xs
xsm
sm
md
lg

สหภาพยุโรปจากอียู-อีย้วย...ถึงอียับเยิน!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


 โรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวาเกีย
เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตแวะกลับไปแถวๆ ยุโรปกันอีกสักเที่ยวนั่นแหละทั่น เพราะบรรดาประเทศยุโรปอย่าง “อียู” ที่ย้วยไป-ย้วยมา หรือออกอาการ “อีย้วย” มานานแล้ว แต่หลังๆ นี้อาจไปไกลถึงขั้น “อียับเยิน” หรือถึงขั้น “ล่มสลาย” เอาเลยก็ไม่แน่!!! หรืออย่างที่ “นายFyodor Lukyanov” ประธานสูงสุดสภากิจการป้องกันประเทศรัสเซีย ผู้อำนวยการวิจัยแห่งสโมสรนักคิด “The Valdai International Club” และยังเป็นหัวหน้ากองบรรณาธิการวารสาร “Russia in Global Affairs” อีกซะด้วย เขาถึงกับออกมาคาดการณ์ถึงขั้นว่ากำลัง “เสี่ยง” ต่อการ “สูญเสียทุกสิ่งทุกอย่าง” เอาเลยถึงขั้นนั้น (Western Europe risk losing everything)...

โดยเฉพาะเมื่อเจอกับการหวนกลับมาเป็นประธานาธิบดีอเมริกันรอบใหม่ของ “อภิมหาตัวป่วน” อย่าง “ทรัมป์บ้า” แถมยังมีคนสนิท-ชิดใกล้ อย่าง “นายElon Musk” เจ้าพ่อ “Tesla” และเจ้าของโซเชียล มีเดีย “X” โดดมา “ร่วมด้วยช่วยป่วน” อย่างเป็นระบบและกิจการ เรียกว่า...ไม่ใช่แค่การออกอาการ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ในเรื่องการยึดเกาะกรีนแลนด์ของเดนมาร์ก ยึดคลองปานามา หรือคิดจะเอาแคนาดามาเป็นรัฐที่ 51 ของอเมริกาไปโน่นเลย ที่ทำให้ “ท่านพิชัย นริพทะพันธุ์ แห่งเยอรมนี” หรือ “นายOlaf Scholz” ผู้นำเยอรมนีถึงกับหัวล้านแดงเป็นลูกมะอึก ต้องออกมาป่าวประกาศว่า “เยอรมนีจะไม่อดทนต่อการคิดจะกระทำการดังกล่าวโดยเด็ดขาด” รวมทั้งรัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส “นายJean-Noel Barrot” ที่ต้องออกมาสวนความป่วน ด้วยการประกาศว่า “ยุโรปจะยืนหยัดในการปกป้องกฎหมายระหว่างประเทศ” ที่อาจเป็นคนละเรื่อง-คนละม้วนกับ “rules-based global order” ของอเมริกา อันเป็นสิ่งที่ผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านเคยแปลความไว้แบบไปตรง-ตรงมาว่า ก็คือกฎที่ไม่ใช่กฎ หรือกฎที่มุ่งตอบสนองต่อความปรารถนา-ต้องการของ “ตัวกูเอง” นั่นแหละเป็นหลัก...

แต่เรื่องการยึดโน่น ยึดนี่ อาจถือเป็นเรื่อง “ล้อเหล้นน์น์น์” หรือ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ไปตามเรื่อง-ตามราว เพราะที่น่าจะหนักหนา-สาหัสยิ่งกว่านั้น หรือเอาจริงๆ ไม่ใช่แค่ล้อเล่น ก็คือเรื่องของการกดดัน บีบบังคับ ให้บรรดาประเทศอียูหรือประเทศพันธมิตรทางทหารแห่งองค์กร “NATO” ทั้งหลาย ต้องเพิ่มงบประมาณค่าใช้จ่ายในทางทหารจากที่เคยจ่ายๆ อยู่แค่ประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีให้เพิ่มขึ้นเป็น 5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีเป็นอย่างน้อย อันเป็นสิ่งที่แม้แต่ “เลขาธิการ NATO” รายใหม่ อดีตนายกรัฐมนตรีเนเธอร์แลนด์ “นายMark Rutt” ถึงกับพยายามออกมาตอบสนองต่อการกดดันและบีบบังคับทำนองนี้ ด้วย “คำขู่” หรือด้วยการสร้างบรรยากาศแห่ง “ความกลัว” แผ่ซ่านไปทั่วทั้งอียูเอาเลยก็ว่าได้ คือถึงขั้นสรุปว่า...ถ้าหากบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายไม่คิดเพิ่มค่าใช้จ่ายทางทหารก็ให้เริ่มต้น “เรียนภาษารัสเซีย” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!

อันนี้ต้องเรียกว่า...ไม่ใช่แค่ “ล้อเหล้นน์น์น์” ต่อไปอีกแล้ว แต่อาจถือเป็นการ “ข่มขู่” แบบชนิดตรงไป-ตรงมาเอาเลยก็ว่าได้ ดังคำพูดแต่ละวรรคแต่ละประโยคระหว่างการตอบคำถามผู้สื่อข่าวในเวทีประชุม “AFFT” (The European Parliament’s Committee on Foreign Affairs)เมื่อช่วงวันจันทร์ที่แล้ว (20 ม.ค.) ที่ระบุไว้ว่า... “แม้ว่าเดี๋ยวนี้เราปลอดภัย แต่ไม่ใช่อีก 4-5 ปีข้างหน้าแน่ๆ และถ้าคุณไม่ทำสิ่งนี้ (เพิ่มงบประมาณทหาร) คุณคงต้องไปเริ่มเรียนภาษารัสเซีย ไม่ก็ย้ายไปอยู่แถวๆ ประเทศนิวซีแลนด์โน่นเลย” แถมยังวาดภาพเอาไว้แบบน่าเกลียด-น่ากลัวด้วยการตั้งข้อกล่าวหาว่าประเทศมหาอำนาจคู่แข่งอเมริกาอย่างจีนและรัสเซีย รวมทั้งอิหร่านและเกาหลีเหนือ กำลังพยายามทำให้ “ประชาธิปไตยของเราอ่อนแอและหันเหไปจากเสรีภาพของเรา” อันทำให้... “ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องเคลื่อนย้ายความรู้สึกไปสู่ช่วงเวลาแห่งสงครามเพื่อป้องกันสงครามเราต้องเตรียมตัวสำหรับมัน” นี่...ฟังแล้วขนหัวลุก-ขนหัวไม่ลุก ก็แล้วแต่จะไปชั่งน้ำหนักความรู้สึกกันเอาเองก็แล้วกัน...

แต่สำหรับบรรดาประเทศอียู-อีย้วยทั้งหลาย ที่ต่างก็ “ขนร่วง” ระดับหะมอยรอมแรมไปด้วยกันทั้งสิ้น หรือต่างกำลัง “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” อันเนื่องจากเศรษฐกิจตกสะเก็ดไปด้วยกันทั้งนั้น การเพิ่มค่าใช้จ่ายทางทหารขึ้นไปอีกถึง 5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีนั้น ก็ยิ่งจะทำให้แทบไม่เหลือขนติดตัวเอาเลยก็ว่าได้ เพราะแม้แต่ประเทศที่เคยเป็น “เสาหลักทางเศรษฐกิจ” อันสุดจะแข็งแกร่งของอียู อย่างเยอรมนี ล่าสุด...ถ้าว่ากันตามข้อมูล ข้อเท็จจริง ที่มาจากการประเมินของสถาบัน “HRI” (The Handelsblatt Research Institute) เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง ได้สรุปไว้ชัดเจนว่า โอกาสที่ประเทศเยอรมนีจะต้องเจอกับภาวะ “เศรษฐกิจถดถอยระยะยาว” ย่อมเป็นไปได้สูงเอามากๆ เพราะนับจากปี ค.ศ. 2023 เป็นต้นมา เศรษฐกิจเยอรมนีหดตัวลง 0.3 เปอร์เซ็นต์ ปี ค.ศ. 2024 หดลงไปอีก 0.2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนปีนี้ 2025 คาดว่าจะหดไปอีก 0.1 เปอร์เซ็นต์ และแม้แต่ “ธนาคารกลางเยอรมนี” (The German central bank) ที่เคยออกมาประเมินว่าเศรษฐกิจเยอรมนีปีนี้จะโตได้ 1.1 เปอร์เซ็นต์ ยังหนีไม่พ้นต้องสารภาพหรือต้องปรับลดการคาดการณ์อัตราเติบโตทางเศรษฐกิจ เหลือแค่ 0.2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง...

แม้แต่ “สุนัขพูเดิลอเมริกา” อดีตจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดินอย่างอังกฤษก็เถอะ!!! วัน-สองวันมานี้ระดับผู้เชี่ยวชาญทางเศรษฐกิจ อย่าง “นายRay Dalio” เจ้าของบริษัทเฮดจ์ ฟันด์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก(Bridgewater Associates) ยังต้องออกมาให้สัมภาษณ์หนังสือพิมพ์ “The Financial Times” ว่าแนวโน้มที่ภาวะหนี้สินของประเทศอังกฤษ กำลังตกอยู่ในสภาพ “หนี้เกลียวมรณะ” (Debt Dead Spiral) เอาเลยถึงขั้นนั้น หรือออกไปทางคล้ายๆ กับพวกที่ต้องกู้หนี้-มาใช้หนี้แบบพวก “แชร์ลูกโซ่” ทั้งหลาย อันเนื่องจากการกู้หนี้ด้วยการออกตราสารหนี้หรือออกพันธบัตรแปลงสภาพที่อาจส่งผลให้ประเทศอังกฤษถึงขั้น “ล้มละลาย” เอาเลยก็เป็นได้!!! ส่วนเสาหลักเศรษฐกิจอียูอีกรายอย่างฝรั่งเศสก็แทบไม่ต้องเสียเวลาพูดถึง ด้วยเหตุเพราะรัฐบาลพยายาม “เบี้ยวหนี้” หรือเลี่ยงการชดเชยบำเหน็จ-บำนาญ จนทำให้เกิดการประท้วงระลอกแล้ว ระลอกเล่า และเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ต้องแพ้เลือกตั้งให้กับพวกพรรคฝ่ายขวา จนออกอาการ “ไปไม่เป็น” จวบจนตราบเท่าทุกวันนี้...

ภายใต้สภาพเช่นนี้...โอกาสที่จะ “ถอนขน” ตัวเองอีกสักขยุ้มมาโปะค่าใช้จ่ายทางทหารเพิ่มขึ้นถึงอีก 5 เปอร์เซ็นต์ของจีดีพีมันเลยออกจะลำบากเอามากๆ สู้หันไป “เริ่มเรียนภาษารัสเซีย” แบบที่เลขา “NATO” คนใหม่เสนอแนะน่าจะง่ายกว่ากันเยอะ แต่ทำไงได้...ในเมื่อโดยเข็มมุ่งและนโยบายของสิ่งที่เรียกว่า “American First” ของผู้นำอเมริกาอย่าง “ทรัมป์บ้า” นั้น ถูกแปลให้ฟังง่ายๆ โดยผู้อำนวยการ “Valdai Club” อย่าง “นายFyodor Lukyanov” แบบชนิดตรงไป-ตรงมา ว่าเป็นอันเดียวหรือความหมายเดียวกับคำว่า “Me First” นั่นแหละ เพื่อให้ “ตัวกู-ของกู” เอาตัวรอดเข้าไว้ก่อน ส่วนอียู-อีย้วยหรือบรรดาพันธมิตรยุโรปจะเหลือขนเอาไว้ถอนอีกสักกี่เส้น อันนั้น...ต้องถือเป็น “เรื่องของ...มึง!!!” ที่จะต้องไปว่ากันเอาเอง...

แต่แค่นั้นยังไม่พอ...หรือยังไม่เจ็บกระดองใจยิ่งไปกว่านั้น เพราะขณะถูก “ทรัมป์บ้า” ทั้งกด ทั้งบีบ ทั้งคลึง ชนิดน่วมไปหมดทั้งตัว หรือชนิดแทบไม่เหลือขนติดตัว ยังมีคนใกล้ชิด-คนสนิทของ “ทรัมป์” อย่าง “นายElon Musk” โผล่มาสร้างความปวดหัว ความเจ็บกระดองใจ ให้หนักยิ่งขึ้นไปใหญ่ ด้วยการเปลี่ยนคำเรียกขานผู้นำเยอรมนีที่ถูกสรุปว่า “โง่และห่วยแตก” อย่าง “นายOlaf Scholz” ว่า “Oaf Schitz” เอาดื้อๆ แถมยังหันไปเชียร์คู่แข่งทางการเมืองอย่างผู้นำพรรค “AfD” ที่กำลังใกล้จะลงสนามเลือกตั้งในอีกไม่นานนับจากนี้ถึงขั้นว่าถือเป็น “ประกายความหวังใหม่” ของชาวเยอรมัน หรือ “Only AfD can save Germany” เอาเลยถึงขั้นนั้น ยิ่งไปกว่านั้น...ยังหันไปเชียร์พรรคการเมืองฝ่ายขวาในอังกฤษที่กำลังบดบี้อยู่กับรัฐบาล ถึงขั้นพร้อมจะควักเงินบริจาคให้ถึง 100 ล้านดอลลาร์ จนทำให้บรรดาผู้นำอียู-อีย้วยทั้งหลายแทบนั่งไม่ติด ต้องสุมหัวรวมตัวหาทางที่จะตั้งข้อกล่าวหาคนสนิท “ทรัมป์บ้า” รายนี้ว่ากำลังกระทำผิดกฎหมาย ด้วยการแทรกแซงการเมืองในยุโรป ไม่ก็หันไปเรียกร้องให้เลิกใช้เว็บไซต์ “X” นับจากนี้ต่อไป แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ “Elon Musk” รู้สึก-รู้สาใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ยังออกมาชี้แนะ ชี้นำ ชี้อนาคตของบรรดาประเทศยุโรปทั้งหลายเอาไว้ว่า... “Pervasive pessimism. This will lead to the end of Europe” หรือความวิปริตผิดเพี้ยนในการมองโลกในแง่ร้าย อาจนำไปสู่ “จุดจบของยุโรป” เอาเลยถึงขั้นนั้น...

เอาเป็นว่า...จริง-ไม่จริง คงต้องไปคิดๆ เอาเองก็แล้วกัน แต่สำหรับผู้ที่ไม่ได้คิดจะ “ป่วนอียู” แต่ดันถูกอียูนั่นแหละสร้างความป่วนให้กับประเทศตัวเอง ทั้งที่เป็นหนึ่งในประเทศอียูอีกซะด้วย นั่นคือประเทศสโลวาเกีย ที่ผู้นำอย่าง “นายRobert Fico” ถึงกับต้องออกมารำพึงไว้ประมาณว่า “เริ่มมองเห็นเค้าลางที่อียูจะล่มสลาย” ขึ้นมามั่งแล้ว!!!อันเนื่องมาจากการที่ประเทศยูเครนซึ่งอียูให้การสนับสนุน ได้กระทำการอันถือเป็นการ “บ่อนทำลายทางเศรษฐกิจ” ต่อประเทศอย่างสโลวาเกีย ออสเตรีย ไปจนถึงฮังการี ด้วยการเลิกต่อสัญญาการส่งแก๊สรัสเซียผ่านยูเครนไปยังบรรดาประเทศเหล่านี้ ก่อให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจเป็นมูลค่าไม่น้อยกว่า 70,000 ล้านยูโร หรือประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เอาเลยถึงขั้นนั้น โดยบรรดาผู้ที่มีบทบาทในสหภาพยุโรปได้แต่ “แบ๊ะ-แบ๊ะ-แบ๊ะ” ไม่ได้คิดจะช่วยเหลือเยียวยาใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย อันทำให้บรรดาประเทศที่ถูกป่วนเหล่านี้ แทบไม่อยากที่จะรวมหัว รวมตัว อยู่ในอียูอีกต่อไป หรืออาจนำไปสู่ “ความล่มสลาย” ของอียูเอาง่ายๆ!!! นี่...อันนี้นี่แหละ ที่ทำให้อียู-อีย้วย มีสิทธิ์กลายเป็น “อียับเยิน” ไม่วันใด-วันหนึ่งขึ้นมาจนได้ ไม่ว่าโดยผู้นำรายใหม่ของอเมริกาและคนสนิท หรือโดยเงื่อนไข-เหตุปัจจัยภายในหมู่มวลสมาชิกด้วยกันเองก็ตาม...


กำลังโหลดความคิดเห็น