอกาสที่จะเกิดการขยายวง การยกระดับสถานการณ์ไปสู่การเผชิญหน้าโดยตรงแห่งความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ มันจึงย่อมต้องส่งผลตามมาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...
 
และนั่นเอง...ที่อาจทำให้ “ค่าใช้จ่ายทางทหาร” ของบรรดาประเทศต่างๆ ในโลกใบนี้ในปีต่อๆ ไป อาจพุ่งทะลุฟ้า ทะลุอวกาศ ไปอีกไม่รู้จะกี่ล้านล้านดอลลาร์เอาเลยก็ไม่แน่!!! เหมือนอย่างที่ “John Ray” นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ เคยเอ่ยเป็นวาทะเอาไว้เมื่อหลายร้อยปีที่แล้วนั่นแหละว่า... “When war begins, the Devil makes hell bigger” หรือ... “เมื่อสงครามได้เริ่มต้นขึ้น เจ้าปิศาจก็จะได้จังหวะขยาย...นรก...ให้ใหญ่ขึ้น” !!! !!! !!!


กำลังโหลดความคิดเห็น