“คนจนทำงานเพื่อเงิน คนรวยใช้เงินทำงานเพื่อเขา” จากหนังสือ Rich Dad Poor Dad
โดยนัยแห่งถ้อยคำข้างต้น แม้จะเป็นเพียงคำสั้นๆ แต่ก็มีความหมายกว้างและชัดเจนเป็นรูปธรรมสัมผัสได้ด้วยสติปัญญาของปกติชนคนธรรมดาทั่วๆ ไป และสอดคล้องกับพฤติกรรมทางสังคมไทยในปัจจุบัน โดยเฉพาะในแวดวงการเมืองทั้งในส่วนของพรรคและนักการเมืองอันเป็นปัจเจกเป็นส่วนใหญ่ ทั้งนี้จะเห็นได้จากพฤติกรรมดังต่อไปนี้
1. พฤติกรรมองค์กรของพรรคการเมืองที่กลุ่มทุนโดยเฉพาะกลุ่มทุนธุรกิจผูกขาดตั้งขึ้น เพื่อแสวงหาอำนาจรัฐและใช้อำนาจที่ได้มาปกป้อง และแสวงหาประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง
2. พฤติกรรมของนักการเมืองอันเป็นปัจเจกทั้งในระบอบเผด็จการ และระบอบประชาธิปไตย โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเข้าสู่วงการเมืองโดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยอาศัยทุนสองประการ ประการใดประการหนึ่งหรือสองประการรวมกันดังต่อไปนี้
1. พฤติกรรมองค์กรของพรรคการเมืองที่กลุ่มนายทุนตั้งขึ้น เพื่อแสวงหาอำนาจรัฐและอำนาจที่ได้มาปกป้องและแสวงหาผลประโยชน์ให้แก่ตนเองและพวกพ้อง
2. พฤติกรรมของนักการเมืองอันเป็นปัจเจกทั้งในระบอบประชาธิปไตย และระบอบเผด็จการ โดยเฉพาะในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเข้าสู่วงการเมืองโดยการลงสมัครรับเลือกตั้ง และผู้ที่มีโอกาสได้รับเลือกจะต้องมีทุนสองประเภท ประเภทใดประเภทหนึ่งหรือสองประเภทรวมกันคือ
1. ทุนทางสังคมคือเป็นคนดีมีความสามารถช่วยเหลือเกื้อกูลสังคมเป็นที่ยอมรับนับถือของผู้คนส่วนใหญ่ในสังคม
2. ทุนเงินคือ มีทุนเงินของตนเองหรือของพรรคให้การสนับสนุนจำนวนมากที่จะซื้อเสียง
3. ทุนทั้งสองประเภทผสมกัน
ใน 3 ประเภทข้างต้น ประเภทที่ 3 มีโอกาสได้รับเลือกมากกว่าสองประเภท ส่วนประเภท 1 และ 2 ประเภทที่ 1 จะต้องอาศัยชื่อเสียงของพรรคด้วย ถ้าสังกัดพรรคไม่มีทุนทางสังคมโอกาสที่จะได้รับเลือกน้อยกว่าประเภทที่ 2
ส่วนประเภทที่ 2 ก็ทำนองเดียวกัน ถ้าพรรคไม่มีทุนทางสังคมก็จะต้องใช้เงินมากและโอกาสที่จะได้รับเลือกก็น้อยกว่าผู้ที่มีทุนทางสังคม และสังกัดพรรคที่มีทุนเงินสนับสนุน
พรรคการเมืองและนักการเมืองที่ได้รับเลือกโดยอาศัยทุนเงินแน่นอนว่าจะต้องหาทางถอนทุนโดยการเป็นรัฐบาล และจัดทำโครงการโดยอ้างความเดือดร้อนของประชาชน และช่องทางทุจริต คอร์รัปชันในรูปแบบต่างๆ
ถ้าเผอิญถูกจับได้ไล่ทัน และถูกดำเนินคดีก็จะใช้เงินซื้อบุคลากรในกระบวนการยุติธรรมในทุกขั้นตอน เริ่มตั้งแต่ตำรวจ อัยการ และตุลาการ ถ้าซื้อได้ก็รอด ซื้อไม่ได้ก็รับกรรมไป
ส่วนว่าจะซื้อได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับองค์ประกอบดังต่อไปนี้
1. ถ้าการทุจริต คอร์รัปชันก่อให้เกิดความเสียหายน้อย และไม่ทิ้งร่องรอยให้นำมาเป็นหลักฐานเพียงพอจะดำเนินคดีประกอบกับเจ้าหน้าที่รัฐในกระบวนการยุติธรรม เป็นคนโลภและเป็นคนเก่งหาช่องทางช่วยให้หลุดรอดได้ โดยแลกรับผลประโยชน์คุ้มค่าแก่การเสี่ยงเป็นคนผิดเสียเอง
2. ถ้าการทุจริต คอร์รัปชันไม่แนบเนียนทิ้งร่องรอยให้สืบค้นหาหลักฐานได้เพียงพอแก่การดำเนินคดี ประกอบกับบุคลากรที่รับผิดชอบในการดำเนินคดีเป็นคนเก่ง และเป็นคนดีมีความสันโดษไม่ยอมขายตนเองให้กับเงิน ผู้กระทำผิดก็รับกรรมไป
ในขณะนี้คดีการเมืองในส่วนที่เกี่ยวกับพรรคเพื่อไทย และอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร อยู่ระหว่างดำเนินการหลายคดีให้ติดตาม ส่วนจะออกมาอย่างไร และสอดคล้องกับสองข้อดังกล่าวข้างต้น ขอให้รอติดตามดูกันต่อไป