ประเทศไทยเป็นเมืองพุทธ โดยมีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศนับถือศาสนาพุทธมากเป็นอันดับ 3 ของโลก และในปัจจุบันประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของพุทธศาสนานิกายเถรวาท เนื่องจากพระสงฆ์ โดยเฉพาะพระภิกษุสายอรัญวาสีหรือพระป่าเป็นที่ยอมรับนับถือของพุทธศาสนิกชนผู้สนใจในการปฏิบัติ
คำสอนของพระพุทธเจ้ามีทั้งส่วนที่เป็นข้อห้ามและข้ออนุญาต พุทธบริษัทจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะในส่วนที่เป็นข้อห้ามอันได้แก่ศีลและอกุศลธรรม อันเป็นบาปกรรมที่ชาวพุทธต้องงดเว้นและหลีกเลี่ยง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นชาวพุทธ
การพนันเป็นอบายมุขหรือทางแห่งความเสื่อม ชาวพุทธจะต้องงดเว้นถ้าไม่ต้องการได้รับโทษ 6 ประการต่อไปนี้
1. เมื่อชนะย่อมก่อเวร
2. เมื่อแพ้ก็เสียดายทรัพย์
3. ทรัพย์ย่อมหมดไป
4. เข้าที่ประชุมเขาไม่เชื่อถ้อยคำ
5. เพื่อนฝูงดูหมิ่น ดูแคลน
6. ไม่เป็นที่ประสงค์ของผู้ที่จะหาคู่ครองให้ลูกของเขา
ทั้ง 6 ข้อข้างต้นคือโทษอันเกิดแก่คนติดการพนันเป็นส่วนบุคคล แต่ในทางสังคมการพนันเป็นบ่อเกิดอาชญากรรมลักขโมย จี้ปล้น ทำให้ผู้คนซึ่งเป็นสุจริตชนเดือดร้อน และเป็นภาระรัฐบาลในการปราบปราม
แต่วันนี้รัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทย โดยมีนางสาวแพทองธาร ชินวัตร เป็นนายกรัฐมนตรี ได้มีความพยายามที่จะทำให้บ่อนการพนันถูกกฎหมายภายใต้โครงการเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์ โดยจัดทำเป็นโครงการเร่งด่วนเข้าที่ประชุม ครม. และส่งต่อสภาฯ หวังให้เสร็จก่อนสมัยประชุมในวันที่ 10 เมษายน ส่วนจะผ่านหรือไม่ผ่านสภาฯ ดูเหมือนว่ารัฐบาลนี้ไม่สนใจเท่าใดนัก ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. ในทันทีที่โครงการนี้ผ่าน ครม.กระแสคัดค้านก็เริ่มขึ้น จะเห็นได้จากการชุมนุมของม็อบข้างทำเนียบฯ หนาแน่นขึ้น และมีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
2. ถึงแม้ว่า ครม. 36 คนจากพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรค จะเห็นด้วย แต่เมื่อเข้าสู่สภาฯ เชื่อว่า สส.และ สว.ส่วนหนึ่งที่มีจิตสำนึกและมโนธรรมคงจะมองเห็นความหายนะ อันจะเกิดขึ้นจากบ่อนการพนันคงเปลี่ยนใจจากเห็นด้วยเป็นคัดค้านร่วมกับ สส. และสว.ที่ไม่เห็นด้วย และทำให้โครงการตกไป หรือไม่ก็เกิดกระแสต้านรุนแรงถึงขั้นวุ่นวาย เป็นเหตุให้นำไปสู่การทำรัฐประหารโค่นล้มรัฐบาลก็เป็นไปได้
ดังนั้น โอกาสที่บ่อนการพนันจะเกิดขึ้นและทำให้คนไทยตกเป็นทาสการพนันใช่ว่าจะเกิดขึ้น ถึงแม้ ครม.จะเห็นชอบแล้วก็ตาม
ด้วยเหตุดังกล่าวข้างต้น จึงทำให้มีข้อกังขาว่า เมื่อเส้นทางข้างหน้ายังมีขวากหนาม เหตุใด ครม.ชุดนี้เร่งรีบผ่านออกมาเป็นมติเหมือนว่ามีอะไรเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนในแต่ละขั้นตอนของการดำเนินโครงการอย่างไรอย่างนั้น