ดาวพฤหัสบดีในวิชาโหราศาสตร์หมายถึง ความยุติธรรม ถ้าเป็นบุคคลหมายถึง ผู้ใช้กฎหมายเป็นเครื่องมือในการทำงาน หรือบุคคลที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการยุติธรรมอันได้แก่ เจ้าหน้าที่ตำรวจที่เป็นพนักงานสอบสวน อัยการ และตุลาการ
ในเวลาที่ผ่านมา ตั้งแต่ปลายธันวาคม 67 ดาวพฤหัสบดีโคจรไม่ปกติในราศีพฤษภร่วมกับมฤตยูทับอังคาร จึงทำให้คดีความที่นักการเมือง ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ รวมไปถึงคนที่มีอิทธิพลทางด้านการเงินเป็นจำเลยจะล่าช้า และสร้างความวิตกกังวลให้กับประชาชนที่ต้องการเห็นความยุติธรรม
แต่จาก 14 ก.พ.เป็นต้นไปจนถึงเดือนพฤษภาคม ดาวพฤหัสบดีโคจรปกติ ประกอบกับดาวอังคารซึ่งเป็นตัวเร่งให้เกิดการตัดสินคดีความ ก็จะทำมุมกับดาวอาทิตย์ และลัคนาดวงเมือง คดีดังทั้งหลายโดยเฉพาะคดีเกี่ยวกับการเมืองซึ่งมีนักการเมืองเป็นจำเลย ไม่ว่าคดียุบพรรคเพื่อไทย คดีเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์และหมายถึงเป็นจำเลยรวมในคดีนำนักโทษออกไปควบคุมนอกเรือนจำ โดยไม่ขออนุญาตศาลจะทยอยตัดสิน และจำเลยจะต้องได้รับโทษแน่นอนก่อนเดือนพฤษภาคม
ในเดือนพฤษภาคมมีดาวพฤหัสบดี ดาวเสาร์ และราหูโคจรออกจากราศีที่สถิตอยู่ในขณะนี้ จึงทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงรัฐบาลแน่นอน
ดังนั้น จึงอนุมานได้ว่าก่อนถึงเดือนพฤษภาคม จำเลยในคดีดังทั้งหลายจะคืบหน้าและจะจบลงด้วยจำเลยแพ้คดี และได้รับโทษจำคุกค่อนข้างแน่นอน แม้กระทั่งคดีที่ไม่เกี่ยวกับการเมือง แต่จำเลยเป็นคนดังก็จะจบในทำนองเดียวกัน
ดังนั้น คดีแตงโมก็อยู่ในข่ายนี้คือ ความลับถูกเปิดเผยและจำเลยส่วนหนึ่งต้องได้รับโทษถึงไม่ครบทุกคนก็ส่วนใหญ่ต้องได้รับวิบากกรรมที่ก่อไว้
จะต้องไม่ลืมว่า มฤตยูที่ร่วมพฤหัสบดีทับอังคาร เจ้าเรือนตนุลัคนา ความลับที่ซ่อนเร้นจะถูกเปิดเผย และจำเลยจะพูดความจริงเพราะจำนนต่อหลักฐาน ต่อให้เป็นผู้ร้ายโดยสันดานก็ไม่เว้น
ดังนั้น ถ้าไม่เชื่อโหราศาสตร์และไม่เชื่อกฎแห่งกรรม และปฏิเสธแม้กระทั่งมิติวิทยาศาสตร์ สุดท้ายก็จะต้องยอมรับความจริงที่ได้มาหรือเกิดจากเรื่องหรือสิ่งที่เป็นจริง ซึ่งคนที่ไม่เชื่อศาสดาเฉกเช่นเหมา เจ๋อตุง ก็ยังบอกให้แสวงหาความจริงสิ่งที่เป็นจริง
สุดท้ายจบด้วยคำสอนของพุทธที่ว่า หว่านพืชชนิดใด ย่อมได้รับผลของพืชชนิดนั้น นี่คือกฎแห่งกรรม