“น้ำที่ทำให้เรือลอยกับน้ำที่ทำให้เรือจม เป็นน้ำเดียวกัน” จากหนังสือ Xi Jinping The Governance of China โดยนัยแห่งถ้อยคำข้างต้นหมายความว่าเรือซึ่งเปรียบได้กับพรรคการเมือง และน้ำเปรียบได้กับประชาชน
พรรคการเมืองและนักการเมืองจะเข้าสู่อำนาจรัฐและดำรงอยู่ได้ จะต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากประชาชน ในทางกลับกัน ถ้าประชาชนไม่สนับสนุนพรรคการเมืองและนักการเมืองก็ดำรงอยู่ในตำแหน่งไม่ได้ และสาเหตุที่ทำให้ประชาชนไม่สนับสนุนก็เกิดจากพรรคการเมืองและนักการเมืองได้กระทำในสิ่งที่ทำให้ประเทศชาติและประชาชนเดือดร้อน เข้าทำนองเรือรั่วและน้ำเข้าเรือ ทำให้เรือจมได้ เฉกเช่นรัฐบาลซึ่งมีพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำและมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี กำลังถูกกระแสต่อต้านจากประชาชน เนื่องจากกระทำในสิ่งที่ประชาชนไม่เห็นด้วย นั่นคือ การเสนอ พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ หรือสถานบันเทิงครบวงจรโดยมีจุดหมายหลักอยู่ที่การตั้งบ่อนการพนัน จึงทำให้ประชาชนรวมตัวกันชุมนุมต่อต้าน แต่เดิมกำหนดจะเข้าที่ประชุมสภาฯ เพื่อรับหลักการในวันที่ 9 เมษายน แต่ได้มีพรรคร่วมรัฐบาลสองพรรคคือ พรรคประชาชาติ และพรรคภูมิใจไทย แสดงท่าทีชัดเจนว่าไม่เห็นด้วย
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง พรรคภูมิใจไทยนายไชยชนก ชิดชอบ ซึ่งเป็นลูกชายของนายเนวิน ชิดชอบ ผู้มีบารมีเหนือพรรคภูมิใจไทยตัวจริง และเป็นเลขาธิการพรรคได้ประกาศในสภาฯ ว่า พรรคภูมิใจไทยไม่เอากาสิโน จึงทำให้พรรคเพื่อไทยต้องสะดุดและเลื่อนวาระการประชุมเพื่อพิจารณา พ.ร.บ.กาสิโนออกไป
ดังนั้น จึงอนุมานได้ว่าพรรคเพื่อไทยจะต้องเลือกเส้นทางการเมืองในสองทางเลือกต่อไปนี้
1. ประนีประนอมกับพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาชาติ โดยการหยุดโครงการกาสิโนไว้ก่อนรอสมัยหน้าถ้าได้กลับมาเป็นรัฐบาลค่อนเดินต่อ
2. ปรับ ครม.โดยเอาสองพรรคที่เห็นต่างออกไป และนำเอาพรรคประชาชนเข้าร่วมแล้วเดินหน้าโครงการกาสิโนต่อ โดยไม่สนใจประชาชนและองค์กรศาสนาที่ออกมาต่อต้าน
ในสองทางเลือกนี้ถ้าพรรคเพื่อไทยเลือกทางเลือกที่ 1 รัฐบาลก็ทำงานร่วมกันต่อไปไม่ต้องปรับ ครม.โดยเอาพรรคที่ต่อต้านออก
แต่ถ้าเลือกทางเลือกที่สองก็เสี่ยงที่จะล่มสลายสูง ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
การปรับ ครม.โดยการนำเอาพรรคประชาชนเข้าร่วมแทนสองพรรคที่ถูกปรับออกไป ถึงแม้เสียงในสภาฯ จะเพียงพอที่จะผลักดันโครงการ แต่กระแสต้านจะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากว่าเงื่อนไขทางการเมืองได้เพิ่มขึ้นจากไม่เอากาสิโนแล้วจะไม่เอาพรรคล้มเจ้าเข้ามาด้วย ดังนั้น โอกาสที่รัฐบาลจะถูกประชาชนชุมนุมขับไล่ และกองทัพจะทำการรัฐประหาร โดยอ้างความไม่สงบและความไม่มั่นคงปลอดภัยของประเทศ ชาติ ศาสนา และสถาบัน ซึ่งมีความเป็นไปได้และเชื่อว่าถ้าเกิดขึ้นจริง ประชาชนส่วนใหญ่จะเห็นด้วยกับการทำเช่นนี้ เพราะจะต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยทั้งสถาบันศาสนา โดยเฉพาะศาสนาพุทธและสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นศูนย์กลางแห่งความสามัคคีของคนในชาติ
เมื่อรัฐบาลที่มีพรรคเพื่อไทยกระทำในสิ่งที่ขัดต่อคำสอนของศาสนา และพรรคประชาชนมีนโยบายปฏิรูปสถาบัน โดยการแก้มาตรา 112 จึงทำให้ประชาชนผู้ศรัทธาในพุทธศาสนาและจงรักภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ลุกขึ้นต่อต้าน และเห็นด้วยกับการโค่นล้มรัฐบาลที่มีพฤติกรรมดังกรณีข้างต้นแน่นอน