xs
xsm
sm
md
lg

อนาคตมัวในมือนายกฯ Gen Y

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



อุ๊งอิ๊งค์-แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มักพูดถึงสถานการณ์เป็นคนรุ่น Gen Y หลายครั้ง ล่าสุดเธอตอบคำถามที่ถูกพรรคฝ่ายค้านยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “เป็นเวทีที่ดีที่จะได้ให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริงและเข้าใจความเป็นดิฉันด้วยซึ่งเป็นนายกฯ Gen Y อยากให้ทุกคนเข้าใจเพราะบางทีเราอาจจะยังไม่เคยมีนายกฯ Gen Y ก็จะได้เข้าใจซึ่งกันและกัน”

Gen Y หมายถึงคนที่เกิดระหว่างช่วงปี 1981-1996 โดยอุ๊งอิ๊งค์ เกิด 21 สิงหาคม 2529 หรือ ค.ศ. 1986 คนรุ่นนี้เติบโตมาพร้อมกับการพัฒนาของอินเทอร์เน็ตและเทคโนโลยีดิจิทัล พวกเขามักมองหาวิธีใช้เทคโนโลยีในการแก้ปัญหาและพัฒนาคุณภาพชีวิตมักถูกวิจารณ์ว่าต้องการผลลัพธ์เร็วๆ มีความเป็นตัวเองและความเป็นอิสระ แต่อาจขาดความอดทนเมื่อเผชิญปัญหาซับซ้อน รวมถึงการขาดประสบการณ์

เราจึงเห็นว่า อุ๊งอิ๊งค์ต้องพึ่งพาไอแพดในการบริหารประเทศ ในการแถลงต่อสื่อมวลชนและการพบปะกับผู้นำต่างประเทศ และเธอถูกวิจารณ์เรื่องการขาดประสบการณ์ทางการเมืองและการบริหารวิกฤตเช่น การจัดการน้ำท่วมหรือปัญหาเศรษฐกิจซึ่งอาจสะท้อนถึงลักษณะของ Gen Y ที่บางครั้งถูกมองว่า “ยังไม่พร้อม” สำหรับความท้าทายใหญ่ๆ ไม่เข้าใจในรายละเอียดของการบริหารประเทศที่ซับซ้อน และถูกมองว่าเธอพึ่งพาข้อมูลที่สรุปมาให้ในรูปแบบดิจิทัลมากเกินไป แทนที่จะลงลึกในเอกสารหรือการวิเคราะห์เชิงลึกด้วยตัวเอง

หลายครั้งเราเห็นการแสดงออกของอุ๊งอิ๊งค์ที่สะท้อนถึงการขาดวุฒิภาวะและประสบการณ์ในการบริหารราชการแผ่นดินการเข้าสู่นายกรัฐมนตรีของเธอไม่ใช่มาจากความรู้ความสามารถที่เป็นผลงานเพื่อเป็นบันไดให้เธอก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่รู้กันว่า คุณสมบัติเดียวที่เธอมีก็คือ การเป็นลูกของทักษิณเท่านั้นเอง

ถึงตอนนี้ยังมองไม่ออกเลยว่าเธอจะมีความพร้อมในการเผชิญวิกฤตระดับชาติอย่างไรหากเกิดสถานการณ์นั้นขึ้น แม้จะมีทักษิณพ่อของเธอเป็นนายกฯ เงา และมีที่ปรึกษาลายครามห้อมล้อมก็ตาม เพราะถึงเวลาสำคัญอย่างไรเสียเธอจะต้องแสดงภาวะผู้นำออกมาด้วยตัวเอง

สิ่งที่สะท้อนความไม่เชื่อมั่นต่อรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ผ่านโพล เป็นเพราะเราเห็นได้ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของอุ๊งอิ๊งค์ยังไม่สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่ซบเซาได้อย่างมีประสิทธิภาพเช่นดัชนีหุ้นไทยที่ตกต่ำต่อเนื่องปัญหาค่าครองชีพสูงและหนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นนโยบายเรือธงอย่าง “ดิจิทัลวอลเล็ต” ขาดความชัดเจนและอาจนำไปสู่การทุจริตหรือการใช้จ่ายงบประมาณที่ไม่ยั่งยืน นักวิชาการบางคนตั้งข้อสังเกตว่านโยบายเหล่านี้ดูเหมือนเน้นประชานิยมระยะสั้นมากกว่าการปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจระยะยาว

ทักษิณเคยพูดว่า อุ๊งอิ๊งค์สามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ เพราะมีดีเอ็นเอเดียวกับตัวเอง “แพทองธารเป็นผสมผสานของดีเอ็นเอของผม และคุณหญิงพจมานเธอได้รับความเข้มแข็งความอดทนและการตัดสินใจที่รวดเร็วจากแม่ และความเป็นคนเปิดเผยความเข้าใจการเมืองรวมถึงความง่ายในการจัดการจากผมผมเชื่อว่าเธอจะเป็นผู้นำที่ดีผมไม่ได้โม้ แต่เพราะผมทำได้ดีเอ็นเอของผมก็ทำได้”

แต่ในความจริงดีเอ็นเอนั้น แม้ว่าในทางวิทยาศาสตร์ความฉลาดจะสามารถถ่ายทอดทางดีเอ็นเอได้ แต่การแก้ปัญหาเศรษฐกิจ (เช่นหนี้ครัวเรือนสูงดัชนีหุ้นตก) ต้องการมากกว่าดีเอ็นเอเช่นความสามารถในการเจรจากับนานาชาติความเข้าใจบริบทโลกและการบริหารทีมซึ่งยังต้องพิสูจน์จากผลงานจริงของเธอ

แม้เรารู้ว่าแท้จริงแล้วอุ๊งอิ๊งค์เพียงเป็นผู้ที่รับบทแสดงเป็นนายกรัฐมนตรีแทนพ่อของเธอที่เป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงเท่านั้น แต่บทบาทที่อุ๊งอิ๊งค์แสดงอยู่จนเกินความรู้ความสามารถนั้น ก็อาจจะส่งผลเสียต่อความเชื่อมั่นของประเทศไทยในสายตาของนักลงทุนต่างประเทศด้วย

ในปัจจุบันการที่ทักษิณปรากฏตัวต่อที่สาธารณะมากขึ้นแสดงตัวเหมือนเป็นผู้กุมกลไกของประเทศ กระทั่งกล่าวกันว่า การสั่งการและนโยบายต่างๆ ออกมาจากทักษิณ ก็ยิ่งทำให้เกิดข้อครหาว่าอุ๊งอิ๊งค์ไม่มีอิสระในการตัดสินใจ ซึ่งสะท้อนถึงการสืบทอดอำนาจแบบครอบครัวซึ่งอาจบั่นทอนหลักการประชาธิปไตย

เพราะเมื่อเปรียบเทียบกับที่มาของผู้นำแบบประเทศจีนและสิงคโปร์แล้ว ยิ่งทำให้ระบอบประชาธิปไตยถูกตั้งคำถามว่า นี่หรือที่เราเชื่อว่าระบอบการปกครองที่ดีที่สุด แต่เรากลับได้ผู้นำที่สืบทอดอำนาจมาจากครอบครัว ที่ขาดความรู้ความสามารถที่จะนำพาประเทศด้วยตัวเอง

ดังนั้น แม้อุ๊งอิ๊งค์จะมั่นใจในการเป็นคน Gen Y แต่อุ๊งอิ๊งค์ไม่ได้ตำแหน่งมาจากความรู้ความสามารถของตัวเอง แต่เป็นการได้รับโอกาสจาก “privilege” (สิทธิพิเศษ) ของครอบครัวซึ่งทำให้บางคนมองว่าเธอไม่ได้สะท้อนถึง “ความดิ้นรน” ของ Gen Y ทั่วไปการถูกมองว่าเป็น “หุ่นเชิด” ของทักษิณอาจขัดแย้งกับลักษณะของ Gen Y ที่มักเน้นความเป็นตัวของตัวเองและความเป็นอิสระ

สิ่งที่เราเห็นอุ๊งอิ๊งค์ในการเผชิญหน้ากับผู้สื่อข่าวคือ เธอพยายามจะหลีกเลี่ยงการหยุดฟังและตอบคำถามจากผู้สื่อข่าว ยกเว้นวันที่ต้องมายืนอ่านมติครม.ผ่านไอแพด แต่เธอจะเดินไปพูดไป และตอบคำถามแบบไม่จริงจัง เธอมักพูดในลักษณะทั่วไปและขาดความหนักแน่นเมื่อต้องตอบคำถามยากๆ หรือเผชิญการโต้แย้ง

อุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกรัฐมนตรีมากว่า 6 เดือนแล้ว แต่เรายังไม่เห็น “วิสัยทัศน์” ที่ชัดเจนและเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง และนโยบายส่วนใหญ่ดูเหมือนเป็นการสานต่อแนวทางของทักษิณมากกว่าการสร้างสิ่งใหม่ สิ่งที่เธอพยายามจะแสดงเป็นคน GenY ที่เติบโตมากับเทคโนโลยีคือ การพยายามแจกเงินผ่านดิจิทัล วอลเล็ต แต่ทำไม่สำเร็จเท่านั้นเอง

ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่ใช่ลูกสาวของทักษิณ เธอก็คงเป็นเพียงแม่บ้านคนหนึ่งที่ไม่ต้องทำมาหากินอะไร เพราะมีทรัพย์สินที่ได้จากพ่อกว่าหมื่นล้านบาทจากการแสดงบัญชีทรัพย์สินของเธอ เพราะไม่เคยปรากฏว่า เธอประสบความสำเร็จในธุรกิจใดด้วยตัวเองมาก่อนเลย อย่าว่าแต่การเข้ามาบริหารประเทศเลย แม้แต่ธุรกิจของตัวเองถามว่า ทักษิณจะวางใจให้อุ๊งอิ๊งค์เข้าไปบริหารหรือไม่

แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรด้วยเหตุผลทางการเมืองและการท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐของคนรุ่นใหม่ ทำให้เราคงต้องอยู่กับทักษิณและอุ๊งอิ๊งค์ไปอีกระยะหนึ่ง แม้ว่า ในทางการเมืองจะดูเหมือนว่า พรรคร่วมรัฐบาลมีความขัดแย้งกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยในหลายเรื่อง แต่ก็ไม่ได้มีทางเลือกอื่นให้กับสังคมไทยมากนัก นอกจากอยู่ไปท่ามกลางความขัดแย้งไปอย่างนี้ จนกว่าเงื่อนไขความท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐจะหมดไป

แม้ว่าพรรคฝ่ายค้านได้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจโดยกล่าวหาว่าเธอ “ขาดภาวะผู้นำขาดวุฒิภาวะและยอมให้ทักษิณชี้นำ” แต่ด้วยเสียงข้างมากในรัฐบาลและสภาวการณ์ที่บีบให้พรรคร่วมรัฐบาลต้องจับมือกันต่อไป ก็ไม่มีทางเลือกอื่นคงต้องอยู่กับอุ๊งอิ๊งค์กันต่อไป จนกว่าเธอจะบอกพ่อของเธอว่า “หนูพอแล้ว มันเกินสติปัญญาความสามารถของหนู” ซึ่งเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย ถ้ามองจากความมั่นใจของเธอตามบุคลิกของคน Gen Y

อาจจะไม่มีทางเลือกอื่นไปมากกว่าจะต้องอยู่กันไป เพราะเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ก็ไม่มั่นใจต่อพรรคคนรุ่นใหม่ที่ส่วนใหญ่เป็นคน Gen Y เช่นเดียวกัน เพราะเส้นทางที่พวกเขาจะพาไปก็น่าสะพรึงกลัวไม่ต่างกัน
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น