เมื่ออดีตนักโทษโกงชาติใกล้ตาย มีอำนาจเหนือใครในประเทศนี้

หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

 การปราศรัยที่จังหวัดเชียงรายของทักษิณ อดีตนักโทษที่ทุจริตคดโกงแผ่นดินนั้น ทำให้เห็นว่า เขาเป็นคนที่มีอำนาจเหนือรัฐบาลในประเทศนี้ นโยบายต่าง ๆที่เขาพูดจะถูกรัฐบาลขานรับทันที เป็นอย่างนี้มาแล้วหลายครั้ง รวมมาถึงที่เขาประกาศว่า จะเอาพนันออนไลน์ขึ้นมาบนดินและ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมออกมาขานรับเพียงชั่วข้ามวัน ทักษิณยังพูดถึงใครจะอยู่จะไปในรัฐบาล จะสั่งลดค่าไฟฟ้าลง

รวมถึงการพูดในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยที่หัวหินว่า สองวันก่อนมี พ.ร.ก.เกี่ยวกับมาตรการทางภาษีระหว่างประเทศ เข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ปรากฏว่ามีพรรคร่วมบางพรรค หลบ ป่วย อย่างนี้ไม่ใช่เลือดสุพรรณนี่หว่า ถ้าอยู่ด้วยกันก็ต้องด้วยกันสิ วันหลังไม่อยากอยู่ต้องบอกให้ชัดเจน เราเป็นคนพูดรู้เรื่อง ห้ามหนี ต่อไปใครหนีก็บอกว่าหนี้ ถ้าหนีก็ส่งใบลาออกมาด้วย ง่ายดี ผมเป็นคนเกลียดพวกอีแอบ ตรงไปตรงมา ง่ายๆ อยู่ก็อยู่ ไม่อยู่ก็ไม่ต้องอยู่ ถ้าอยู่ก็ต้องสู้ด้วยกัน ในเมื่อเป็นนโยบายรัฐบาลร่วมกัน แถลงนโยบายคุณยกมือเห็นด้วย พอได้เก้าอี้ รัฐมนตรีค่อยๆ หลบมือออก ไม่ได้ ต้องตรงไปตรงมา

ตกลงแล้วทักษิณเป็นใครเขามีฐานะอะไรถืออำนาจอะไรกับการที่เขาแสดงออกอย่างท้าทายต่อทุกอำนาจและทุกคนในประเทศนี้

เพราะมันสะท้อนว่า ทักษิณนั้นมีอิทธิพลเหนือพรรคและรัฐบาล ตามพรป.พรรคการเมือง มาตรา 28 แต่กกต.จะได้ยินหรือไม่ทราบ เพราะเรื่องนี้กกต.โดยนายทะเบียนพรรคการเมือง สามารถดำเนินการตรวจสอบ ถ้ามีมูลจริงแล้วถึงส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญดําเนินการไต่สวนต่อได้ และถ้าศาลพบหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองกระทําผิดจริง ศาลรัฐธรรมนูญสามารถสั่งยุบพรรคการเมือง และเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองนั้นได้ถึง 10 ปี ตามมาตรา 92 (3)

 มาตรา 28 กำหนดไว้ว่า ห้ามพรรคการเมือง “ยินยอม” ให้บุคคลที่ไม่เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาควบคุม ครอบงำ หรือชี้นำ พรรคการเมืองในลักษณะที่ทำให้พรรค หรือสมาชิกของพรรคไม่เป็นอิสระ ทั้งทางตรง และทางอ้อม   แต่สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากทักษิณได้รับการพักโทษและพ้นโทษในเวลาต่อมาโดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้นมันสะท้อนชัดว่า ทักษิณกำลังแสดงให้ทุกคนเห็นว่า เขาเป็นคนที่มีอำนาจเหนือกว่าใครในประเทศนี้ เหนือพรรคเพื่อไทยและรัฐบาล แม้แต่อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ทักษิณก็บอกว่า เขาครอบครองไม่ได้ครอบงำ

ครอบครองนั้นมีความหมายดังนี้ 1. .ยึดถือไว้, เป็นเจ้าของ, มีสิทธิปกครอง 2.(กฎหมาย) มีสิทธิในทรัพย์สินเพราะยึดถือทรัพย์สินนั้นไว้โดยเจตนาจะยึดถือเพื่อตน หรือมีบุคคลอื่นยึดถือไว้ให้

และเราต้องไม่ลืมว่า การที่เขาไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวนั้นกรมราชทัณฑ์อ้างความเห็นของแพทย์ ตอนที่นอนอยู่ในชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจเกิน 120 วัน ที่ต้องขอความเห็นชอบจากอธิบดีกรมราชทัณฑ์ นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีได้อ้างว่าพิจารณาจากความเห็นของแพทย์ผู้ทำการรักษาที่พิจารณาแล้ว มีความเห็นว่ายังต้องดูแลรักษาอย่างใกล้ชิด ประกอบกับเอกสารหลักฐานอื่นที่เกี่ยวข้องซึ่งมีความครบถ้วนตามกฎหมาย จึงพิจารณาเห็นชอบ เมื่อวันที่ 8 ม.ค.2567 ให้นายทักษิณอยู่รักษาตัวต่อยังโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากยังคงมีอาการเจ็บป่วยที่ต้องเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดโดยแพทย์ผู้ทำการรักษาเฉพาะทาง และหากเกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการที่อาจเป็นอันตรายถึงแก่ชีวิตจะได้ดำเนินการรักษาอย่างทันท่วงที

วันนี้เราเห็นแล้วว่า ทักษิณสามารถเดินสายไปทั่วประเทศทันทีที่ออกจากโรงพยาบาลตำรวจที่อ้างว่าใกล้ตายอาจเป็นอันตรายต่อชีวิตนั้นน่าจะเป็นเรื่องที่ไม่จริง แม้เรื่องนี้จะถูกสอบสวนอยู่ในขั้นตั้งคณะกรรมการไต่สวนของป.ป.ช.แล้ว ประชาชนจำนวนมากก็ยังไม่มั่นใจว่า พวกเขาจะได้รับทราบความจริงที่ไม่บิดเบือนหรือไม่ แม้ว่า บรรดาคณะกรรมการป.ป.ช.และคณะกรรมการไต่สวนที่ตั้งขึ้นจะต้องรักษาเกียรติยศและเกียรติภูมิของตัวเอง และสร้างความน่าเชื่อถือให้แก่องค์กรของตัวเองก็ตาม เพราะสังคมเห็นว่า ตอนนี้ทักษิณกำลังมีอำนาจมากที่สุดในประเทศนี้

กระบวนการไต่สวนต้องพิสูจน์ให้ได้ว่า แม้กรมราชทัณฑ์จะอ้างตลอดเวลาว่ามีนักโทษคนอื่นที่ได้ส่งตัวไปรักษาโรงพยาบาลนอกคุกจำนวนมาก แต่เขามีอาการแบบเดียวกับทักษิณไหม อาการของทักษิณนั้นหนักหนาจนต้องนอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลนานถึง 180 วัน โดยไม่ส่งกลับไปจองจำในเรือนจำแม้แต่วันเดียวได้จริงๆ หรือ ก่อนหน้านี้กรมราชทัณฑ์มีรักษาเกณฑ์ที่ปฏิบัติโดยทั่วไปกับนักโทษคนอื่นที่ส่งตัวมารักษาภายนอกแล้วส่งตัวกลับเข้าเรือนจำอย่างไร ทำไมทักษิณจึงได้นอนพักรักษาตัวในห้องพักวีไอพีที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจ

การใช้ระเบียบราชทัณฑ์ว่า ด้วยการส่งตัวผู้ต้องขังไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ.2563 นั้น สามารถใช้ได้กับทักษิณหรือไม่ กรมราชทัณฑ์ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ คนที่ควรจะรับผิดชอบและถูกสอบสวนโดยป.ป.ช.ในขณะนี้นั้น ควรจะมีบุคคลอื่นที่เข้าข่ายร่วมกระทำผิดและควรโดนสอบสวนด้วยหรือไม่ เช่น พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือนายวิษณุ เครืองาม อดีตรองนายกรัฐมนตรีที่รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการยุติธรรมในวันที่ทักษิณถูกส่งตัวโดยการอ้างป่วยไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ แล้วไม่เคยกลับมาติดคุกแม้แต่วันเดียว

ป.ป.ช.ต้องสอบสวนให้ได้ด้วยว่า อำนาจที่กรมราชทัณฑ์ใช้ส่งตัวทักษิณไปนอนโรงพยาบาลโดยไม่ต้องทำตามคำพิพากษาของศาลและพระบรมราชโองการที่ให้ทักษิณมีโทษจำคุก 1 ปี จากโทษที่ศาลลงกัน 3 คดีที่ยังไม่หมดอายุความรวม 8 ปีนั้น ควรจะเป็นอำนาจของศาลตามกฎหมายวิอาญา มาตรา 246 ที่ระบุว่า “เมื่อจำเลยสามีภริยาญาติของจำเลยพนักงานอัยการผู้บัญชาการเรือนจำหรือเจ้าพนักงานผู้มีหน้าที่จัดการตามหมายจำคุกร้องขอหรือเมื่อศาลเห็นสมควรศาลมีอำนาจสั่งให้ทุเลาการบังคับให้จำคุกไว้ก่อนจนกว่าเหตุอันควรทุเลาจะหมดไปในกรณีต่อไปนี้ (1) เมื่อจำเลยวิกลจริต (2) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุก (3) ถ้าจำเลยมีครรภ์และ (4) ถ้าจำเลยคลอดบุตรแล้วยังไม่ถึงสามปีและจำเลยต้องเลี้ยงดูบุตรนั้น” หรือไม่

เพราะถ้าดูตามมาตรา 246 ที่ยกมาก็ชัดเจนว่า การนำตัวทักษิณซึ่งอ้างได้ตาม (2) เมื่อเกรงว่าจำเลยจะถึงอันตรายแก่ชีวิตถ้าต้องจำคุกนั้น ชัดเจนว่า ต้องให้ศาลมีคำสั่งเสียก่อน แต่สิ่งที่กรมราชทัณฑ์ใช้ก็คือ กฎกระทรวงการส่งผู้ต้องหาไปรักษาตัวนอกเรือนจำ พ.ศ. 2563 ซึ่งออกในสมัยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมซึ่งต้องดูด้วยว่ากระทรวงที่อ้างนั้นใช้ได้กับโรคที่อ้างว่าทักษิณเป็นไหมด้วย

ป.ป.ช.จะต้องสอบสวนความเห็นทางการแพทย์หลักปฏิบัติในโรคที่แพทย์ของโรงพยาบาลตำรวจอ้างว่า ทักษิณอาจจะเป็นอันตรายจนถึงชีวิตนั้น โดยปกติแพทย์มีหลักปฏิบัติอย่างไร สอดคล้องกับความจริงวันนี้ที่เห็นทักษิณมีสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์และท้าทายกับทุกคนทุกองค์กรที่ทักษิณเห็นว่ากำลังท้าทายต่ออำนาจของเขาในขณะนี้ไหม

สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า การที่เชื่อว่าตัวเองมีอำนาจบาตรใหญ่เหนือกว่าใครในประเทศนี้ของทักษิณ และคงจะไม่มีใครกล้าสอบสวนเอาผิดได้นั้น ผมเชื่อว่าจะไม่เกิดขึ้นกับองค์กรป.ป.ช. และหากชี้ว่า มีการช่วยเหลือเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับทักษิณในการไม่ต้องเข้านอนในเรือนจำแม้แต่วันเดียวมีความผิดแล้ว ก็ควรจะต้องชี้ออกมาด้วยว่า ทักษิณซึ่งได้รับผลจากการกระทำผิดนั้นจะต้องได้รับผลกระทบอย่างไร ต้องกลับเข้าไปรับโทษใหม่หรือไม่ หรือหากไม่มีอำนาจที่จะพิจารณาไปถึงขั้นนั้นก็ต้องชี้ออกมาว่า กระบวนการที่จะนำทักษิณกลับไปรับโทษนั้นควรจะมีขั้นตอนอย่างไรและหน่วยงานไหนจะเป็นผู้พิจารณา

เราต้องยอมรับว่า วันนี้ทักษิณกำลังเป็นนายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศนี้และเป็นหัวหน้าพรรคตัวจริงของประเทศนี้ ไม่รู้หรอกว่า เราจะคาดหวังว่า กกต.จะมองเรื่องนี้ผ่านมาตรา 28 ของพรป.พรรคการเมืองอย่างไร การสอบสวนทักษิณที่มีผู้ยื่นต่อกกต.ก็ยังมีอยู่ พฤติกรรมที่เกิดขึ้นมาตลอดที่ทักษิณออกจากคุกนั้นน่าจะเป็นประจักษ์พยานที่เพียงพอหรือไม่ กกต.ก็เป็นหน่วยงานหนึ่งเช่นเดียวที่จะต้องพิสูจน์ศักดิ์ศรีขององค์กรตัวเองเช่นเดียวกับป.ป.ช.

 แต่วันนี้เราคงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า นักโทษที่ทำความผิดเพราะฉ้อฉลคดโกงประเทศจนถูกศาลจำคุกนับ 10 ปีและยึดทรัพย์ หนีคดีไป 17 ปี กลับมาสารภาพผิดแล้วในหลวงทรงพระกรุณาพระราชทานอภัยลงโทษให้เหลือ 1 ปี แต่ไม่ได้ติดคุกจริงแม้แต่วันเดียวกำลังเป็นคนที่มีอำนาจจริงเหนือกว่าใครในประเทศนี้ และเรายอมให้สิ่งนี้เกิดขึ้นในประเทศของเราใช่ไหม

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan