“หนึ่งความคิด”
“สุรวิชช์ วีรวรรณ”
แม้เราจะรู้อยู่แล้วว่า ทักษิณเป็นอดีตนักโทษคดีทุจริต คดโกงแผ่นดิน ศาลพิพากษาคดีต่างๆจำคุกรวมกัน 10 ปี แต่ไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว เป็นพ่อของนายกรัฐมนตรี เป็นอดีตนายกรัฐมนตรีที่หลบหนีออกไปนอกประเทศ 17 ปี แต่การแสดงบทบาทและความเห็นต่างๆ ของเขาในทุกวันนี้ ก็ทำให้คนมีคำถามว่า ทักษิณคิดว่าตัวเองเป็นใคร
พูดกันแบบตรงไปตรงมาก็ต้องบอกว่า วันนี้ทักษิณกำลังใหญ่คับฟ้า
เพราะทักษิณแสดงตัวเหมือนกับเป็นนายกรัฐมนตรีเสียเอง เหมือนกับมีอำนาจสั่งการรัฐมนตรีทั้งคณะ มีอำนาจเหนือพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด เหมือนกับเป็นคนที่กำหนดนโยบายต่างๆของรัฐบาล รวมไปถึงล่าสุดที่บอกว่า
“มีคนโดนแก๊งคอลเซ็นเตอร์ มาเล่าให้ฟังว่าเดือดร้อน และเกิดความทุกข์เป็นอย่างมาก ผมกำลังบอกทางพม่า กับทางเขมร เพราะคอลเซ็นเตอร์ เวลานี้มันอยู่ที่เขมร อยู่ตึก 25 ชั้น 2 อยู่แถวปอยเปต และมีบ่อนคนไทยเป็นบัญชีม้า ผมแจ้งไปเขมรแล้ว ช่วยจัดการให้หน่อย ถ้าจัดการไม่ได้ผมขออนุญาตส่งคนไปจัดการเอง พม่าก็เหมือนกัน ผมพูดกับกลุ่มกะเหรี่ยงKNU และก็บอกไปทางรัฐบาลพม่าให้ช่วยจัดการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่อยู่ในเมืองเมียวดี ถ้าไม่มีกำลังเดี๋ยวผมจะส่งกำลังไปจัดการให้"
นี่แหละยิ่งทำให้มีคำถามว่า ทักษิณเป็นใคร เอาอำนาจมาจากไหนที่จะข้ามแดนไปจัดการกองกำลังในประเทศเพื่อนบ้าน แล้วมันจะเป็นไปได้จริงๆหรือ แน่นอนแหละว่า อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีของมาเลเซีย เพิ่งจะประกาศว่าถ้าเขาขึ้นเป็นประธานอาเซียนในปีหน้า เขาจะตั้งทักษิณเป็นที่ปรึกษาอย่างไม่เป็นทางการ โดยอันวาร์บอกว่า เขาต้องการพึ่งพาความกว้างขวางและเครือข่ายของทักษิณในภูมิภาคนี้
แต่อาเซียนกำหนดหลักการไม่แทรกแซงกิจการภายในรัฐสมาชิกอาเซียนอื่นไว้ในกฎบัตรอาเซียน ข้อ 2 (2) อี หลักการนี้กำหนดว่ารัฐสมาชิกอาเซียนจะต้องไม่แทรกแซงกิจการภายในของรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น เช่น การไม่ใช้กำลังโดยตรงต่อรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น ไม่วิพากษ์สถานการณ์ภายในของรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น รวมทั้งไม่กระทำการใดๆ ที่เป็นการก้าวก่ายเขตอำนาจภายในของรัฐสมาชิกอาเซียนอื่น
นี่ทักษิณเป็นใครมาจากไหน มีสถานะเป็นเพียงพ่อของนายกรัฐมนตรีของประเทศไทยถึงประกาศอย่างห้าวหาญว่า จะยกกองกำลังบุกไปจัดการกับคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้าน หรือแม้แต่ทักษิณจะคุยกับผู้นำเขมร ผู้นำพม่าหรือกระเหรี่ยงอย่างที่เขาว่า คำถามว่าทักษิณคุยในฐานะอะไร
จริงๆ อยู่ทุกวันนี้คนไทยจำนวนไม่น้อยก็เข้าใจแหละว่า ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีทับซ้อนที่กำหนดเกมอยู่เบื้องหลังลูกสาวของตัวเอง อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ที่รับบทแสดงเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเป็นทางการ แต่เป็นที่รู้กันว่า สติปัญญา และความรู้ความสามารถของอุ๊งอิ๊งค์นั้นยังไม่เพียงพอที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ เพียงแต่รับบทบาทในการแสดงที่ต้องท่องบทผ่านไอแพดไปวันๆเท่านั้นเอง
ความยิ่งใหญ่ของทักษิณที่ท้าทายต่อความถูกต้องดีงามของประเทศนี้ เริ่มจากทำผิดแล้วไม่ยอมติดคุก อ้างว่าป่วยมีอาการปางตาย ทั้งๆ ที่เมื่อทักษิณออกมาจากคุกวันแรกก็แสดงให้เห็นทันทีว่า เขาไม่ได้ป่วยหนักจนช่วยตัวเองไม่ได้จนต้องนอนโรงพยาบาลจนครบ 180 วัน แม้ราชทัณฑ์หรือ ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมจะอ้างว่า การส่งตัวทักษิณมารักษาตัวที่โรงพยาบาลนั้นทำตามระเบียบและขั้นตอนกฎหมายที่ถูกต้อง แต่ถามว่า ทักษิณมีอาการหนักจนต้องนอนโรงพยาบาลโดยตลอดจริงหรือ ทำไมไม่ส่งตัวมารักษาตามความจำเป็นแล้วส่งกลับไปเรือนจำแบบนักโทษคนอื่นๆ เพราะทักษิณไม่ใช่ผู้ป่วยติดเตียงที่ช่วยตัวเองไม่ได้
เอาเถอะวันนี้เรื่องนี้อยู่ในการสอบสวนของป.ป.ช.แล้ว ก็ดูกันต่อไปว่า ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่าช่วยให้ทักษิณมานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลตำรวจในห้องสูทที่มีเครื่องอำนวยความสะดวกเพราะเป็นห้องพักที่ดีที่สุดของโรงพยาบาลตำรวจถูกป.ป.ช.ชี้ว่าไม่มีความผิด ป.ป.ช.ก็จะต้องอธิบายให้สังคมยอมรับให้ได้ว่า ทำไมคนที่มีอาการอย่างทักษิณจึงสามารถมานอนรักษาตัวในโรงพยาบาลได้ถึง 180 วัน และระเบียบที่กรมราชทัณฑ์อ้างส่งตัวทักษิณมานอนที่โรงพยาบาลนั้นใช้กับทักษิณได้จริงๆ หรือ หรือว่า ต้องใช้คำสั่งของศาลในการส่งตัวมารักษา คณะกรรมการป.ป.ช.ชุดนี้มีหลายท่านที่มาจากศาล ผมก็คิดว่า ท่านเหล่านั้นก็ต้องรักษาเกียรติยศของท่านเหมือนกัน
เราเห็นแล้วว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีตัวจริงของประเทศนี้ก็คือ ทักษิณไม่ใช่ อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ที่ไม่ประสีประสาอะไร เราจะกลับมาอยู่ในระบอบที่เราเคยเรียกว่า ระบอบทักษิณอีกครั้ง ที่จะเต็มไปด้วยผลประโยชน์ทับซ้อน การเอื้อประโยชน์ให้พรรคพวกเครือญาติขึ้นสู่อำนาจโดยไม่คำนึงถึงระบบคุณธรรมและความรู้ความสามารถ การฉ้อราษฎร์บังหลวง ที่เมื่อรัฐบาลของทักษิณขึ้นมามีอำนาจทุกครั้งจะต้องมีคนติดคุกทั้งคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีในรัฐบาลของระบอบทักษิณ
แต่ส่วนหนึ่งก็ต้องยอมรับว่า แม้ทักษิณจะฉ้อฉลคดโกงแผ่นดิน แต่ยังมีคนจำนวนไม่น้อยยังนิยมในตัวทักษิณ เพราะทักษิณใช้นโยบายประชานิยมที่เอาเงินของแผ่นดินมาแจกจ่ายให้ประชาชน เป็นที่รู้กันว่า นโยบายประชานิยมทำให้เกิดความไม่ยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สร้างหนี้สาธารณะ และใช้งบประมาณในกิจการที่ไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ระยะยาว นอกจากนี้ การแจกจ่ายทรัพยากรอย่างไม่เป็นธรรมอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำในสังคม แต่ทักษิณไม่ได้สนใจผลที่จะเกิดขึ้น เพราะเขาเชื่อว่า ประชาชนก็ไม่ได้คิดไปไกลอย่างนั้น สิ่งที่เขาต้องการก็คือคะแนนเสียงจากประชาชนเท่านั้น และประชาชนก็คิดเพียงว่า ได้ประโยชน์จากทักษิณ
วันนี้ทักษิณทำตัวเหมือนกับเป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญ เหมือนที่ทักษิณ เคยกล่าวหาต่อพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในอดีตว่า เป็นผู้มีบารมีนอกรัฐธรรมนูญที่อยู่เบื้องหลังการรัฐประหารรัฐบาลของเขา ทักษิณแสดงให้เห็นว่า เขามีความโอหังมมังการยิ่งกว่าเก่า ไม่รู้ว่า เพราะเขาได้รับฉันทานุมัติจากไหนหรือจากใคร หรือเขาต้องการลบปมด้อยของตัวเองที่เคยถูกตัดสินให้จำคุกเพราะคดโกงแผ่นดิน แต่เราเห็นแล้วว่า วันนี้ทักษิณมีความยิ่งใหญ่มาก และสิ่งที่เขาพูดก็เป็นสิ่งที่รัฐบาลจะต้องนำไปปฏิบัติทันที เช่น กรณีการเจรจาเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์กับเขมรในพื้นที่ที่อ้างว่าทับซ้อนตามา mou44 ที่ทักษิณพูดทำนองว่า แบ่งกันครึ่งๆ และนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ก็แถลงรับทันทีต่อการแถลงนโยบายต่อสภา และประกาศว่า จะแบ่งผลประโยชน์กับเขมรครึ่งๆ
สิ่งที่ทักษิณและอุ๊งอิ๊งค์พูดถึงการแบ่งประโยชนืกับเขมรครึ่งต่างหากที่ทำให้ประชาชนส่วนหนึ่งต้องออกมาเคลื่อนไหวคัดค้าน เพราะเชื่อว่า พื้นที่ตรงนั้นคือ แผ่นดินไทย ไม่ใช่สิ่งที่คนรับใช้ระบอบทักษิณอย่างภูมิธรรม เวชยชัย อ้างว่าถูกขยายความจนออกไปในอวกาศ เพราะการเคลื่อนไหวนั้นมาจากความพยายามที่จะแบ่งประโยชน์กับเขมรจริงๆ ทั้งที่เรามั่นใจว่า พื้นทะเลตรงนั้นเป็นของประเทศไทย
ความไม่ประสีประสาและความอ่อนหัดทางการเมืองรวมทั้งคำถามถึงความรู้ความสามารถของอุ๊งอิ๊งค์นั้น จะยิ่งทำให้ทักษิณแสดงบทบาทนายกรัฐมนตรีตัวจริงที่ซ่อนอยู่หลังฉากล้ำหน้าออกมาหน้าฉาก และจะยิ่งแสดงอำนาจบาตรใหญ่มากขึ้น เหมือนที่เขาเริ่มจะแสดงออกมาให้เห็นว่า เขาเป็นผู้มีอำนาจตัวจริง อย่างไม่กริ่งเกรงหน้าอินทร์หน้าพรหม
แม้แต่ศาลมีคำสั่งให้เขาห้ามเดินทางออกนอกประเทศ เขาก็ไปพบกับอันวาร์โดยอ้างว่า พบกันบนเรือในเขตน่านน้ำของไทย แต่มีใครเชื่อบ้างว่า ทั้งสองลอยเรือในทะเลมาหากันแล้วกระโดดลงเรืออีกลำไปคุยกันกลางทะเลลึกอย่างนั้น แต่เว็บไซต์ antaranews ของมาเลเซียบอกว่า ทั้งสองพบกันที่เกาะลังกาวีซึ่งอยู่ห่างจากเกาะหลีเป๊ะของไทยไปไม่มาก แต่วันนี้ทักษิณกำลังยิ่งใหญ่ก็คงไม่มีเจ้าหน้าที่รัฐคนไหนไปสอบสวนเอาผิดได้ ก็คงต้องเชื่ออย่างที่ทักษิณอ้าง
ปี 2568 เป็นต้นไปจนถึงปี 2570 หากไม่ยุบสภาเสียก่อนเราก็ต้องอยู่ภายใต้อำนาจของทักษิณในสิ่งที่เราเรียกกันว่า ระบอบทักษิณ วันนี้ทักษิณแสดงให้เห็นแล้วว่า อำนาจทั้งหมดอยู่ในมือของเขา ฝ่ายอนุรักษนิยมที่กำลังอ่อนแอต้องพึ่งพาเขาในการรับมือกับความร้อนแรงของพรรคประชาชนที่กำลังท้าทายต่อระบอบของรัฐ ซึ่งทักษิณมั่นใจว่า เขาเป็นคนเดียวที่ต่อสู้กับพรรคก้าวไกลได้และชนชั้นนำของประเทศนี้จะต้องพึ่งพาเขาเพียงคนเดียว
ดูเหมือนทักษิณจะรู้ว่า ยังมีฝ่ายอนุรักษนิยมที่เป็นศัตรูหน้าเดิมๆ ของเขายังไม่ยอมสยบและยังท้าทายกับอำนาจของเขา แต่ทักษิณก็มั่นใจว่า เขาถือไพ่คิงโพดำอยู่ในมือ ดังนั้นเขาเชื่อว่า ศัตรูจะไม่สามารถทำอะไรเขาได้ เมื่อเขาถือไพ่ที่เหนือกว่าทุกคน
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan