ปิดท้ายสัปดาห์นี้...ก็คงต้องวกกลับไปดู “แนวรบตะวันออกกลาง” กันอีกนั่นแหละท่าน!!! เพราะคงต้องยอมรับเอาจริงๆ นั่นแหละว่า หลังการล่มสลายของรัฐบาลประธานาธิบดี “Bashar al-Assad” แห่งซีเรียเป็นต้นมา ได้ก่อให้เกิดปัญหาทางด้าน “ภูมิรัฐศาสตร์” ที่จำต้องจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้เลย แม้ว่าผู้ผงาดขึ้นมามีอำนาจรายใหม่ อย่างอดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้ายอัลกออิดะห์ สาขาซีเรีย หรือกลุ่ม “HTS” (Hayat Tahrir al-Sham) “นายAbu Mohammad al-Julani” ท่านจะเพียรพยายามลดความ “สุดโต่ง-สุดสวิง” ลงไปถึงขั้นไหน ไม่คิดจะมีเรื่อง ไม่คิดทะเลาะกับใคร เพียงใดก็ตาม แต่โดยเนื้อใน เนื้อแท้ ที่นำมาซึ่งชัยชนะแบบม้วนเดียวจบ หรือแบบแทบไม่น่าเชื่อแต่คงต้องเชื่ออะไรประมาณนั้น มันกำลังกลายเป็น “ปัญหา” ที่ยากจะแก้ไข เยียวยา ยากจะคลี่คลายกันได้ง่ายๆ!!!
แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญในการลอด-เลื้อย-โอบกระหวัดรัดพัน อย่างคุณพี่จีนที่พยายามเก็บตัวเงียบและเล่นบท “นักสันติภาพ” ในภูมิภาคตะวันออกกลางมาโดยตลอด แต่เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ยังอดไม่ได้ที่จะต้องให้ตัวแทนถาวรของจีนประจำยูเอ็น “นายFu Cong” ออกมาแสดงความกังขา ความกังวล ในที่ประชุมสหประชาชาติช่วงวันพุธที่แล้ว(8 ม.ค.) ต่อความพยายามหลอมรวมบรรดานักรบกลุ่มต่างๆ เข้ามาเป็น “กองทัพซีเรีย” ยุคใหม่ อันส่งผลให้บรรดานักรบแห่งองค์กรก่อการร้าย “TIP” (The Turkistan Islamic Party) หรือที่จีนเขารู้จักกันในนามองค์กร “ETIM” (East Turkestan Islamic Movement) ที่ถือเป็นองค์กรของบรรดาชาวอุยกูร์ซึ่งพยายามแยกมณฑลซินเจียงของจีน ออกไปตั้งเป็นประเทศใหม่ กลับได้รับแต่งตั้งให้มีฐานะ บทบาท ในกองทัพซีเรียยุคใหม่ จนทำให้ไม่อาจแน่ใจ หรือยังคงต้องกังวลใจอีกต่อไป ว่าเอาเข้าจริงๆ แล้ว...รัฐบาลซีเรียยุคใหม่ จะเป็นรัฐบาลที่มีแนวนโยบายต่อต้านการก่อการร้าย หรือจะกลายเป็น “รัฐบาลแห่งการการร้าย” เสียเอง!!!
ในขณะที่ตัวแทนถาวรประจำสหประชาชาติของคุณน้ารัสเซีย อย่าง “นายVassily Nebenzia” หันไปสนใจต่อบทบาทของคุณปู่อิสราเอลในดินแดนแห่งนี้กันแทนที่ ไม่ว่าด้วยการฉวยโอกาสล่วงละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างเห็นได้โดยชัดเจน ด้วยการบุกเข้ายึดที่ราบสูงโกลัน ไล่ทหารยูเอ็นออกจากเขตกันชน หรือ “Buffer zone” แถมยังล้างผลาญ ทำลายแสนยานุภาพทางทหารของซีเรีย แบบชนิดไม่คิดจะหลงเหลือให้เป็นเสี้ยนใดๆ อีกต่อไป ยิ่งเมื่อได้เห็นรัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล “นายGideon Saar” ออกมาโพสต์ภาพ “แผนที่ประเทศอิสราเอล” ยุคโบร่ำโบราณ ตามที่ “พระคัมภีร์ไบเบิล” หรือตามที่ถูกระบุไว้ในยุคจักรวรรดิอัสซีเรียและบาบิโลนโน่นเลย อันแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมาดปรารถนาที่จะขยายพื้นที่ประเทศอิสราเอลชนิดไม่เพียงแต่กลืนกินอาณาบริเวณในเขตฉนวนกาซา และเวสต์แบงก์ของพวกปาเลสไตน์เท่านั้น แต่ยังลุกลามครอบคลุมไปถึงประเทศจอร์แดน ซีเรีย และเลบานอน อีกด้วยต่างหาก ส่งผลให้บรรดาผู้นำชาติอาหรับทั้งหลายถึงกับนั่งไม่ติดต้องลุกมาด่า ลุกมาประณามกันเป็นแผงๆ ดังที่สำนักข่าว “Al-Arabiya” และ “Al Jazeera” รายงานเอาไว้...
ส่วนไก่งวงตุรกี-ตุรเคีย...ที่ถือเป็นผู้หนุนหลังรายสำคัญในการโค่นล้มรัฐบาล “al-Assad” ไม่ว่าผู้นำอย่างประธานาธิบดี “Erdogan” หรือรัฐมนตรีต่างประเทศ “Hakan Fidan” ต่างออกมาประสานเสียงแบบคอรัส-รัดคอไปในแนวเดียวกัน นั่นคือความมุ่งมั่นที่จะใช้ช่วงจังหวะดังกล่าว เล่นงานพวกกองกำลังชาวเคิร์ด (Kurdish militia) ซึ่งตั้งมั่นอยู่แถวๆ บริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรีย อันเนื่องมาจากความเกี่ยวพันอย่างแยกไม่ออกกับกลุ่มกบฏชาวเคิร์ด หรือ “The Kurdish People’s Protection Unit” (YPG) ที่คิดจะเอาดินแดนบางส่วนของตุรกี ไปตั้งเป็นประเทศเอกราชของชาวเคิร์ดให้จงได้ แต่ในเมื่อบรรดากองกำลังเหล่านี้ได้รับการเรียกขานจากคุณพ่ออเมริกาและชาติตะวันตกที่ให้การอุ้มชู ฟูมฟัก มาโดยตลอดว่าเป็นกลุ่มเสรีประชาธิปไตยแห่งซีเรีย หรือ “Syrian Democratic Force” (SDF) การคิดจะเล่นงาน หรือคิดจะ “ฝัง” บรรดานักรบเหล่านี้ ย่อมหมายถึงการที่อาจต้องเผชิญหน้ากับกองทัพอเมริกัน ที่กำลังขนอาวุธยุทโธปกรณ์จากอิรักข้ามพรมแดนไปยังซีเรีย และเพิ่มจำนวนทหารอเมริกันจาก 900 นายขึ้นไปเป็น 2,000 นายไปแล้วจนตราบเท่าทุกวันนี้ หรือเผลอๆ อาจต้องเผชิญหน้ากับทหารอิสราเอลด้วยเลยก็ไม่แน่ อันเนื่องมาจากพวก “Kurdish militia” เหล่านี้ ได้กลายเป็นพันธมิตรรายสำคัญของอิสราเอลภายหลังการล่มสลายของรัฐบาล “al-Assad” ที่จะใช้เป็นเครื่องมือในการดำรงบทบาทอิทธิพลของอิสราเอลในดินแดนแห่งนี้ต่อไปภายในอนาคตเบื้องหน้า...
นี่...อันนี้นี่แหละ ที่อาจทำให้อดีตที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติอิสราเอล และอดีตที่ปรึกษารายสำคัญของนายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” อย่างศาสตราจารย์ “Jacob Nagel” เลยถึงกับออกมาเสนอเอกสารรายงานต่อรัฐบาลอิสราเอลชุดนี้ถึงขั้นว่า...“ความพยายามฟื้นฟูจักรวรรดิออตโตมันครั้งใหม่ของตุรกีขึ้นมาในดินแดนตะวันออกกลาง อาจทำให้ภัยคุกคามอิสราเอลในซีเรีย อาจวิวัฒนาการไปสู่บางสิ่งบางอย่างที่อันตรายยิ่งกว่าภัยคุกคามจากอิหร่านเอาเลยก็เป็นได้!!!” แถมยังเสนอให้เร่งเพิ่ม “งบประมาณทางทหาร” ของอิสราเอลภายในปี ค.ศ. 2025 เพิ่มขึ้นไปอีกไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า...
แต่สำหรับคุณพ่ออเมริกา...ที่กำลังคิดจะยึดแคนาดา ยึดกรีนแลนด์ และยึดคลองปานามา ในยุคประธานาธิบดีรายใหม่อย่าง “ทรัมป์บ้า” นั้น จะคิดยังไงกับ “แนวรบตะวันออกกลาง” ก็ยังไม่ถึงกับเป็นที่ชัดเจน หรือยังไม่อาจ “คาดเดา” ได้ง่ายๆ ตาม “สไตล์” ของ “ทรัมป์บ้า” อะไรประมาณนั้น เพราะถึงแม้จะถูกยุ ถูกเชียร์ ให้เร่งชิงโจมตีอิหร่าน ดังที่เคยนำเอาข้อเขียน บทความของอดีตนักวิเคราะห์ “CIA” มาบอกเล่า เก้าสิบ กันไปแล้ว ล่าสุด...นักวิจัยของสภาการป้องกันและความมั่นคงของอิสราเอล หรือ “IDSF” อย่าง “นายOr Yissachar” ยังออกมาย้ำหัวตะปูเอาไว้อีกว่า “Trump’s golden opportunity to checkmate Iran and stabilize the Middle East” หรือเป็นจังหวะ “นาทีทอง” ของ “ทรัมป์บ้า” ที่จะเล่นงานอิหร่านและสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้นในตะวันออกกลาง แต่จากการส่งที่ปรึกษาคนสนิทอย่าง “นายElon Must” ไปเจ๊าะๆ แจ๊ะๆ เจรจากับทูตอิหร่านประจำสหประชาชาติ หรือการ “แชร์วิดีโอ” ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางในอเมริกา ให้สัมภาษณ์นักศึกษาพร้อมกับ “ด่า” ผู้นำอิสราเอลถึงขั้นว่า “ลูก...คุณดอก” (Son of a Bitch) เอาเลยถึงขั้นนั้น เลยทำให้ยังไม่อาจ “เดาใจ” ผู้นำโลก ประมุขโลก รายนี้ได้ง่ายๆ...
แต่ก็นั่นแหละ...ถ้าว่ากันตามทัศนะของสำนักข่าว “Axios” ที่ระบุไว้ว่าโอกาสที่ “ทรัมป์บ้า” จะร่วมมือกับอิสราเอลในการชิงโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน “มีความเป็นไปได้สูงกว่าเท่าที่เคยเป็นมาโดยตลอด” รวมทั้ง...“บรรดาที่ปรึกษาของประธานาธิบดีอเมริกันรายใหม่ ต่างยอมรับว่าโครงการนิวเคลียร์อิหร่านไปไกลจนมีแต่ต้องอาศัยกรรมวิธีทางทหารเท่านั้นที่จะพอหยุดยั้งได้” หรือทัศนะของคอลัมนิสต์และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ “Zero hedge” อย่าง “นายTyler Durden” ที่สรุปเอาไว้ถึงขั้นว่า... “Preemptive Strikes On Iran Will Be A Real Possibility Under Trump” หรือการชิงโจมตีอิหร่าน คือความเป็นไปได้แบบจริงๆ จังๆ ในยุค “ทรัมป์บ้า” เพราะการเสริมสมรรถนะยูเรเนียมของอิหร่านไปไกลถึงขั้นยั้งไม่หยุด-ฉุดไม่อยู่ต่อไปอีกแล้ว ไม่ว่าจะโดยคำบอกเล่าของหน่วยงานอย่าง “IAEA” หรือคำพูดผู้นำฝรั่งเศส “นายEmmanuel Macron” ที่ถึงกับออกมาระบุว่า “อิหร่านคือสิ่งท้าทายทางยุทธศาสตร์สำหรับฝรั่งเศสและยุโรป” เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ย่อมทำให้ผู้ที่ไม่คิดจะส่งทหารอเมริกันไปเสียเลือด เสียเนื้อ ในซีกโลกไหนๆ ต่อไปอีกแล้ว อย่าง “ทรัมป์บ้า” อาจหันมาเห็นดี-เห็นงามกับการส่งเครื่องบินล่องหนไปทิ้งระเบิดใส่โครงการนิวเคลียร์อิหร่าน ตามที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” ว่าไว้เอาเลยก็ไม่แน่...
อย่างไรก็ตาม...ไม่ว่าจ้าวโลก ประมุขโลก อย่างว่าที่ผู้นำอเมริกันจะคิดเห็นเป็นประการใดก็ตาม ฝ่ายอิหร่านเขาคงไม่ได้คิดที่จะ “เอามือซุกหีบ” ไว้เฉยๆ ต่อไปอีกแล้ว การ “ซ้อมรบ” เพื่อตรวจสอบระบบป้องกันภัยทางอากาศ ซ้อมการตรวจตรา การระบุตำแหน่ง การสกัดกั้นเป้าลวง ฯลฯ ของกองทัพอิหร่าน ทั้งทางเรือ ทางอากาศ ได้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 12 ม.ค.ที่ผ่านมา ครอบคลุมไปถึงแหล่งที่ตั้งโครงการเสริมสมรรถนะนิวเคลียร์ที่เมือง “Fordow” “Khondab” และ “Natanz nuclear facility” ไม่ว่าแถบพื้นที่ภาคเหนือและตะวันตกเฉียงเหนือ แบบชนิดเป็นเรื่อง-เป็นราว รวมทั้งยังได้อวดโชว์จรวดรุ่นใหม่อย่าง “Khordad-15” ที่สามารถแตกหัวรบสกัดกั้นคราวเดียวได้ถึง 6 ตำแหน่ง...
หรือพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความพยายาม “เปลี่ยนแปลงภูมิรัฐศาสตร์” ใดๆ ก็ตาม ที่จะอุบัติขึ้นมาใน “แนวรบตะวันออกกลาง” ไปพร้อมๆ กับการใกล้จะลงนามในข้อตกลงทางยุทธศาสตร์ระหว่าง “อิหร่าน-รัสเซีย” ในช่วงกลางเดือนนี้ รวมทั้งการปรึกษาหารือ อย่างใกล้ชิดกับมหาอำนาจคู่แข่งของอเมริกาอย่างคุณพี่จีน ที่เคยป่าวประกาศเอาไว้ตั้งแต่เมื่อหลายสิบปีที่แล้วว่า... “จีนพร้อมที่จะปกป้องอิหร่าน แม้ว่าการกระทำดังกล่าวจะนำไปสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 ก็ตามที” ด้วยเหตุนี้...อะไรจะเกิด-ไม่เกิด นับแต่นี้ต่อไป คงต้องคอยสวดมนต์-ภาวนาต่อไปเรื่อยๆ นั่นแหละดี ขอให้ “คำทำนาย” ใน “พระคัมภีร์ไบเบิล” ว่าด้วย “ผีโสโครก 3 ตน” ที่ออกไปล่อลวงปวงกษัตริย์ทั่วพิภพ มาทำศึกสงคราม ณ ตำบลอารมาเกดโดน เป็นแค่เรื่องของหมอดู-หมอเดา ไปตามเรื่อง-ตามราว อย่าให้ถึงกับต้องเป็นจริง-เป็นจัง หรือเป็นไปตามทำนายขึ้นมาจนได้!!!