“สอดแนมการเมือง”
“ชัชวาลย์ ชาติสุทธิชัย”
ในโอกาสขึ้นปีใหม่ พ.ศ.2568 ผมขอน้อมนำหลักธรรมมามอบแก่ท่านผู้อ่าน เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ชีวิต ในขณะเดียวกัน ผมต้องการให้หลักธรรมเดียวกันนี้ ชำระความสกปรกในจิตใจของ “ทักษิณ” ด้วย!
ผมได้รับหนังสือเล่มหนึ่งจากน้องที่เคยทำงานศิลป์ด้วยกัน ที่สำนักพิมพ์ของ “ปกรณ์ พงศ์วราภา” ผู้รังสรรค์นิตยสารหลายเล่ม เช่น นิตยสาร หนุ่มสาว นีออน และ HI-CLASS รวมถึง GM
ช่วงนั้น ผมเป็นบรรณาธิการฝ่ายศิลป์ มี “ทีป - ประทีป ปัจฉิมทึก” เป็น“รอง บก. ฝ่ายศิลป์”
“ทีป” ได้มอบหนังสือ “ทาสพระพุทธเจ้า” ให้ผม หนังสือเล่มนี้มีประวัติสังเขป พร้อม คำคมวาทะ ของ “ทาสพระพุทธเจ้า” หรือ “พุทธทาสภิกขุ” ซึ่งผมเคยอ่าน และเคยเขียนบทความ “พุทธทาส” ตีพิมพ์ลงในหนังสือเครือ “ผู้จัดการ”มาแล้ว
ผมขอหยิบยก “วาทะธรรม” ของ “พุทธทาสภิกขุ” ในหนังสือ “ทาสพระพุทธเจ้า” มาให้อ่านสองตอนครับ
ผมขอเริ่มด้วยบทกลอน “มองแต่แง่ดีเถิด” ที่ “พุทธทาส”ได้ร่ายมุมธรรมด้วยบทกลอนภาษาง่ายๆว่า..
“เขามีส่วนเลวบ้างช่างหัวเขาจงเลือกเอาส่วนดีเขามีอยู่
เป็นประโยชน์โลกบ้างยังน่าดูส่วนที่ชั่วอย่าไปรู้ของเขาเลย
จะหาคนมีดีโดยส่วนเดียวอย่าเที่ยวค้นหาสหายเอ๋ย
เหมือนเที่ยวหาหนวดเต่าตายเปล่าเลย ฝึกให้เคยมองแต่ดีมีคุณจริง”
“พระธรรมโกศาจารย์” หรือ “พุทธทาสภิกขุ” ชื่อจริง “เงื่อน อินทปณฺโญ” เกิดวันที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ.2449 มรณภาพ 8 กรกฎาคม 2536 อายุ 87 ปี อุปสมบท 29 กรกฎาคม 2469 พรรษา 67 ณ วัดธารน้ำไหล (สวนโมขพลาราม) หรือวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จังหวัดสุราษฎร์ธานี สังกัดมหานิกาย วุฒิการศึกษา นักธรรมชั้นเอก เปรียญธรรม 3 ประโยค ตำแหน่งทางคณะสงฆ์ อดีตเจ้าอาวาส วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร อดีตประธานสงฆ์ สวนโมกขพลาราม
ท่านฯ ได้รับการยกย่อง โดย ยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็น บุคคลสำคัญของโลกชาวไทย
การบวชของ “ท่านพุทธทาส” เมื่อเกือบ 100 ปีที่แล้ว ชัดเจนมั่นคงในธรรม โดย ท่านฯ กล่าวเจตนารมณ์จาก“ใจ”ไว้ว่า
“ข้าพเจ้าเป็นทาสของพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าเป็นนายของข้าพเจ้า เพราะเหตุดังว่ามานี้ ข้าพเจ้าจึงชื่อว่า.. พุทธทาส”
ท่านฯ ได้ขยายความการมองโลกว่า “ที่โลกเราลำบากยุ่งยากอยู่เดี๋ยวนี้ มันไม่มีอะไร นอกจากสิ่งที่เรียกว่า ความเห็นแก่ตัว”
ธรรมคำนี้ “ท่านพุทธทาส” ตั้งใจสอนผู้คนทั้งโลก.. รวมถึง “ทักษิณ” กับ “นักการเมือง-ข้าราชการ-พ่อค้าชั่วๆทุกคน” ที่เห็นแก่ตัว! แต่เป็นเรื่องยากส์ส์ส์..ยิ่งนัก! ที่ “คนไทยจำพวกนี้” จะเปลี่ยนสันดาน.. แม้ท่านฯ จะสั่งสอนด้วยเมตตาธรรมอันยิ่งใหญ่ว่า..“ที่ทำผิดไปแล้วก็เลิกนึกถึง ถือแต่ว่าจะไม่ทำให้ผิดอีก จะไม่ผิดซ้ำอีก เท่านี้ก็พอแล้ว ไม่ต้องเอามาทรมานใจ”
เฮ้อ!.. วันวานจรดวันนี้ “ษิณ และบริวาร” ยังทำชั่วหลากเรื่อง.. แถมทำชั่วหนักมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก!
“พุทธทาส” ได้เปรียบเปรย “สัตว์” กับ “มนุษย์” ว่า “ลักษณะเครื่องสังเกตดีชั่วของมนุษย์นี้ ไม่เหมือนของสัตว์เดรัจฉาน กฎเกณฑ์ที่ใช้กับ‘สัตว์เดรัจฉาน’ จะเอามาใช้กับ‘มนุษย์’ไม่ได้”
และ “แม้แต่สัตว์เดรัจฉาน ไม่ว่าใหญ่หรือเล็ก ก็ยังชอบกิริยาวาจา ที่สุภาพอ่อนหวานของมนุษย์”
เอ๊ะ!.. ในสายตาของ ท่านพุทธทาส คนอย่าง “ษิณ” เป็น “มนุษย์” หรือ “สัตว์เดรัจฉาน” กันแน่นะ?
เพราะ “ษิณ” มี “โอกาสทอง” กลับตัวเป็น “คนดี” หลายครั้งแล้ว.. แต่ยังคงทำชั่วอยู่เสมอ.. ตรงตามคำที่ท่านฯ ระบุว่า “การเป็นคนกับการเป็นมนุษย์นั้น ต่างกันไกลลิบ การเป็นคน พอสักว่าได้เกิดมาเป็นคนแล้ว ส่วนการเป็นมนุษย์นั้น หมายเฉพาะผู้มีใจสูง ใจสูงชนิดที่น้ำ กล่าวคือ ความชั่วและความทุกข์ ท่วมไม่ถึง”
เมื่อ “ษิณ” ทำดีไม่ได้! ถ้างั้น..“ษิณ” ก็มิใช่ทั้ง “มนุษย์” และ “คน” น่ะสิ.. จริงไหมครับ “ท่านพุทธทาส”?
ดังนั้น..“พุทธธรรม” ต่อจากนี้ “ษิณ” ก็ไม่มีทาง “รู้” และ “ทำไม่ได้” แน่นอน
เพราะ ท่านฯ สอนต่อว่า “คำว่า ‘ว่าง’ นี้ ในภาษาคนหมายถึง ‘ไม่มีอะไรเลย’ คำว่า ‘ว่าง’ ในภาษาธรรมนั้นหมายถึง มีครบทุกอย่าง แต่ไม่มีการยึดถือว่า เป็นตัวเป็นตน” และ
“เรารักอะไร ก็เป็นทาสของสิ่งนั้น เราก็ถูกมัดถูกผูกด้วยสิ่งนั้น แล้วสิ่งนั้นมันก็กัดเรา มันแผดเผาหัวใจเรา”
โอ้ว! ตรงเป๊ะเลย! “ษิณ” ที่รวยแล้วยังโกงชาติไม่รู้จักพอ! “ษิณ” ทำดีไม่ได้! ตามที่ “ท่านพุทธทาส” สอนว่า “ชีวิตที่ดีที่สุด คือ สงบเย็นและเป็นประโยชน์” หรือ “ทำจิตให้รู้สึกเสียใหม่อย่างถูกต้องว่า ไม่มีตัวตนหรอก ไม่มีของตนหรอก นี่เป็นอุบายเดียวเท่านั้น ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น จิตจึงจะไม่เป็นทุกข์”
ท่านฯ ยังบอกต่อว่า “โดยมาก.. คนเรามีความทุกข์ เพราะสิ่งที่ยังมาไม่ถึงแทบจะทั้งนั้น หมายความว่า.. คิดเอาเอง หวั่นวิตกเอาเอง ยึดมั่นถือมั่นเอาเอง”
แถม “ษิณ” หลงทาง “เราคิดว่าเขาโง่!! ก็เพราะความโง่ของเราเอง ที่มีมากจนล้นออกมาวัดผู้อื่น”
จริง! “ษิณ” ลืม “วัดตัวเอง” และลืม “วัดลูกสาว-นายกฯ หุ่น” ผู้ด้อยความรู้ด้อยคุณภาพด้วยว่ะ!
“ท่านพุทธทาส” ยังสั่งสอนอีกว่า “อย่าไปเที่ยวหาพระพุทธองค์ข้างนอก เมืองนั้นเมืองนี้ ที่นั่นที่นี่ วัดนั้นวัดนี้ โบสถ์นั้นโบสถ์นี้เลย จงหันเข้าไปข้างใน”
และ “อย่ามุ่งหมายความสุขอันประเสริฐอะไรๆ ให้มากไปกว่าความปกติของจิต ที่ไม่ยินดียินร้าย ไม่ขึ้นไม่ลง ไปตามอารมณ์ที่กระทบ”
โดย ท่านฯ ย้ำว่า “ทุกเรื่องและทุกอย่าง ขึ้นอยู่กับจิตสิ่งเดียว”
โอ๊ย!.. “สมองฉ้อฉล” ของ “ษิณ” มิมีวัน “ทำได้” ดอก!
“ท่านพุทธทาสภิกขุ” จึงระบุ “คนชั่ว” อย่างตรงไปตรงมาว่า...“ไม่ทำตามที่สอน อย่ามาอ้อนเรียกอาจารย์”..
หยุด!หยุดนะ! ต่อไปนี้..“ษิณ” อย่า “อ้างอะไรถึงพุทธทาสภิกขุนะโว้ย!”
ครานี้..“ท่านพุทธทาส” ยังร่ายกวีถึงเรื่อง “วันเกิด” ว่า “วันเอ๋ยวันเกิด ใครจะเลิศ เท่าแม่ แนะอย่าเขลา แม้เลี้ยงพระ สักร้อยพัน นั้นยังเบา ยิ่งเลี้ยงเพื่อน ยิ่งเขลา จงเข้าใจ นึกให้ดี วันที่ เราเกิดนั้น เพื่อนพ้องนั้น จรดล อยู่หนไหน โอ้บางแม่ หมดแรงดิ้น ถึงสิ้นใจ ไม่มีใคร ถ่ายเจ็บให้ แม่ได้เลย”
ท่านฯ ยังสอนอีกว่า “ถ้าจะอยู่ในโลกนี้ อย่างมีสุข อย่าประยุกต์สิ่งทั้งผอง เป็นของฉัน” และ “ปากก็บอกว่า ไม่ชอบความทุกข์ แต่แล้วก็แส่ไปหาความทุกข์” นั่นคือ “จิตวุ่น จิตว่าง เมื่อใดยึดถือ เมื่อนั้นเป็นทุกข์ เมื่อใดไม่ยึดถือ เมื่อนั้นมันไม่เป็นทุกข์” อีกทั้ง..
“เมื่อใดที่ใจ...เป็นพระ กายก็คือวัด ทุกวัน ทุกที่ ทุกลมหายใจ ก็จะเป็นวันพระ แล้ววันพระก็เวียนมาบรรจบ ในทุกวัน...ทุกเวลา”
รวมทั้ง “ท่านฯ” ยังสอนอีกว่า “การที่เราโกรธขึ้นมา นี่คือความพ่ายแพ้ คือการที่เราอ่อนแอ บังคับจิตไม่ได้”
โอ๊ย!..“ษิณ” ทำไม่ได้แน่ๆ เพราะ “ษิณ” ไขว่คว่าหาแต่ “อำนาจ-เงินทอง” มิรู้จักพอ เป็น “สันดาน” นั่นเอง!
“ท่านพุทธทาส” ยังสอนอีกว่า “ทำได้ไม่ดี กับทำดีไม่ได้ มันจะมีค่าเท่ากัน เพราะแต่ละอย่างนั้น ไม่เข้าถึงขั้นดีด้วยกันทั้งนั้น”
ทั้งยังสอนให้ “ตาสว่าง” ด้วยว่า “พระเจ้าพระสงฆ์องค์ไหน จะขายบัตรเบิกทางไปสวรรค์นิพพานนั้น ไม่ต้องซื้อ เป็นเรื่องโกหกหลอกลวงทั้งนั้น”
รวมทั้ง “สิ่งที่ไม่ตรงกับความต้องการของเรานั่นแหละ มันมาเพื่อให้เราเรียน หรือมาเพื่อสอบไล่ความเก่งของเรา”
“ถ้าทำหน้าที่ ก็ต้องทำเพื่อหน้าที่ อย่าไปทำเพื่อสิ่งอื่น มันจึงจะบริสุทธิ์”
“ความเจริญด้วยวัตถุนั้น นับว่าเป็นบาปกรรมของมนุษย์ ผู้มากไปด้วยอวิชชา จงระวังภัยจากวัตถุนิยมกันให้เต็มที่เถิด ความยากลำบากแก่การเป็นอยู่ในโลก จะลดลงทันที ขอจงรีบหลีกห่างออกมาเสีย จากอำนาจวัตถุ”
สภาพของชาติไทยวันนี้ บอกคำเดียวว่า “น่าห่วงใยยิ่งนัก” เรื่องการ “ทำตามหน้าที่” เพราะ “นายกฯเด็กอมมือ” ไร้คุณภาพแทบทุกด้าน ถูกเชิดโดย “พ่อษิณ” ที่เคยโกงชาติและหนีคุกจนวันนี้ ทำตัวเป็น “นายกฯ ไทย-ตัวจริงเสียงจริง” ซึ่งรู้กันทั่วไทยและทั่วโลกแล้ว..
“ลูก-นายกฯ หุ่นเชิด” มี “พ่อ-นายกฯเชิดหุ่น”! แบบนี้.. ชาติ-ประชาชนไทยกำลังจะ “อิ๊บอ๋าย” ล่ะ!!!