xs
xsm
sm
md
lg

“มาเคียเวลลี-คัมภีร์ปีศาจทางการเมือง”(ตอนหก)

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”


มาอ่านเรื่อง “THE PRINCE” หรือ “เจ้าผู้ครองนคร ตอนสาม ของ“มาเคียเวลลี” ที่ถือเป็น “การเมืองการปกครองสมัยใหม่” คราวนี้มาดูการปกครองของ “ชาวโรมัน” กันหน่อยดีกว่า

“ชาวโรมัน” ให้ความสำคัญกับนโยบายการเมืองการปกครอง ในแคว้นเขตที่ยึดครองเป็นอย่างดี พวกเขาส่งอาณานิคมไปครองอำนาจ โดยผ่อนผันแก่ผู้มีอำนาจน้อยกว่า และระวังมิให้อำนาจน้อยกว่าเหล่านั้นเพิ่มพูนมากขึ้น รวมทั้งไม่อนุญาตให้อำนาจต่างชาติ เข้าไปสร้างอิทธิพลเป็นที่เลื่องลือในรัฐเหล่านั้นได้

มาเคียเวลลี เห็นว่า เฉพาะตัวอย่างจากเขตแคว้นกรีกก็คงเพียงพอ ดังที่ชาวอเคียกับ “ชาวเอโตเลีย” ได้รับการผ่อนพันจากชาวโรมัน เมื่อครั้ง “อาณาจักรมาซิโดเนีย” ถูกทอนอำนาจและแอนทิโอคัสถูกขับออกไป คุณความดีของชาวเอโตเลียเหล่านี้ มิได้ทำให้ชาวโรมันยินยอมให้พวกเขาขยายอาณาเขตรัฐ ฉันใดฉันนั้น การโน้มน้าวของฟิลิปไม่เคยนำพาให้ชาวโรมันเป็นมิตรต่อเขา โดยไม่ปรารถนาจะล้มเขาได้เลย หรือแม้แต่อำนาจของแอนทิโอคัส ก็ไม่อาจทำให้ชาวโรมันยินยอมให้เขาครอบครองรัฐใดๆ ในเขตแคว้นนั้น

เหตุเพราะชาวโรมันได้จัดการกับกรณีเหล่านี้ ด้วยสิ่งที่เจ้าผู้ครองนครที่ปราดเปรื่องทุกคนควรกระทำ ไม่เพียงต้องคำนึงถึงความยุ่งยากในปัจจุบัน หากแต่ต้องพึงระวังปัญหาที่จะเกิดในอนาคตด้วย และต้องหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ด้วยความอุตสาหะอย่างเต็มกำลัง เพราะเมื่อผู้ใดก็ตามเล็งเห็นปัญหาได้จากระยะไกล เขาผู้นั้นจะสามารถหาหนทางเยียวยาแก้ไขได้

หากรอกระทั่งปัญหามาถึงตัว ยาขนานใดก็มิอาจรักษาได้ทันเวลา เพราะโรคร้ายแรงถึงระดับรักษาไม่ได้แล้ว เพราะเหตุมักเกิดขึ้นเช่นนี้ เหมือนที่นายแพทย์มักกล่าวเสมอเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บว่า ในช่วงมีอาการเจ็บป่วยนั้นง่ายที่จะบำบัดรักษา หากแต่ยากที่จะรู้อาการ ครั้นเมื่อเวลาล่วงไป เมื่อเห็นอาการและเริ่มเยียวยา จะเป็นช่วงที่รู้อาการได้ง่ายแต่บำบัดยาก ลักษณะที่เกิดขึ้นกับกิจการของนครรัฐก็เป็นดังนี้เช่นกัน เมื่อผู้ใดก็ตามเมื่อล่วงรู้ถึงความเลวร้ายที่เกิดขึ้นกับรัฐได้จากระยะไกล (ซึ่งไม่ใช่ว่าจะล่วงรู้ได้ทุกคน มีเฉพาะผู้สุขุมรอบคอบเท่านั้น) ความเลวร้ายอย่างนั้นก็จะได้รับการเยียวยาทันท่วงที แต่หากความเลวร้ายขยายใหญ่โตเพราะไม่มีใครล่วงรู้ จนถึงจุดที่คนทั่วไปสามารถรับรู้ได้นั้น จะไม่มีหนทางบำบัดเยียวยาได้อีกต่อไป
ดังนั้น เมื่อชาวโรมันมองเห็นความขัดข้องเช่นนี้เสียจากระยะไกล ก็พบวิธีบำบัดปัญหาเหล่านั้นทั้งปวงเสมอ และไม่เคยยอมปล่อยให้มันดำเนินต่อไปเพื่อที่จะหลบเลี่ยงสงคราม เพราะพวกเขารู้ดีว่า การสงครามคือสิ่งมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ทำได้เพียงระงับไว้หรือเลื่อนออกไป เพื่อให้ฝ่ายอื่นได้เปรียบเท่านั้น
เมื่อเป็นดังนั้น พวกเขาจึงตัดสินใจทำสงครามกับฟิลิปและกับแอนทิโอคัลในกรีก เพื่อจะได้ไม่ต้องทำสงครามนี้ในอิตาลี ทั้งที่พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงสงครามกับทั้งสองได้ในเวลาเดียวกัน ทว่าพวกเขาไม่ต้องการทำเช่นนั้น และคำกล่าวทุกเมื่อเชื่อวันจากปากของปราชญ์ในยุคเราที่ว่า จงยินดีกับผลประโยชน์จากเวลา ก็ไม่เคยเป็นที่พึงพอใจแก่พวกเขาเลย พวกเขายินดีกับผลประโยชน์จากคุณธรรมและความสุขุมรอบคอบของตนมากกว่า ด้วยกาลเวลาได้กวาดทุกสิ่งนำหน้าไปก่อนแล้ว และสามารถนำสิ่งดีงามมาให้ เท่าๆกับนำสิ่งเลวร้ายมา รวมทั้งสามารถนำสิ่งเลวร้ายมาให้ เท่าๆกับนำสิ่งที่ดีงามมาด้วย

คราวนี้กลับไปที่ฝรั่งเศส และสำรวจดูว่ากษัตริย์แห่งฝรั่งเศสได้กระทำสิ่งใดดังที่กล่าวมาแล้วบ้าง มาเคียเวลลีพูดถึงพระเจ้าหลุยส์ มิใช่กษัตริย์ชาร์ล เพราะเราจะมองเห็นการรุดหน้าของพระเจ้าหลุยส์ได้ชัดกว่า ด้วยทรงครอบครองอิตาลีนานกว่า และเห็นชัดเจนว่า พระเจ้าหลุยส์ปฏิบัติในทางตรงกันข้ามกับสิ่งที่ควรกระทำ ในการรักษารัฐในครอบครองที่มีความแตกต่างกัน
พระเจ้าหลุยส์มายังอิตาลีโดยการชักนำของชาวเวนิสผู้ทะเยอทะยาน ด้วยการให้พวกตนได้ครอบครองกึ่งหนึ่งของลอมบาร์ดี (Lombardy 1 ใน 20 แคว้นของอิตาลี มีเมืองหลวงคือ มิลาน)
จากการมาครั้งนี้ของพระเจ้าหลุยส์ มาเคียเวลลีไม่ต้องการตำหนิหลักการที่นำมาใช้โดยองค์กษัตริย์ ด้วยว่าพระเจ้าหลุยส์ปรารถนาที่จะเริ่มต้นด้วยการสร้างฐานให้มั่นคงยิ่งขึ้นในอิตาลี ขณะทรงไร้พันธมิตรใดๆในแคว้นนี้ แท้จริงแล้วประตูทุกบานปิดสำหรับพระองค์ เหตุเพราะการปฏิบัติของพระเจ้าชาร์ล พระเจ้าหลุยส์จึงอยู่ในภาวะถูกบังคับให้สร้างสัมพันธภาพกับใครก็ได้เท่าที่จะสามารถ และนำหลักการของพระองค์มาปฏิบัติอย่างมุ่งมั่นจะประสบความสำเร็จ หากในการจัดการพระองค์มิได้กระทำผิดพลาดประการใด ดังนั้นเมื่อได้ลอมบาร์ดีมาครองครอง พระองค์จึงทรงได้รับชื่อเสียงเกียรติยศที่พระเจ้าชาร์ลทำให้ต้องสูญเสียไปกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว
เจนัวยอมจำนน ฟลอเรนซ์กลายเป็นมิตร ทั้งมาร์ควิสแห่งมันตูวา ดยุกแห่งแฟร์รารา ตระกูลเบนตีวอลีโย เคาน์เตสแห่งฟอร์ลี บรรดาท่านลอร์ดแห่งฟาเอนชา แห่งเปซาโร แห่งรีมีนี แห่งกาเมรีโน แห่งปีออมบีโน รวมทั้งชาวลูกา ชาวปีชา และชาวซีเอนา ทุกคนล้วนเข้ามาหาพระองค์เพื่อสร้างพันธมิตร และแล้วชาวเวนิสก็ได้เห็นถึงความถือดีของวิธีการที่พวกตนนำมาใช้ เพื่อให้ได้มาซึ่งดินแดนสองแห่งในลอมบาร์ดี นั่นคือ พวกเขาทำให้องค์กษัตริย์ได้ครองครองดินแดนสองในสามของอิตาลี
คราวนี้ ใครๆ ก็มองเห็นได้ว่า แทบไม่มีความยากลำบากที่องค์กษัตริย์จะสามารถรักษาชื่อเสียงเกียรติภูมิของพระองค์ไว้ได้ หากทรงปฏิบัติตามหลักการที่เขียนไว้ข้างต้น และรักษาความมั่นคงปลอดภัย ปกป้องพันธมิตรทั้งหมดของพระองค์ เพราะคนเหล่านั้นมีจำนวนมากมายมหาศาล แต่ก็อ่อนแอและมีแต่ความหวาดกลัว บ้างกลัวศาสนจักร บ้างกลัวชาวเวนิส อยู่ภายใต้ความจำเป็นที่จะต้องเคียงข้างพระองค์เสมอ และด้วยวิถีเช่นนี้ของพวกเขาพระองค์จะสามารถสร้างความมั่นคงปลอดภัย รอดพ้นจากบรรดาผู้ยิ่งใหญ่ในหมู่พวกเราได้โดยง่าย

ทว่า เมื่อเข้าสู่มิลานได้ไม่นาน พระองค์กลับปฏิบัติในทางตรงกันข้าม โดยการให้ความช่วยเหลือพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ อันอาจทำให้พระสันตะปะปาสามารถเข้ายึดโรมัญญาได้ พระองค์มิได้ตั้งข้อสังเกตว่า การตัดสินใจเช่นนี้เป็นการทำให้ตนเองอ่อนแอลง ด้วยการลอกเปลือกพันธมิตรที่เข้ามาห้อมล้อมผู้กระโดดเข้าสู่ตักของพระองค์ ให้ออกไปจากพระองค์ ขณะทรงสร้างความยิ่งใหญ่แก่ศาสนจักร ด้วยการเพิ่มความยิ่งใหญ่ในทางอาณาจักรให้อย่างล้นเหลือ ทำให้ศาสนจักรยิ่งมีอำนาจมากมาย และเมื่อได้กระทำผิดพลาดครั้งแรก ก็ทรงถูกบีบบังคับให้กระทำต่อไป

ดังนั้น เพื่อยุติความทะเยอทะยานของพระสันตะปาปาอเล็กซานเดอร์ และเพื่อป้องกันมิให้เขาเป็นเจ้าเหนือทัสกานี พระองค์จึงถูกบีบบังคับให้เข้าสู่อิตาลี สำหรับพระองค์ การทำให้ศาสนจักรยิ่งใหญ่ และทำให้พันธมิตรออกห่างนั้นยังไม่พอ ด้วยเหตุที่ทรงต้องการอาณาจักรเนเปิลส์ด้วย จึงทรงแบ่งเนเปิลส์กับกษัตริย์แห่งสเปน ในขณะที่เริ่มแรกทรงเป็นผู้ชี้ขาดแห่งอิตาลี แต่แล้วกลับนำหุ้นส่วนผู้หนึ่งเข้ามา ทำให้เหล่าผู้ทะเยอทะยานในเขตแคว้น และบรรดาผู้ไม่พอใจในพระองค์หันไปทางอื่น และในขณะที่สามารถปล่อยให้กษัตริย์สเปนเป็นประเทศราชของพระองค์ในอาณาจักรแห่งนั้นได้ กลับโยนกษัตริย์แห่งสเปนออกไปเพื่อนำคนอื่นเข้ามาอีก ซึ่งเป็นคนอื่นที่สามารถขับพระองค์ออกไปได้

อืม..บทที่สามยังไม่จบก็เห็นแนวคิด “มาเคียเวลลี” เกี่ยวกับโรมันและฝรั่งเศส และความขัดแย้งทางการเมืองของอิตาลีในยุคนั้น..จริงไหม?


กำลังโหลดความคิดเห็น