ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์
สาขาวิชาสถิติศาสตร์ สาขาวิชาพลเมืองวิทยาการข้อมูล
สาขาวิชาวิทยาการประกันภัยและการบริหารความเสี่ยง
คณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์
ผมเพิ่งมีโอกาสได้ไปชมภาพยนตร์มังกรหยกฉบับที่ฉีเคอะเป็นผู้กำกับ ในฐานะแฟนพันธุ์แท้ที่ติดภาพยนตร์และซีรีส์เรื่องมังกรหยกของอาจารย์กิมย้งมายาวนาน ดูมาทุกเวอร์ชั่น ทุกยุคทุกสมัยมีการนำมาทำซ้ำจำนวนมากมายและทำให้ดาราที่แสดงแจ้งเกิดในวงการบันเทิงของฮ่องกงและของจีนนั้นมีเป็นจำนวนมากมาย เมื่อมีภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์จากนวนิยายกำลังภายในซึ่งย้อนไปในประวัติศาสตร์ชาติจีนฟอร์มใหญ่ยักษ์ขนาดนี้ย่อมสนใจที่จะไปรับชมแม้ว่าจะเป็นการไปรับชมที่ล่าช้าไปเกือบ 3 อาทิตย์ก็ตาม
เนื่องจากสามารถจดจำเรื่องราวหรือสตอรี่เทลลิ่งของมังกรหยกที่มีก๊วยเจ๋งและอึ้งย้งเป็นพระเอกและนางเอกได้เป็นอย่างดี เพราะได้รับชมมาแล้วนับครั้งไม่ถ้วนและทราบดีว่านวนิยายกำลังภายในของกิมหยงนั้นมีความยาวมีความซับซ้อนและมีความละเอียดเกินกว่าที่จะนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ในเวลา 2 ชั่วโมงกว่าให้ดีได้
แต่เมื่อได้รับชมภาพยนตร์มังกรหยกฉบับฉีเคอะนั้น ก็เกิดความรู้สึกว่าแตกต่างจากซีรีย์ขนาดยาวเรื่องมังกรหยกที่เคยได้รับชมมาในอดีตทั้งสิ้น เพราะการถ่ายทำซีรีส์ขนาดยาวเรื่องมังกรหยกนั้น ในอดีตผู้กำกับภาพยนตร์หรือซีรีย์ที่เรียกว่าละครขนาดยาวเกือบทุกคนต่างก็ดัดแปลงเนื้อเรื่องแตกต่างกันไปบ้างตามการตีความของผู้กำกับแต่ละคน ซึ่งเป็นสิ่งที่ยอมรับได้ว่าภาพยนตร์หรือละครขนาดยาวนั้นไม่จำเป็นต้องเหมือนบทประพันธ์ต้นฉบับเลยเสียทีเดียว
แม้กระทั่งนวนิยายของไทยเมื่อนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์หรือเป็นละครนั้น ย่อมต้องมีการดัดแปลงให้เหมาะสมกับการเป็นภาพยนตร์หรือละครเสียก่อนเพราะการเขียนให้อ่านได้สนุกกับการเขียนบทให้เอาไปแสดงละครหรือทำภาพยนตร์ให้สนุกได้นั้นเป็นคนละเรื่องกัน ยังจำได้ว่ารองศาสตราจารย์ ดร. คุณหญิงวินิตา ดิถียนต์ ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เจ้าของนามปากกาว. วินิจฉัยกุล และ แก้วเก้า ผู้ประพันธ์นวนิยายที่มีชื่อเสียงและถูกนำไปดัดแปลงเป็นละครหรือภาพยนตร์แล้วเป็นจำนวนมากมายนั้นก็ยอมรับได้ว่าจากวรรณศิลป์ไปสู่ศิลปะการ แสดงนั้นจำเป็นต้องมีการดัดแปลงให้เหมาะสมขึ้นมาตามสมควร แต่ยังคงต้องรักษาแก่นของเรื่อง คงลักษณะนิสัยของตัวละครที่เรียกว่ารักษาคาแรคเตอร์ให้มั่นคงพอสมควร และต้องเคารพบทประพันธ์ต้นฉบับ
ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์อีกท่านหนึ่งคือ นางสุภา ศิริสิงห์ หรือ โบตั๋น ยังเคยกล่าวว่านวนิยายเรื่องทองเนื้อเก้านั้นเมื่อเขียนยังไม่มีโรคเอดส์หรือภูมิคุ้มกันบกพร่อง ที่ระบาดกันหนักจนมีคนเสียชีวิตกันมากมาย โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ร้ายแรงในเวลานั้นที่ทำให้ถึงแก่ชีวิตได้คือโรคซิฟิลิส โบตั๋นจึงได้เขียนว่าลำยองติดโรคซิฟิลิสจนเสียชีวิต และโบตั๋นก็ยอมรับได้ว่าเป็นเรื่องที่ดีขึ้นเสียอีกหากละครที่สร้างจากนวนิยายของเนื้อเก้าจะเขียนให้ลำยองเสียชีวิตด้วยโรคเอดส์เพราะจะดูสมจริงมากขึ้นตามยุคสมัย แต่เวลานี้ยาต้านไวรัสเอดส์ สได้ถูกพัฒนาไปมากและมีราคาถูกลง ผู้ป่วยติดเชื้อสามารถเข้าถึงยาได้หมดผู้ติดโรคเอดส์จำนวนมากในเวลานี้จึงมิได้เสียชีวิตด้วยโรคเอดส์แต่ไปเสียชีวิตด้วยโรคอื่นแทน เช่นเป็นมะเร็ง ต่อไปในอนาคตหากมีโรคอุบัติใหม่ที่เป็นโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ที่ร้ายแรงขึ้นมาการทำภาพยนตร์เรื่องทองเนื้อเก้าก็อาจจะปรับว่าลำยองนั้นเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ชนิดใหม่ที่ร้ายแรงกว่าก็เป็นได้อันเป็นไปตามยุคสมัยและความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทางการแพทย์
ต้องบอกก่อนว่าการสร้างละครซีรีย์ขนาดยาวเรื่องมังกรหยกจากบทประพันธ์ของกิมย้งนั้นทำได้ง่ายกว่าการสร้างภาพยนตร์สั้นอันมีเวลาอย่างมากที่สุดคือ 2 ชั่วโมงครึ่งถึง 3 ชั่วโมง เนื่องจากเนื้อเรื่องมังกรหยกนั้นยาวและซับซ้อนมาก อีกทั้งกิมย้งก็ได้ประพันธ์เรื่องราวผูกเรื่องราวและเล่าเรื่องราวไว้อย่างน่าประทับใจสนุกสนานชวนติดตามและมีเหตุผลอธิบายว่าเหตุการณ์หนึ่งนำไปสู่เหตุการณ์หนึ่งได้อย่างไร ทำให้ตัดออกได้ยาก กิมย้งใช้วิธีเล่าเรื่องค่อนข้างเรียงตามกาลานุกรมหรือเส้นเวลาเป็นหลักเรียกว่าเป็นไปตามไทม์ไลน์ทำให้ติดตามได้ง่ายไม่สับสน
แต่เมื่อฉีเคอะจะมาสร้างภาพยนตร์ที่มีเวลาจำกัดนั้นความยากลำบากที่สุดของฉีเคอะก็คือการจะต้องตัดทอนรายละเอียดของเรื่องเล่าในมังกรหยกออกให้สั้นที่สุด เพราะมีเวลาจำกัด อีกทั้งยังต้องทำให้ดูได้อย่างสนุกสนานไม่สูญเสียอรรถรส และไม่รู้สึกว่ากระโดดข้ามไปมาทำให้ลำดับเหตุการณ์ขาดความเป็นเหตุและผลจนดูไม่สมจริง
ต้องขอวิจารณ์ตามตรงว่าภาพยนตร์มังกรหยกฉบับฉีเคอะนี้นั้น เลือกตัดทอนเนื้อหามาในส่วนที่ทำให้ดูแล้วรู้สึกว่าการเล่าเรื่องกระโดดดูแล้วสะดุดไม่เข้าใจเหตุและผลและไม่สามารถลำดับเรื่องราวได้อย่างเข้าใจหากมิเคยได้รับชมภาพยนตร์มังกรหยกฉบับเดิมหรือไม่เคยได้ดูละครขนาดยาวเรื่องมังกรหยกหรือไม่เคยได้อ่านบทประพันธ์นวนิยายต้นฉบับเรื่องมังกรหยกมาก่อน หลายฉากเปิดขึ้นมาแบบปุบปับโดยไม่มีที่มาที่ไป ก็เข้าใจและเห็นใจฉีเคอะในฐานะผู้กำกับภาพยนตร์อยู่ว่าเวลามีจำกัดมาก การเลือกสรรบางฉากและบางบทจากนวนิยายขนาดยาวมากและมีความซับซ้อนเช่นมังกรหยกนี้มาสร้างเป็นภาพยนตร์ย่อมเป็นเรื่อง แต่ถ้าจำเป็นต้องให้คะแนนฉีเคอะในฐานะผู้กำกับและเลือกสรรเนื้อหามาทำภาพยนตร์นั้นต้องขออนุญาตเรียนตามตรงว่าสามารถให้คะแนนได้เพียง 4 คะแนนจาก 10 คะแนน นี่ยังดีที่ฉีเคอะเลือกจบภาพยนตร์แค่การรักษาเมืองเซียงเอี้ยงครั้งแรก แต่กระนั้นรายละเอียดจำนวนมากที่หายไปก็ทำให้การรับชมภาพยนตร์เกิดความรู้สึกสะดุด ไม่มีเหตุผล และพอจบภาพยนตร์ก็ได้ยินเสียงผู้ชมจำนวนมากวิจารณ์กันมากมายว่าฉากนั้นฉากนี้สำคัญ แต่ทำไมถูกตัดออก ทำให้ขาดความสนุกสนานไป
การลำดับเรื่องราวในภาพยนตร์ที่ฉีเคอะกำกับนั้นพยายามใช้วิธีการแบบภาพยนตร์ตะวันตกมีการตัดสลับฉากไปมา ไม่เป็นไปตามเส้นเวลาเท่าที่ควร วิธีตัดภาพหรือเรื่องราวแบบนี้สำหรับคนรุ่นใหม่อาจจะชื่นชอบเพราะดูมีเสน่ห์ให้คิดย้อนไปย้อนมากลับไปกลับมากระโดดไปกระโดดมาบนเส้นเวลา แต่เนื่องจากเรื่องราวและลำดับเหตุการณ์ต่างๆก็มีมากมายอยู่แล้วจนอาจจะสับสนและจำปะปนไปหมด การเล่าเรื่องโดยตัดกลับไปกลับมาอดีตปัจจุบันอนาคตอดีตจึงทำให้ผู้ชมที่อาจจะไม่คุ้นเคยกับเรื่องราวนั้นสับสนได้โดยง่าย
ประเด็นสำคัญอีกประการหนึ่งที่เห็นว่าภาพยนตร์มังกรหยกของฉีเคอะฉะนั้นมีปัญหามากก็คือการแปลความและดัดแปลงลักษณะนิสัยหรือคาแรคเตอร์ของตัวละครของฉีเคอะเองที่แตกต่างไปจากการตีความของกิมหยงอย่างสิ้นเชิง ตัวละครสำคัญที่ผมเห็นว่าฉีเคอะตีความและกำหนดลักษณะนิสัยในภาพยนตร์แตกต่างจากกิมย้ง อย่างสิ้นเชิงคือองค์หญิงฮัวเจิน พอไปชมภาพยนตร์ของฉีเคอะแล้วก็ต้องตกใจว่าองค์หญิงฮัวเจิน แกร่งกร้าว แกร่งกล้า เก่งกาจ ใจเด็ด ห้าวหาญยิ่งกว่าผู้ชาย อันนี้แตกต่างจากองค์หญิงฮัวเจินในต้นฉบับของฉีเคอะอย่างสิ้นเชิง ทำให้ชมแล้วรู้สึกไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่
การดัดแปลงเนื้อเรื่องที่แตกต่างจากต้นฉบับบทประพันธ์ของกิมย้งโดยฉีเคอะนั้นมีมากเหลือเกิน และไม่ได้แน่ใจว่าการดัดแปลงของฉีเคอะนั้นทำให้ชมได้สนุกกว่าเดิมเลย แต่ผมกลับรู้สึกว่าเนื้อเรื่องที่กิมย้งเขียนไว้นั้นสนุกและลงตัวกลมกล่อมดีอยู่แล้ว ที่ต้องดัดแปลงค่อนข้างมาก อาจจะเพราะมีเวลาจำกัดมาก ฉีเคอะเลยเลือกที่จะแต่งเรื่องหรือเขียนเรื่องขึ้นมาใหม่เลย เพื่อให้กระชับสั้นที่สุด หรือตัวฉีเคอะเองอาจจะไม่เห็นด้วยกับการแต่งเรื่อง ผูกเรื่อง เล่าเรื่องของกิมย้ง จึงดัดแปลงเอาเองค่อนข้างมาก
การคัดเลือกนักแสดง ก็เป็นปัญหา นักแสดงที่ไม่ได้ทำให้ผมเชื่อเลยว่าคือก๊วยเจ๋งคือเซียวจ้าน เซียวจ้านแสดงแล้วรู้สึกว่าก๊วยเจ๋ง ไม่ใช่คนเรียนรู้ช้า ไม่ใช่คนที่เถรตรง เป็นก๊วยเจ๋งที่ดูเฉลียวฉลาดมีไหวพริบเกินกว่าตัวละครก๊วยเจ๋งของกิมย้งไปมาก คือชมแล้วไม่เชื่อว่าเซียวจ้านคือก๊วยเจ๋ง เซียวจ้านอาจจะเป็นก๊วยเจ๋งที่หน้าตาหล่อเกินไป ทันสมัยเกินไป ฉลาดเฉลียวเกินไป และอาจจะไม่ได้เป็นปัญหาที่เซียวจ้านด้วย แต่อาจจะเป็นปัญหาที่ตัวฉีเคอะเองที่ดัดแปลงลักษณะนิสัยหรือ Character ของก๊วยเจ๋งด้วยหรือไม่ อันนี้ไม่อาจจะตอบได้
ในแง่ของการผลิต โดยเฉพาะคอมพิวเตอร์กราฟฟิคและแอนิเมชั่น ต้องยอมรับว่าฝีมือดีมาก ประณีตมาก แต่มากจนเกินไป จนดูไม่สมจริง เหมือนกำลังเล่นเกมส์ออนไลน์มากกว่าชมภาพยนตร์ ที่สำคัญคือยิ่งลำแสง ปล่อยพลังเฮ้ากวง ราวกับดราก้อนบอลล์ ไปไกลเกินกว่าหนังภาพยนตร์หรือละครกำลังภายในไปมาก ราวกับหนังอิทธิปาฏิหาริย์ จริงอยู่หนังกำลังภายในในระยะหลังมีแนวโน้มที่จะผิดปกติไปจากธรรมชาติของทฤษฎีฟิสิกส์ทั้งหลายที่เราเรียนมา ไม่ว่าจะเป็นกลศาสตร์ แสง เสียง ดูจะโอเวอร์เกินกว่าธรรมชาติไปทั้งหมด แต่ภาพยนตร์มังกรหยกฉบับที่ฉีเคอะกำกับนี้เทคนิคของคอมพิวเตอร์กราฟฟิคและแอนิเมชั่นดีเกินไปจนไม่ใช่หนังจีนกำลังภายใน แต่ดูเหมือนดราก้อนบอลล์มากกว่า หรือเหมือนเกมส์ออนไลน์หรือหนังเรื่องอิทธิปาฏิหาริย์ สิ่งเหนือธรรมชาติ มากจนเกินไป พูดง่าย ๆ คือ ดูโอเว่อร์ไปมาก
ภาพยนตร์มังกรหยกฉบับฉีเคอะนั้น โด่งดังมาก มีการจอง Box Office จำนวนมากมายในจีน และในไทยก็ดังและมีคนชมมากพอสมควร ก็มากขนาดยืนโรงมาได้สามสัปดาห์ แสดงว่ามีคนชมมาตลอด แต่ถ้าถามผมว่าจำเป็นต้องไปชมที่โรงภาพยนตร์ไหม หรือถ้าไม่ไปชมแล้วจะเสียดายหรือเสียใจไหม ผมก็ต้องตอบว่าไม่ ดู YouTube ของละครซีรีส์หลาย ๆ เวอร์ชั่นฟรี ๆ ที่บ้านอาจจะได้อรรถรสมากกว่า ครบถ้วนกว่า แต่ขอบตาอาจจะดำเพราะติดงอมแงม