หลายวันมานี้คนไทยจำนวนไม่น้อยพอใจกับบทบาทของคนจีนที่ชื่อหลิว จงอี้ ซึ่งทางการจีนส่งมาเพื่อทลายขบวนการสแกมเมอร์ที่หลอกลวงคนทั่วโลกในประเทศเมียนมาแนวชายแดนไทย แม้นักวิชาการไทยบางคนจะบอกว่าการปฏิบัติการของหลิว จงอี้ดูเหมือนจะก้าวข้ามอำนาจรัฐไทยไปก็ตาม
แต่ถ้าเรามองว่า การก่ออาชญากรรมของแก๊งสแกมเมอร์นี้ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อคนไทยเองอย่างมหาศาล เราก็ต้องยอมรับว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ของจีนเป็นเรื่องของผลประโยชน์ต่อมนุษยชาติทั่วโลก ไม่ใช่เรื่องที่ควรจะมานั่งหวงแหนว่านี่เป็นขอบเขตอำนาจรัฐของไทย แต่เป็นภารกิจที่ทุกชาติต้องร่วมไม้ร่วมมือกัน
มีข้อมูลจากศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปอส.ตร.) มีตัวเลขว่าช่วงเดือนมีนาคม 2565 ถึงมิถุนายน 2567 มีคนไทยตกเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์มากกว่า 575,500 คดีสร้างความเสียหายรวมกว่า 65,715 ล้านบาทหรือเฉลี่ยวันละ 80 ล้านบาท
นั่นแสดงว่ารัฐไทยรู้ว่า คนไทยสูญเสียมหาศาลจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์พนันออนไลน์และล่อลวงออนไลน์ แต่ทำไมรัฐไทยจึงไม่มีความคิดที่จะปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ให้สิ้นซากไปมากกว่าการรอรับแจ้งความร้องทุกข์ของผู้เสียหายเป็นรายๆ ไป ทั้งๆ ที่รู้ว่า แก๊งเหล่านี้ตั้งศูนย์อยู่ตามแนวชายแดนไทยในประเทศเพื่อนบ้านนั่นเอง
ถ้าจีนไม่ส่งหลิว จงอี้มาเมืองไทยเพื่อจัดการกับแก๊งสแกมเมอร์พนันออนไลน์และล่อลวงออนไลน์ เมืองไทยก็เป็นทางผ่านและอู่ข่าวอู่น้ำแหล่งเสบียงให้กับแก๊งนี้ แม้ว่า ฐานของพวกมันจะตั้งในเมียวดีฝั่งพม่าก็ตาม แต่ได้รับการส่งเสบียงอุดหนุนจากฝั่งไทยทั้งไฟฟ้า เชื้อเพลิง และระบบโทรคมนาคม ไม่นับเครื่องอุปโภคบริโภคในการดำรงชีวิต
หลิว จงอี้ไม่ใช่บุคคลธรรมดาของจีน เขาเคยเป็นตำรวจที่มีชื่อเสียงโด่งดังในการปราบปรามคดีอาชญากรรมของจีน หลิวจงอี้ (เกิดเมื่อเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2508) เป็นสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโทด้านกฎหมายเขาสำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนตำรวจเฮยหลงเจียงในปี พ.ศ. 2528 และเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการสืบสวนคดีอาญาระดับประเทศปัจจุบันเป็นผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ
คดีสำคัญที่หลิว จงอี้เคยทำคดีฆาตกรรมต่อเนื่องในเมืองไป๋หยินตั้งแต่ปี 1988 ถึงปี 2002 คดีฆาตกรรมเด็กหญิงชั้นประถมศึกษา 3 คนในเขตเจียงเซียน มณฑลซานซี เมื่อปี 2010คดีปล้นทรัพย์และฆ่านายโจว เคอฮวา เมื่อปี 2012 ที่เมืองฉงชิ่งการระเบิดบ่อนการพนันในเมืองไค่ลี่ มณฑลกุ้ยโจวปี 2014 ฯลฯ
เขายังเป็นต้นแบบของซีรีส์เรื่อง我是刑警 (I Am a Criminal Police) เป็นซีรีส์ทีวีแนวสืบสวนอาชญากรรมในจีนแผ่นดินใหญ่ที่ออกอากาศในปี 2024
ตอนที่มาพบทางการไทยครั้งแรกข้อเสนอ 6 ข้อที่หลิว จงอี้ผู้ช่วยรัฐมนตรีกระทรวงความมั่นคงสาธารณะของจีนเสนอต่อไทยก็คือ
1. รัฐบาลได้บรรลุฉันทามติร่วมกันที่จะต่อสู้กับเมียวดีในเมียนมา จีนให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมฉ้อโกงทางไซเบอร์ในเมียวดีแก่ไทย และจับกุมแกนนำการฉ้อโกงทางไซเบอร์ในไทยโดยเร็วที่สุด
2. การส่งตัวผู้ต้องสงสัยในคดีอาญากลับประเทศ:ในเขตเมียวดีชาวจีนคนหนึ่งชื่อหวางซิงถูกบังคับให้ทำกิจกรรมฉ้อโกงเนื่องจากค้ามนุษย์ยังคงมีผู้ต้องสงสัยที่เกี่ยวข้องอีก 20 รายที่ยังไม่ได้ถูกจับกุมในประเทศไทยจีนเรียกร้องให้ไทยจับกุมผู้ต้องสงสัยเหล่านี้โดยเร็วที่สุดและส่งกลับประเทศ
3. ปล่อยเหยื่อ:สอบสวนเพิ่มเติมต่อเหยื่อที่ถูกควบคุมตัวใน 3 จังหวัดเมียวดีและเรียกร้องให้ปล่อยตัวพลเมืองจีนที่ติดอยู่ขอแนะนำให้ประเทศไทยตัดกระแสไฟฟ้าไปยังเขตเมียวดีด้วย
4. การปิดพรมแดน:การปิดกั้นการข้ามพรมแดนเพื่อป้องกันการเคลื่อนย้ายอาชญากรและสินค้า ขณะเดียวกันก็ลดการจัดหาทรัพยากรให้กับกลุ่มอาชญากร
5. การจัดตั้งศูนย์สอบสวนร่วม:จัดตั้งศูนย์ประสานงานร่วมระหว่างผู้สืบสวนชาวจีนและชาวไทยเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพความร่วมมือในการบังคับใช้กฎหมาย
และข้อเสนอที่เจ็บมากเหมือนเอามีดเสียบลงกลางหัวใจของรัฐไทยก็คือ ข้อที่ 6 นี้
6. การเสริมสร้างความเข้มแข็งในการบังคับใช้กฎหมายในประเทศไทย:ปรับปรุงความพยายามของไทยในการจับกุมอาชญากร และปรับปรุงภาพลักษณ์ความมั่นคงภายในประเทศของไทยผ่านความร่วมมือ จึงได้รับความไว้วางใจจากชุมชนระหว่างประเทศ
จะเห็นว่า สาเหตุที่ไทยต้องกุลีกุจอตัดไฟที่ส่งไปตามแนวชายแดนพม่า หลังจากเกี่ยงกันไปมาว่าเป็นอำนาจของใคร ก่อนที่อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร จะเดินทางไปพบสี จิ้นผิง ก็มาจากข้อเสนอที่จีนเสนอให้ไทยดำเนินการนั่นเอง
แล้วแปลกไหมว่า ทำไมรัฐไทยไม่เคยสงสัยว่า ทำไมคนหลายชาติที่เข้ามาประเทศไทยทางสนามบินสุวรรณภูมิแล้วถูกนำตัวไปยังแม่สอดแล้วข้ามแดนประเทศไทยไปฝั่งเมียวดีจำนวนมากหลายหมื่นนาย และมาจากหลายชนชาติ และถ้าเจ้าหน้าที่ไทยไม่รู้เห็นเป็นใจด้วยสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้อย่างไร ซึ่งถ้าจีนไม่ส่งหลิว จงอี้มาเมืองไทยขบวนการข้ามชาติที่อาศัยประเทศไทยเป็นทางผ่านขบวนการนี้ก็จะดำเนินต่อไป
มีใครบ้างของรัฐไทยที่มีส่วนเกี่ยวพันกับเรื่องนี้ ไม่เพียงแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจ 4-5 นายที่พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติสั่งย้ายเท่านั้น หน่วยงานอื่นล่ะฝ่ายปกครองมหาดไทย ทหาร ศุลกากร ก็ล้วนต้องถูกสอบสวนว่า ปล่อยให้ขบวนการเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และมีใครรู้เห็นเป็นใจหรือไม่
หลิว จงอี้บินมาเจรจากับรัฐบาลไทยแล้วบินไปเจรจากับรัฐบาลพม่าก่อนบินกลับมาเมืองไทย ก่อนมายื่นข้อเสนอ 4 ข้อให้ไทย โดยมีจุดมุ่งหมายที่จะทลายแก๊งนี้ลงให้ราบคาบเพื่อช่วยคนของเขาที่ถูกล่อลวง ซึ่งทำให้เราได้ประโยชน์ด้วย จึงเป็นภารกิจที่รัฐไทยจะต้องให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่เพราะเท่ากับเราให้ความร่วมมือกับการทลายแก๊งกับอาชญากรรมข้ามชาติและคนไทยเองก็ถูกหลอกลวงมหาศาลในแต่ละปี
แม้วันนี้ในเมียวดีจะถูกทลายลงไป แต่ถามว่าขบวนการหลอกลวงออนไลน์เหล่านี้ได้หมดลงไปไหม คำตอบคือ ไม่ เพราะถามใครก็ได้ว่าถึงวันนี้พวกเราต่างยังได้รับโทรศัพท์จากแก๊งคอลเซ็นเตอร์อยู่เลย นั่นแปลว่า มันอาจจะไม่ได้ตั้งอยู่แต่ในแนวชายแดนพม่าที่ถูกปราบปรามเท่านั้น แต่มันอาจตั้งอยู่ในประเทศไทย หรือแม้แต่ชายแดนฝั่งลาวหรือเขมรก็ได้
เพราะแม้แต่ทักษิณซึ่งมีความใกล้ชิดกับฮุนเซนก็เคยบอกว่า แก๊งคอลเซ็นเตอร์อาศัยอยู่ในตึก 25 ชั้นฝั่งปอยเปต แต่ถามว่า เมื่อรู้แล้วทักษิณได้ใช้ความสัมพันธ์กับฮุนเซนอย่างไรกับการขจัดขบวนการที่ล่อลวงและสร้างความเสียหายให้กับคนไทยให้พ้นไปจากฝั่งเขมรบริเวณชายแดนที่อาศัยสาธารณูปโภคและสิ่งของบริโภคไทยผ่านชายแดนเป็นเครื่องหล่อเลี้ยงให้กลับมาหลอกลวงคนไทยหรือไม่
แต่แปลกไหมครับในขณะที่ทางการจีนส่งหลิว จงอี้มาเพื่อปราบปรามพนันออนไลน์และการล่อลวงออนไลน์ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ตามแนวชายแดนไทยอย่างเอาจริงเอาจัง
รัฐไทยกำลังขะมักเขม้นเพื่อผลักดันพนันออนไลน์ให้ขึ้นมาอยู่บนดินถึงกับเดินหน้าเพื่อแก้ไขกฎกระทรวงเพื่อทำให้รวดเร็ว ก่อนการเปิดกาสิโนถูกกฎหมายในประเทศไทยผ่านนโยบายเอนเตอร์เทนเมนต์ คอมเพล็กซ์
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan