xs
xsm
sm
md
lg

“มาเคียเวลลี-คัมภีร์ปีศาจทางการเมือง”(ตอนเจ็ด)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



สอดแนมการเมือง

“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”

 เป็นเรื่องธรรมชาติและสิ่งสามัญมาก กับการปรารถนาที่จะได้ครอบครองของมนุษย์ และเมื่อมนุษย์ทั้งหลายผู้กระทำได้ทำสำเร็จ เขาเหล่านั้นก็มักได้รับการสรรเสริญ มิถูกตำหนิ ทว่า.. เมื่อเขาทำไม่ได้ แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ปรารถนาจะกระทำ มักจะมีแต่ความผิดพลาดและคำตำหนิ

ดังนั้น.. หากฝรั่งเศสสามารถโจมตีเนเปิลส์ด้วยกองกำลังของตนเอง ก็ควรกระทำเช่นนั้น หากว่าไม่สามารถ ก็ไม่ควรแบ่งแยกเนเปิลส์ และหากการแบ่งลอมบาร์ดีกับชาวเวนิสนั้นสมควรให้อภัย เพราะการกระทำครั้งนั้นทำให้ฝรั่งเศสได้มีฐานมั่นคงในอิตาลี การแบ่งครั้งนี้ก็สมควรได้รับการตำหนิ เพราะไม่อาจให้อภัยโดยการอ้างความจำเป็นเดียวกันได้
ดังนั้นแล้ว พระเจ้าหลุยส์จึงได้กระทำผิดพลาดห้าประการคือ ทรงขจัดอำนาจที่อ่อนแอกว่า เพิ่มอำนาจแก่อำนาจหนึ่งให้เข้ามายิ่งใหญ่ในอิตาลี นำชาวต่างชาติที่เปี่ยมอำนาจอย่างยิ่งเข้ามา พระองค์ไม่มาประทับที่นี่ และไม่ตั้งอาณานิคมที่นี่

กระนั้นตราบเท่าที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพ ข้อผิดพลาดเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายต่อพระองค์ หากจะไม่ทรงกระทำผิดพลาดประการที่หก โดยการขับชาวเวนิสไปจากรัฐของพวกเขา เพราะหากพระองค์ไม่ทำให้ศาสนจักรยิ่งใหญ่ขึ้นมา หรือไม่นำสเปนเข้าสู่อิตาลี การโค่นล้มชาวเวนิสก็จะชอบด้วยเหตุผลและความจำเป็นอย่างแท้จริง

แต่ในเมื่อทรงนำหลักการเหล่านี้มาใช้ตั้งแต่แรก ก็ไม่ควรยินยอมปล่อยให้พวกเขาล่มสลาย เพราะขณะยังคงเปี่ยมอำนาจ พวกเขาจะต้องป้องกันผู้อื่นให้อยู่ห่างจากการยึดครองลอมบาร์ดีเสมอ ไม่ว่าจะเป็นเพราะชาวเวนิสไม่มีทางยินยอมให้ใครอื่นขึ้นมาเป็นผู้ครองนครนอกจากพวกเขาเอง หรือเพราะไม่มีใครอื่นปรารถนาแย่งลอมบาร์ดีจากฝรั่งเศส เพื่อยกให้แก่ชาวเวนิสก็ตาม

 ยิ่งไปกว่านั้น คงไม่มีใครอาจหาญเข้าปะทะกับทั้งสองฝ่าย หากใครจะบอกว่า พระเจ้าหลุยส์ยกโรมัญญาให้แก่อเล็กซานเดอร์ และยกอาณาจักรที่สองให้แก่สเปนเพื่อหลีกเลี่ยงสงคราม มาเคียเวลลีก็ตอบด้วยเหตุผลที่กล่าวไว้แล้วข้างต้นว่า ไม่ควรปล่อยให้มีความไม่สงบใดๆ เกิดขึ้นจากการหลีกเลี่ยงสงคราม เพราะถึงอย่างไรการหลีกเลี่ยงนั้นเป็นไปไม่ได้ เป็นได้แต่เพียงการชะลอออกไป อันจะก่อให้เกิดผลเสียต่อผู้ปฏิบัติเท่านั้น

และหากจะมีใครอ้างถึงคำมั่นที่พระเจ้าหลุยส์ได้ให้ไว้แก่พระสันตะปาปาที่ว่า จะให้การสนับสนุนเพื่อแลกเปลี่ยนกับการยกเลิกการอภิเษกสมรสของพระองค์ และการมอบตำแหน่งสูงสุดแก่บิชอปแห่งรูอองแล้วละก็ มาเคียเวลลีระบุว่า เขาขอตอบด้วยข้อความดังนี้..

เมื่อเป็นดังนั้นด้วยพื้นฐานของข้อสัญญาแห่งเจ้าผู้ครองนคร และวิธีการอันควรยึดถือปฏิบัติ  พระเจ้าหลุยส์จึงสูญเสียลอมบาร์ดี ด้วยพระองค์มิปฏิบัติตามเงื่อนไขที่ควรปฏิบัติ โดยเจ้าผู้ครองนครคนใดก็ตามที่ได้รัฐมาครอบครอง และปรารถนาที่จะรักษารัฐนั้นเอาไว้
นี่มิใช่ความมหัศจรรย์ แต่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญ และเป็นเหตุเป็นผลอย่างยิ่ง และมาเคียเวลลีได้พูดถึงเรื่องนี้ไปแล้วที่รูออง ที่นองต์ เกี่ยวกับการที่วาเลนติโน(ชื่อซึ่งประชาชนเรียกขาน เซซาร์ บอร์จา บุตรพระสันตะปาปา อเล็กซานเดอร์) ขึ้นปกครองโรมัญญา เมื่อคาร์ดินัลแห่งรูอองได้กล่าวแก่มาเคียเวลลีว่า ชาวอิตาลีไม่เข้าใจการสงคราม

มาเคียเวลลีได้ตอบท่านไปว่า ชาวฝรั่งเศสก็ไม่เข้าใจความเป็นรัฐ เพราะหากพวกเขาเข้าใจแล้วละก็ พวกเขาจะไม่ปล่อยให้ศาสนจักรยิ่งใหญ่ขึ้นมาเช่นนี้ และจะเห็นได้จากประสบการณ์ว่า ความยิ่งใหญ่ของศาสนจักร และการที่สเปนเข้าสู่อิตาลีได้ มีสาเหตุมาจากฝรั่งเศส และสาเหตุการล่มสลายของฝรั่งเศสก็คือ ความยิ่งใหญ่ของทั้งสองฝ่ายนี้

จากสถานการณ์นี้สามารถวางกฎพื้นฐานทั่วไปอันไม่มีวันผิดพลาด หรือแทบจะไม่มีทางผิดพลาด นั่นคือ ผู้ใดก็ตามเป็นสาเหตุให้อีกผู้หนึ่งทรงอำนาจ ผู้เป็นสาเหตุจะถูกทำลายให้พินาศล่มสลาย เพราะอำนาจของตัวเขานั้นก่อเกิดขึ้นด้วยความอุตสาหะพากเพียรหรือกองกำลังของเขาเอง และสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือทั้งสองสิ่งนี้ ย่อมเป็นที่หวาดระแวงของผู้ที่เขาเป็นสาเหตุให้ทรงอำนาจขึ้นมา

 4.ด้วยเหตุใด อาณาจักรดาริอุสซึ่งพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ครอบครอง จึงเกิดการกบฏต่อผู้สืบราชสมบัติจากพระเจ้าอเล็กซานเดอร์ ภายหลังการสิ้นพระชนม์ของพระองค์

ความยากลำบากนานาเกี่ยวเนื่องกับการถือครองรัฐที่ได้มาใหม่นั้น เมื่อพิจารณาแล้ว บางคนอาจประหลาดใจว่า สถานการณ์ดังจะกล่าวนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ในเมื่อพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราช ทรงกลายเป็นเจ้าแห่งเอเชียในเวลาไม่กี่ปี และหลังจากที่ทรงยึดครองได้ไม่นานก็สิ้นพระชนม์ อันสมควรแก่เหตุผลที่รัฐทั้งรัฐจะเกิดการกบฏ

แต่กระนั้นผู้สืบราชสมบัติต่อจากพระองค์ก็รักษารัฐไว้ได้ และไม่มีความยากลำบากอื่นใดในการครอบครอง นอกจากปัญหาวุ่นวายอันเกิดจากความทะเยอทะยานในหมู่พวกเขาเอง

 การนี้มาเคียเวลลีตอบว่า ในบรรดารัฐภายใต้เจ้าผู้ครองนครอันยังอยู่ในความทรงจำของผู้คนนั้น มีการปกครองอยู่สองรูปแบบที่แตกต่างกัน แบบหนึ่งคือการปกครองโดยเจ้าผู้ครองนครคนเดียว และบรรดาข้าหลวงผู้อยู่ในฐานะมนตรีทั้งหมด ช่วยบริหารราชการแผ่นดินตามที่เจ้าผู้ครองนครเห็นชอบและแต่งตั้ง
ส่วนอีกรูปแบบหนึ่งคือ ปกครองโดยเจ้าผู้ครองนครหนึ่งคนกับขุนนางต่างๆ ที่ถือตำแหน่งโดยไม่ใช่ด้วยความเห็นชอบของเจ้าผู้ครองนคร ทว่าโดยการสืบทอดทางสายโลหิตมาแต่โบราณ ขุนนางเหล่านี้มีนครรัฐและพลเมืองของตนเอง ซึ่งเป็นพลเมืองผู้ยอมรับนับถือขุนนางของตนเป็นเจ้า และจงรักภักดีโดยธรรมชาติ

ส่วนบรรดารัฐซึ่งปกครองโดยเจ้าผู้ครองนครเพียงคนเดียวกับข้าหลวงนั้น พลเมืองจะถือว่าเจ้าของพวกเขามีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือกว่า เพราะในเขตแคว้นทั้งหมดภายใต้การปกครอง ไม่มีผู้ใดเป็นที่ยอมรับในฐานะอันสูงสุดเช่นเจ้าผู้ครองนครอีกแล้ว และหากพวกเขาจะเชื่อฟังคำสั่งของผู้อื่น ก็เพียงในฐานะมนตรีและข้าราชการในพระองค์เท่านั้น ทว่าไม่ยกย่องคนเหล่านั้นด้วยความจงรักภักดีแต่อย่างใด

 ตัวอย่างการปกครองสองรูปแบบอันแตกต่างกัน ที่มีให้เห็นในยุคนั้นได้แก่ การปกครองของชาวเติร์ก กับการปกครองของกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสอาณาจักรทั้งหมดของชาวเติร์กปกครองโดยเจ้าองค์เดียว ส่วนผู้บริหารงานปกครองคนอื่นๆคือ ข้าหลวง

ในการแบ่งอาณาจักรเป็นมณฑลปกครอง เจ้าจะส่งผู้ว่าการไปปกครองแต่ละมณฑล โดยเปลี่ยนแปลง ปรับเปลี่ยนคนเหล่านี้ตามที่เจ้าเห็นชอบ ในขณะที่กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสทรงอยู่ท่ามกลางขุนนางชั้นสูง ผู้สืบเชื้อสายมาแต่โบราณจำนวนมากและหลากหลาย ผู้ได้รับการยอมรับในรัฐของตนโดยพลเมืองของตนเอง และพลเมืองก็ให้ความจงรักภักดีด้วย พวกเขามีอภิสิทธิ์ส่วนตน ซึ่งกษัตริย์มิอาจเอาไปจากพวกเขาได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อพระองค์
ดังนั้นผู้ ใดก็ตามที่ได้พิจารณาถึงรัฐทั้งสองแบบนี้ จะพบว่า มีความยากลำบากในการได้มาซึ่งรัฐของชาวเติร์ก แต่ก็ควรที่จะเข้ายึดครอง เพราะเมื่อครอบครองได้แล้วจะง่ายอย่างยิ่งในการรักษาไว้ ในทางกลับกัน ท่านจะพบบางแง่มุมอันง่ายดายในการเข้ายึดครองรัฐของฝรั่งเศส ทว่ายากยิ่งในการปกครองและรักษาไว้

(บทความตอนนี้ของ“มาเคียเวลลี” ยกฝรั่งเศสที่ล่าดินแดนคนอื่นเป็นพระเอ๊กพระเอก..ส่วนเรื่องชาวอุยกูร์นั้นรออ่านตอนหน้านะครับ)


กำลังโหลดความคิดเห็น