xs
xsm
sm
md
lg

ภูมิรัฐศาสตร์โลกแบบใหม่ที่“อียู”อาจกลายเป็น“อียับเยิน”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โดนัลด์ ทรัมป์
ปิดฉากสัปดาห์นี้...ก่อนอื่นก็คงต้องขออนุญาตชี้ชวน เชิญชวน ผู้ที่สนใจในเรื่องราวความเป็นไปของโลก ให้ลอง “คลิก” ไปอ่านข้อเขียน บทความของด็อกเตอร์ทางด้านรัฐศาสตร์ “Vasily Kashin” ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษายุโรปและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ (The Centre for Comprehensive European and International Studies-HSE) ว่าด้วยเรื่อง “A new American Empire : Trump, Russia, and the end of Globalism” หรือจักรวรรดิอเมริกาใหม่-ทรัมป์-รัสเซียและจุดจบของโลกานุวัตร โลกาภิวัตน์ อะไรประมาณนั้น โดยถ้าหากไม่อยากปวดเศียรเวียนเกล้า กับการแกะภาษาปะกิต ให้ต้องเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจนเกินไป ก็อาจลองคลิกเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณ “ทนง ขันทอง” ที่ท่านได้หยิบมาถ่ายทอดเอาไว้เป็นภาษาไทยแบบชนิดวรรคต่อวรรค ประโยคต่อประโยค รับรองว่าโอกาสที่จะได้เห็นภาพ “ป่าทั้งป่า” ขึ้นมามั่งรางๆ น่าจะเป็นไปได้ไม่มาก-ก็น้อย...

คือถ้าจะสรุปคร่าวๆ ก็คงประมาณว่า...การกลับมาของ “ทรัมป์บ้า” เพื่อหวังจะสร้างความยิ่งใหญ่ให้ “America Great Again” ขึ้นมาอีกครั้งนั้น เอาไป-เอามาแล้ว...มันน่าจะไม่ใช่ความยิ่งใหญ่แบบเดิมๆ หรือแบบตำรวจโลกแบบจ้าวโลกต่อไปอีกแล้ว แต่เป็นความยิ่งใหญ่แบบที่ต้องถอยกลับ ย้อนกลับ ไปยังยุคที่ประเทศอเมริกายังไม่ได้คิดจะแบกโลกเอาไว้บนบ่า หรือยุคปลายๆ ศตวรรษที่ 19 ยุคอดีตประธานาธิบดี “William McKinley” โน่นเลย อันเป็นยุคที่ “ทรัมป์บ้า” เองก็เคยกล่าวยกย่องโดยเปิดเผย ว่าถือเป็น “ยุคทอง” ของอเมริกาเอาเลยถึงขั้นนั้น และด้วยแนวคิดเช่นนี้นี่เอง ที่จะทำให้ความเป็นผู้นำโลกเสรี หรือ “จักรวรรดิเสรีนิยม” ของอเมริกา น่าจะสิ้นสุด ยุติลงไปเรียบโร้ยย์ย์ย์แล้ว เช่นเดียวกับความเป็นโลกาภิวัตน์ โลกานุวัตร ภายใต้การขับเคลื่อนของทุนนิยมเสรี หรือบรรดาพวกทุนข้ามชาติทั้งหลาย ที่น่าจะถึงจุดจบตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้...

หรือพูดง่ายๆ ว่า...อเมริกายุค “ทรัมป์บ้า” กำลังค่อยๆ แปรสภาพตัวเอง ไปสู่ความยิ่งใหญ่แบบ “Isolationist” หรือแบบโดดเดี่ยวตัวเอง ไม่คิดจะครองโลก เป็นจ้าวโลกแบบเดิมๆ ต่อไปอีกแล้ว หรือยิ่งใหญ่ภายในขอบเขตอำนาจที่ตัวเองต้องการ ไม่ได้คิดจะแบกโลกทั้งโลกเอาไว้บนบ่า อันส่งผลให้ผู้ที่ถูก “ถีบทิ้ง” เป็นรายแรก เลยหนีไม่พ้นไปจาก “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน และบรรดาชาติยุโรปอย่าง “อียู-อีย้วย” ทั้งหลาย ที่สร้างน้ำหนัก สร้างภาระให้กับอเมริกา จน “ทรัมป์บ้า” ไม่คิดจะรับหน้าที่เป็นคุณน้อง “คำผกา” ไม่คิดจะแบก หรือแบกไม่ไหว กันอีกต่อไป ด้วยเหตุนี้...“ภูมิทัศน์แห่งภูมิรัฐศาสตร์โลก” จึงย่อมต้องเกิดการเปลี่ยนแปลง แบบชนิดแทบจะ “พลิกฟ้า-คว่ำดิน” เอาเลยก็ว่าได้ หรือถือเป็นการสิ้นสุด ยุติของ “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว โลกทั้งโลกได้กลายสภาพเป็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไม่ว่าจะเป็นขั้วอเมริกา ขั้วจีน ขั้วรัสเซีย หรือขั้วยุโรป ฯลฯ ที่ยังออกอาการหลงละเมอ หาทางออก-ทางไปแทบไม่ได้...

แม้จะเพียรพยายามแปรสภาพตัวเองจาก “อียู-อีย้วย” มาเป็น “อียื้อ” คิดจะยื้อ “สงครามยูเครน” ให้ยืดเยื้อต่อไปอีกสักกี่ปีต่อกี่ปีก็แล้วแต่ คิดจะเพิ่มงบประมาณทางทหารของกลุ่มก้อนตัวเองเพิ่มขึ้นไปอีก 2 เท่า คิดขยายศักยภาพอาวุธนิวเคลียร์ให้ครอบคลุมไปทั่วทั้งยุโรปโดยไม่ต้องพึ่งพาอาวุธนิวเคลียร์ของอเมริกาอีกต่อไป หรือคิดจะระดมทหาร เกณฑ์ทหารเพิ่มขึ้นให้ได้เป็นแสนๆ ล้านๆ เพื่อเอาไว้สู้กับรัสเซียที่มีทหารนับล้าน ฯลฯ อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้ดูเหมือน คุณ “Stephen Bryen” อดีตรองปลัดกลาโหมอเมริกาและอดีตประธานกรรมการบริหารด้านกลาโหมสาขาอเมริกาเหนือ ที่ปัจจุบันยังเขียนโน่น เขียนนี่ ให้กับสำนักข่าว “Asia Times” ท่านก็ได้พยายาม “ตอบคำถาม” เหล่านี้ เอาไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “Investor beware of robust European defense spending” หรือที่ “สำนักข่าวผู้จัดการ” ของหมู่เฮา นำมาแปลและเรียบเรียงในชื่อว่า “เชื่อได้แค่ไหน?...ยุโรปเอาจริงเพิ่มงบกลาโหมมุ่งรับมือรัสเซียหลังถูกทรัมป์เทอย่างไม่ไยดี” และเผยแพร่ไว้ช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (9 มี.ค.) ใครสนใจรายละเอียดคงไปหาอ่านได้ไม่ยาก...

คือถ้าสรุปแบบสั้นๆ-ง่ายๆ ก็คือ...โอกาสที่ “อียู-อีย้วย” ซึ่งคิดแปรสภาพขั้วอำนาจของตัวเองให้กลายมาเป็น “อียื้อ” เพื่อสู้กับรัสเซียโดยไม่ต้องพึ่งพาอเมริกาอีกต่อไป อาจต้องกลายสภาพเป็น “อียับเยิน” ภายในอนาคตเบื้องหน้า น่าจะมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ด้วยเหตุเพราะ “ภูมิรัฐศาสตร์” ของโลกมันเปลี่ยนแปลงไปแล้วแบบโดยสิ้นเชิงนั่นเอง หรือสิ่งที่เคยเรียกๆ กันว่า “โลกตะวันตก” (Western Hemispheric) ในทุกวันนี้ มันไม่ได้หมายถึงอเมริกากับบรรดาชาติยุโรปทั้งหลาย ที่เคยยืนหยัดเคียงบ่า-เคียงไหล่ รวมกันเป็นพันธมิตรสองฟากฝั่งแอตแลนติก เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันภายใต้องค์กร “NATO” แบบเดิมๆ อีกแล้ว แต่มันกำลังค่อยๆ แตกออกเป็น 2 ซีก 2 ขั้ว คือขั้วอเมริกากับขั้วยุโรป ที่ต่างต้องหันมาสวมรองเท้าผ้าใบคอนเวิร์ส หรือต้อง “ทางใครก็ทางมัน” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกต่อไป...

และนั่นก็อาจทำให้ขั้วอำนาจอย่างจีน...ที่เคยพยายามเสนอตัวเป็น “ทางเลือก” ของยุโรปมาโดยตลอด อาจไม่ต้องถูกบรรดาพวก “พรมเช็ดเท้า” ของคุณพ่ออเมริกาทั้งหลาย รวมหัวกันต่อต้านจำกัดการลงทุนจากประเทศจีน ไม่คิดจะใช้เทคโนโลยี 5G หรือไม่ยอมเปิดช่อง เปิดทาง ให้อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศจีนเป็นอันขาด ฯลฯ อาจต้องยอมหันไป “หยวนๆ” ยอมให้เงิน “เหรินหมินปี้” เข้ามาปี้อะไรต่อมิอะไรภายในอาณาเขตยุโรปได้แบบคล่องเนื้อ-คล่องตัวยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็อย่างที่นักวิเคราะห์สถานการณ์โลกอย่าง “Dr.Vasily Kashin” ท่านได้ตั้งข้อสังเกตเอาไว้ก่อนล่วงหน้านั่นแหละว่า นั่นย่อมต้องส่งผลให้ “ความทะเยอทะยานของชาติยุโรปบางราย ที่หวังจะผลักดันองค์กร NATO ให้ขยายบทบาทเข้าไปในอินโด-แปซิฟิก ย่อมต้องสะดุดหยุดกึกลงไปด้วย” อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลย...

พูดง่ายๆ ว่า...การกลับมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันรอบใหม่ของ “ทรัมป์บ้า” คราวนี้ ดูจะก่อให้เกิดการ “ป่วนโลก” มิใช่น้อย และเป็นการป่วนที่แม้ว่ารัฐบาลอเมริกันในอนาคตข้างหน้า จะไม่ใช่ “ทรัมป์บ้า” หรือไม่ใช่พรรครีพับลิกันอีกต่อไป แต่ด้วยการวางหมาก วางเกม เอาไว้โดยละเอียด รอบคอบ โอกาสที่รัฐบาลใหม่อเมริกาจะเปลี่ยนแปลงสิ่งที่ “ทรัมป์บ้า” วางรากฐานขึ้นมาใหม่ น่าจะลำบากเอามากๆ ความสิ้นสุด ยุติของ “โลกขั้วอำนาจเดียว” และการปรากฏตัวของ “โลกหลายขั้วอำนาจ” อย่างเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ชัดเจนแล้ว จึงเป็นสิ่งที่บรรดาขั้วอำนาจในแต่ละรายจะต้องหาทางประคับประคองตัวเอง ภายใต้ “ภูมิรัฐศาสตร์แบบใหม่” ที่ยากจะย้อนกลับไปสู่เส้นทางเดิมๆ จึงเป็นสิ่งที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้อีกต่อไปแล้ว...

ส่วนความพยายามที่จะทำให้ขั้วอำนาจอย่างจีน กับขั้วอำนาจอย่างรัสเซีย เกิดการแยกขั้ว แยกข้าง แบบอเมริกายุคอดีตประธานาธิบดี “นิกสัน” เคยใช้ “การทูตปิงปอง” ชนิดประสบความสำเร็จมาแล้วพอสมควร แต่นั่นมันก็คงเป็นแค่ “อดีต” เป็นฉากสถานการณ์ที่ผิดแผกแตกต่างไปจากช่วงระยะปัจจุบันและอนาคตเบื้องหน้าแบบคนละเรื่อง-คนละม้วน แม้ผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” เคยป่าวประกาศแบบตรงไป-ตรงมา ว่าจะต้องหาทางตอกลิ่มให้เกิดความขัดแย้งระหว่าง 2 ขั้วอำนาจที่ว่านี้ให้จงได้!!!

แต่ทั้งนั้น ทั้งนี้ ก็อย่าลืมไปเสียล่ะว่า...เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว หรือเมื่อวันที่ 1 ก.ค. ปี ค.ศ. 2016 ขณะที่อเมริกาและชาติยุโรปทั้งหลาย ยังคงเพลิดเพลินเจริญใจอยู่กับความยิ่งใหญ่ เกรียงไกรของโลกตะวันตกหรือของ “โลกขั้วอำนาจเดียว” ผู้นำจีน หรือผู้ที่มีส่วนผลักดันเพื่อให้เกิด “โลกหลายขั้วอำนาจ” ขึ้นมาให้จงได้ อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ท่านได้เคยเอ่ยคำพูด คำจาเอาไว้ในช่วงครบรอบ 95 ปีของพรรคคอมมิวนิสต์จีน อย่างชนิดตรงไป-ตรงมาและชัดถ้อย-ชัดคำ โดยเฉพาะคำพูดที่ว่า... “โลกกำลังอยู่ริมขอบเหวแห่งการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง (พลิกฟ้า-คว่ำดิน) และเรากำลังเป็นประจักษ์พยานต่อการล้มละลายของกลุ่มประเทศมหาอำนาจอย่างอียู กำลังได้เห็นว่าระบบเศรษฐกิจของประเทศอภิมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ จะล่มสลายได้อย่างไร และนี่เอง...ที่เป็นตัวบ่งชี้ถึงการสิ้นสุดของระเบียบโลกใหม่ (New World Oder) ดังนั้น...ในช่วงอีกประมาณ 10 ปีนับจากนี้ เราจะมีโอกาสได้เห็นระเบียบโลกอีกแบบหนึ่ง ซึ่งไม่เหมือนกับที่เคยเป็นมาก่อนหน้านี้ โดยมีกุญแจสำคัญที่จะทำให้สิ่งเหล่านี้เป็นจริง-เป็นจังขึ้นมา นั่นก็คือ...ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับรัสเซีย...”

หรือเอาเข้าจริงๆ แล้ว...แม้ว่า “วอชิงตันพยายามที่จะสร้างจินตนาการถึงการแยกรัสเซียและจีนให้ออกห่างจากกันเป็นเวลานับเป็นปีๆ มาแล้ว” อย่างที่ “Dr.Vasily Kashin” ท่านได้สรุปเอาไว้ แต่ด้วยการอาศัยมุมมองแบบ “พ่อค้า” ของผู้นำอเมริการายใหม่อย่าง “ทรัมป์บ้า” โอกาสที่จะตอกลิ่มแยกจีนออกจากรัสเซียมันคงไม่น่าจะ “ง่าย” กันสักเท่าไหร่นัก เพราะมันไม่ใช่แค่เรื่องของขั้วอำนาจ หรือของผลประโยชน์ประเทศหนึ่ง-ประเทศใดแต่เพียงเท่านั้น แต่มันเป็นเรื่องของโลกทั้งโลก ที่มิอาจหวนกลับไปสู่เส้นทางเดิมๆ ได้อีกต่อไปแล้ว...นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น