xs
xsm
sm
md
lg

ตามพรลิงค์ : สมาพันธรัฐที่โลกลืม ตอน ปาหังในยุคอิสระ: บรรณาการสมัยจักรพรรดิหมิงไท่จง

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ดร.เกียรติกำจร มีขนอน


จักรพรรดิหมิงไท่จง (ภาพจาก https://zh.wikipedia.org/)
โดย ดร.เกียรติกำจร มีขนอน

20 พฤศจิกายน พ.ศ.1950 สมเด็จพระนครินทราธิราชแห่งกรุงศรีอยุธยาในชื่อ (昭祿群膺哆羅/囉諦剌 เจ้า-ลู่-ฉุน-อิ๋ง-ตั้ว-หลัว-ตี่-ล่า) ส่งทูตชื่อนายพลังฉัตร (柰婆郎直事剃/悌 ไหน่-โผ-หลาง-จื้อ-ซื่อ-ตี้) เป็นราชทูตนำคณะทูตถวายพระราชสาส์นมาพร้อมกับเครื่องราชบรรณาการได้แก่ ช้างที่ฝึกแล้ว นกแก้วพันธุ์ต่างๆ นกยูงและสินค้าพื้นเมืองอื่นๆ จักรพรรดิหมิงไท่จงพระราชทานตั๋วเงินจีน ผ้าไหมและเครื่องนุ่งห่มอื่นๆ แก่คณะทูตตามลำดับศักดิ์เป็นการตอบแทน รับสั่งให้เจ้ากรมพิธีการจัดการพระราชทานแพรไหมลายดอกเนื้อละเอียดและผ้าไหมกรองทองแก่สมเด็จพระนครินทราธิราช และแจ้งกับทูตกรุงศรีอยุธยาว่าก่อนหน้านี้ราชทูตจากจามปาที่เข้ามาถวายเครื่องราชบรรณาการได้เดินทางกลับแต่ถูกพายุพัดไปติดที่ปาหัง ทางกรุงศรีอยุธยาจึงใช้กำลังข่มขู่ปาหังและนำทูตจากจามปาไปกักตัว สุลต่านแห่งสมุทรา-ปาไซและมะละกาส่งทูตมาแจ้งว่ากรุงศรีอยุธยาส่งทหารมายึดลัญจกรและคำหับที่ได้รับพระราชทานจากราชสำนักหมิงทำให้ประชาชนทั้ง 2 เมืองเกิดความหวาดกลัว จักรพรรดิหมิงไท่จงจึงออกพระราชโองการแจ้งให้สมเด็จพระนครินทราธิราชทราบว่า จามปา สมุทรา มะละกาและกรุงศรีอยุธยามีฐานะเท่าเทียมกันในราชสำนักหมิง ทำไมกรุงศรีอยุธยาจึงใช้กำลังกักตัวทูตจามปาและเอาลัญฉกรไป ให้ดูตัวอย่างโจรพ่อลูกสกุลหลี่ว่าประสบเคราะห์กรรมอันใด ขอให้ปล่อยตัวทูตจามปาและคืนลัญจกรกับหนังสือรับรองให้สมุทราและมะละกา ขอให้กรุงศรีอยุธยาดูและกิจการภายในรักษาทรัพย์สมบัติและปกป้องดินแดนของตัวเองให้ดี อยู่ร่วมกับเพื่อนบ้านอย่างสันติแล้วจะประสบความสุขยาวนาน [กรมศิลปากร พ.ศ.2564: 42-43]

จากข้อความในหมิงสือลู่ตอนนี้แสดงให้เห็นว่ากรุงศรีอยุธยายังคงคุกคามปาหังทำให้ราชสำนักหมิงส่งพระราชสาส์นไปตักเตือนกรุงศรีอยุธยาอีกครั้ง กรุงศรีอยุธยาพยายามยึดลัญฉกรและคำหับจากสมุทร-ปาไซ มะละกาและปาหัง เช่นเดียวกับที่มัชปาหิตทำกับศรีวิชัยและบรูไน เนื่องจากราชสำนักหมิงให้การรับรองว่าสมุทรา-ปาไซ มะละกา ปาหังและกรุงศรีอยุธยาว่ามีสถานะเท่าเทียมกันจึงไม่ยอมรับว่าสมุทรา-ปาไซ มะละกาและปาหังว่าเป็นเมืองขึ้นของกรุงศรีอยุธยาและคอยให้การปกป้องคุ้มครองเมืองเหล่านี้จากการคุกคามของกรุงศรีอยุธยามาโดยตลอด เนื่องจากหัวเมืองมลายูที่เป็นประเทศราชของกรุงศรีอยุธยาเหล่านี้ถูกแทรกแซงจากมหาอำนาจทางทะเล เช่น จีน โปรตุเกส อาเจะห์ และเนเธอร์แลนด์มาโดยตลอดเนื่องจากอยู่ในเส้นทางเดินเรือที่สำคัญ กรุงศรีอยุธยาจึงพยายามหลีกเลี่ยงความขัดแย้งกับมหาอำนาจเหล่านี้จึงไม่สามารถให้ความคุ้มครองหัวเมืองมลายูเหล่านี้ได้เต็มที่

5 สิงหาคม พ.ศ.1954 มหาราชาปรเมศวร เตลุก จินิ (巴剌密鎖剌達羅息泥ป๊า-ล่า-หมี่-ซั่ว-ล่า-ต้า-ลั่ว-ซี่-นี่) แห่งปาหังส่งทูตพร้อมบรรณาการ จักรพรรดิหมิงเฉิงจู่พระราชทานหมวกและเข็มขัด ผ้าไหมและตั๋วเงินเป็นการตอบแทนโดยให้เจ้ากรมพิธีการจัดงานเลี้ยงรับรอง [Wade 2004a: 66; Watanabe 1975: 343]

18 ธันวาคม พ.ศ.1955 ให้เจิ้งเหอและคณะส่งพระราชสาส์นไปยังเมืองต่างๆรวมทั้งปาหัง และพระราชทานของขวัญ เช่น ผ้าไหมปัก ม้วนผ้าไหม ผ้าไหมหลากสีและสินค้าอื่นๆตอบแทนที่กษัตริย์เหล่านั้นส่งทูตมาเข้าเฝ้า [Wade 2004a: 66; Watanabe 1975: 343]

28 สิงหาคม พ.ศ.1957 มหาราชาปรเมศวร เตลุก จินิ (巴剌密鎖剌達羅息泥ป๊า-ล่า-หมี่-ซั่ว-ล่า-ต้า-ลั่ว-ซี่-นี่) แห่งปาหังส่งทูตชื่อ ซู่-หมา-มู่-เหมิน-ตี่-ลี่蘇麻目門的里) ส่งบรรณาการเป็นม้าและสินค้าพื้นเมืองและเจ้ากรมพิธีการจัดผ้าไหมปักพระราชทานให้กษัตริย์ปาหัง [Wade 2004a: 66; Watanabe 1975: 343]

19 พฤศจิกายน พ.ศ.1959 เมืองต่างๆรวมทั้งปาหังและสำนักดูแลความสงบเมืองท่าเก่าส่งทูตมาจีนให้บรรณาการเป็นม้า แรด ช้างและสินค้าพื้นเมืองอื่นๆ [MSL, Wade 2005a; Watanabe 1975: 343]

26 พฤศจิกายน พ.ศ.1959 ราชสำนักจีนจัดเลี้ยงทูตหลายประเทศรวมทั้งปาหังและสำนักดูแลความสงบเมืองท่าเก่า [Wade 2004a: 66; Watanabe 1975: 343]

28 ธันวาคม พ.ศ.1959 จักรพรรดิหมิงเฉิงจู่พระราชทานของให้กับทูตหลายประเทศรวมทั้งปาหังและและสำนักดูแลความสงบเมืองท่าเก่าก่อนเดินทางกลับ เช่นเสื้อชุดทำจากเส้นไหมลาย และส่งเจิ้งเหอและคณะส่งพระราชโองการพร้อมกับพระราชทานผ้าไหมปัก ม้วนผ้าไหม ผ้าไหมหลากสีและสินค้าอื่นๆ เป็นของขวัญให้กับกษัตริย์ที่ส่งคณะทูตมา [MSL, Wade 2005a; Watanabe 1975: 343]

กษัตริย์ที่ส่งทูตมาเข้าเฝ้าจักรพรรดิหมิงไท่จู่ในปีพ.ศ.1921 ชื่อมหาราชาตาเจา และที่เข้าเฝ้าจักรพรรดหมิงไท่จงในปีพ.ศ.1957 ชื่อมหาราชาปรเมศวร ชินี ชื่อคล้ายกับผู้ก่อตั้งมะละกา ปาหังปกครองได้แค่บริเวณชายฝั่งเท่านั้นตามที่อึแรเดียบันทึก [Linehan 1973] และเฟยซิ่นบันทึกเกี่ยวกับปาหังไว้ในซิ่งฉาเซิ่งหลั่นกล่าวว่า [Fei Xin 1969 (1436)]

石崖周匝崎嶇,遠如平寨。田沃,米穀盛。氣候常溫。風俗尚怪,刻香木為神,殺人血祭禱,求福禳災。男女椎髻,穿長衫,繫單布,富家女子金圈四五飾于頂髮,常人五色珠圈。煮海為鹽,釀椰漿為酒。地產黃熟香、沉香、片腦、花錫、降香。貨用金銀、色絹、爪哇布、銅鐵器、鼓板之屬
[Chinese Text Project: ctext.org]

ปาหังตั้งอยู่ทางตะวันตกของเสียน (กรุงศรีอยุธยา) ล้อมรอบด้วยขอบหินผาภูเขามองจากระยะไกลคล้ายกับโต๊ะ ทุ่งนาอุดมสมบูรณ์มีการปลูกข้าวมาก มีภูมิอากาศปกติ มีประเพณีที่ประหลาด เช่น การแกะสลักไม้หอมเป็นเทพเจ้าและฆ่าคนเอาเลือดบูชายัญเวลาขอพรหรือปัดเป่าภัยพิบัติ ประชาชนทั้งชายและหญิงไว้มวยผมด้านหลัง (ผู้ชายไว้ด้านล่าง ผู้หญิงไว้ด้านบน) ใส่เสื้อคลุมยาว นุ่งโสร่งหรือผ้าถุง ผู้หญิงชนชั้นสูงรัดมวยผมด้วยห่วงทองคำ 4-5 ห่วง ผู้หญิงชาวบ้านรัดมวยผมด้วยห่วงลูกปัดห้าสี พวกเขาต้มน้ำทะเลทำเกลือและหมักเหล้าจากน้ำตาลจากจั่นมะพร้าว สินค้าส่งออกคือ ขมิ้น ไม้กฤษณา เม็ดยาสมุนไพร (ยาลูกกลอน) ดีบุก และว่านหางจระเข้ สินค้านำเข้าคือ ทอง เงิน ผ้าไหมย้อม ผ้าชวา ทองแดง เหล็ก ฆ้อง แผ่นกระดาน (แปลโดยผู้เขียน)

เอกสารอ้างอิง

กรมศิลปากร (2564). ความสัมพันธ์ไทย-จีนจากเอกสารสมัยหยวน หมิง ชิง. กรุงเทพ: กรมศิลปากร.

เฟยซิ่น 费信. (1969 [1436]). ซิ่งฉาเซิ่งหลั่น 星槎胜览 [พรรณาหมู่ดาว]. ซินเป่ย, ไต้หวัน: สำนักพิมพ์กวางเหวิน 广文书局.

Linehan, W. (1973). History of Pahang. MBRAS.

Wade, G. (2004a). From Chaiya to Pahang: The Eastern Seaboard of the Peninsula as Recorded in Classical Chinese Texts. In D. Perret, A. Sisuchat, & T. Sombun, Études sur l'histoire du sultanat de Patani (pp. 37-78). Paris: EFEO.

Wade, G. (2005a). Southeast Asia in the Ming Shilu: An Open Access Resource [E-Press]. Asia Research Institute and the Singapore E-Press. https://epress.nus.edu.sg/msl.

Watanabe, H. (1975). An Index of Embassies and Tribute Missions from Islamic Countries to Ming China (1368-1466) as Record in the Ming Shih-Lu: Classified According to Geographical Area. Memoirs of the Research Department of the Toyo Bunko, 33, 285–347.



กำลังโหลดความคิดเห็น