หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
พลันที่ สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศจะเดินหน้าคัดค้าน MOU 44 จนถึงที่สุดก็มีคำปรามาสจากลิ่วล้อของทักษิณต่างๆนานาว่า ม็อบจุดไม่ติดแล้วไม่มีพลังแล้ว ถ้าเราย้อนไปดูในอดีตก็เหมือนกับที่พรรคเพื่อไทยพยายามจะออกพ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยให้ทักษิณ ก็เพราะปรามาสว่าม็อบฝ่ายตรงข้ามจุดไม่ติดแล้วไม่มีพลังแล้ว แต่สุดท้ายก็มีประชาชนออกมาชุมนุมคัดค้านมากที่สุดเท่าที่เคยมีการชุมนุมมาจนประเทศเกิดมิคสัญญีถึงทางตันจนทหารต้องออกมายึดอำนาจ
ครั้งนี้ก็เช่นเดียวกันการไปยื่นหนังสือที่ทำเนียบรัฐบาลของสนธิและคณะ ที่เรียกร้องให้รัฐบาลหยุดการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบในการดำเนินการตาม MOU 2544 และ JC 2544 โดยทันที และดำเนินการแก้ไขตามข้อเสนอดังต่อไปนี้ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือนั้น การออกมาของประชาชนส่วนหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่า พลังคนไทยรักชาติที่ถูกฝ่ายสนับสนุนทักษิณเรียกว่าพวกคลั่งชาตินั้นยังมีพลังพร้อมที่จะออกมาคัดค้านอย่างเนืองแน่น และเชื่อว่า รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะไม่กล้าเดินหน้าในเรื่องนี้ต่อไป ไม่นั้นประวัติศาสตร์ของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งจะซ้ำรอยพ่อและอา
ความพยายามกลับมาเจรจาเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์จากแหล่งพลังงานในอ่าวไทยระหว่างไทยกับเขมรเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อพรรคเพื่อไทยของทักษิณกลับมามีอำนาจ โดยทักษิณประกาศในงานแสดงวิสัยทัศน์ที่จัดโดยสื่อเครือเนชั่นว่า เรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการกำหนดเส้นแบ่งเขตแดน แต่เป็นเรื่องของการนำเอาทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีอยู่ขึ้นมาใช้โดยแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกันฝั่งละ 50% ในลักษณะเดียวกับที่มีการดำเนินการกับประเทศมาเลเซียมาแล้ว โดยหากไม่เร่งดำเนินการ น้ำมัน ก๊าซธรรมชาติที่มีอยู่ อีกไม่เกิน 20 ปีจะใช้ไม่ได้ แล้วจะต้องทิ้งให้เสียไปโดยเปล่าประโยชน์ เพราะในอนาคตคนจะรังเกียจพลังงานจากฟอสซิล และหันไปใช้พลังงานสีเขียว ( Green Energy ) เพียงอย่างเดียว
จากนั้นนายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ลูกสาวของทักษิณก็ประกาศว่าจะทำเรื่องนี้ในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า จะเร่งเจรจาพื้นที่ทับซ้อนกับเขมร(OCA) และต่อมาอุ๊งอิ๊งค์ได้คุยเรื่องนี้อีกครั้งกับฮุน มาเนตในการพบกันที่เวียงจันทน์ หลักการที่ทักษิณและรัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทยอ้างก็คือ เส้นเขตแดนทางทะเลที่ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งอ้างก็ว่ากันไป แต่ขุดเอาก๊าซธรรมชาติและน้ำมันในพื้นที่ทับซ้อนเอามาใช้ก่อนเพื่อสร้างความมั่งคั่งให้กับทั้งสองประเทศในด้านพลังงาน
ความคิดเรื่องแบ่งพื้นที่ทับซ้อนระหว่างไทยกับเขมรฝั่งละ 50 % ของทักษิณเป็นเรื่องตลก เหมือนกับไม่ยอมรับเขตแดนของตัวเอง ตามประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อวันที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2516 แต่ยอมรับที่เขมรประกาศกฤษฎีกา 439/72/PRK กำหนดเขตไหล่ทวีป เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม ค.ศ. 1972 (พ.ศ. 2515) โดยลากเส้นเขตไหล่ทวีปด้านทิศเหนือผ่ากลางเกาะกูดตรงมายังจุดกึ่งกลางอ่าวไทย
ทั้งที่พระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย เมื่อปี 2516 ของเรานั้น อิงหลักการที่เรียกว่า “principle of equidistance” หรือ “หลักกึ่งกลาง” (Equidistance Principle) หรือเรียกว่า เส้นมัธยะ โดยหลักการนี้จะคำนวณเส้นแบ่งเขตแดนทางทะเลโดยยึดระยะที่เท่ากันจากชายฝั่งของสองประเทศตามหลักการของอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล (United Nations Convention on the Law of the Sea - UNCLOS) ปี 1982 แต่เขมรไม่ได้ยึดหลักการที่สากลยึดถือกันเช่นนี้
ดังนั้น จึงตลกมากเมื่อได้ยินคำพูดของอุ๊งอิ๊งค์ที่เธอบอกว่า MOU เขียนไว้ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเกาะกูด ไปดูเส้นที่เขาตีได้เลย เขาเว้นเกาะกูดไว้ให้เรา และที่คุยกันไม่ได้พูดคุยกันพื้นที่ดิน เราคุยกันในพื้นที่ทะเลว่าสัดส่วนเป็นอย่างไร ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าคำพูดนี้ออกจากปากนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย นอกจากนั้นอุ๊งอิ๊งค์ยังพูดด้วยว่า ทำไมถึงต้องมี MOU เพื่อจะให้รู้ว่าข้อไม่เห็นด้วยเอามาคุยกันว่าไม่เห็นด้วยเรื่องอะไร เช่น การขีดเส้นไม่เหมือนกัน คุยกันไปคุยกันมาไม่ลงตัว เส้นนี้ฉันก็ไม่ถอยเธอก็ไม่ถอย แล้วอย่างไรดี ก็แบ่งผลประโยชน์กันไง
ถามว่า ถ้าเรามั่นใจว่า พื้นที่ตรงนั้นเป็นของเรา เราจำเป็นต้องเอาประโยชน์จากพื้นที่ตรงนั้นแบ่งให้คนอื่นครึ่งหนึ่งเพื่อแบ่งผลประโยชน์กันตามความคิดของทักษิณและอุ๊งอิ๊งค์ไหม คนธรรมดาที่ไม่เสียสติก็คงต้องบอกว่าไม่แบ่ง นอกเสียจากมีผลประโยชน์เคลือบแฝง ซึ่งสื่อของเขมรก็ยืนยันว่า ความพยายามกลับมาเจรจาเพื่อแบ่งผลประโยชน์ในพื้นที่ที่อ้างว่าทับซ้อนนั้นคือ ฝ่ายไทย และวันนี้เขมรก็ยังยืนยันว่า เกาะกูดครึ่งหนึ่งเป็นของเขา แม้อุ๊งอิ๊งค์จะอ้างว่า เขาลากเส้นโดยเว้นเกาะกูดไว้ก็ตาม
และอุ๊งอิ๊งค์ไม่คิดหรือว่า ถ้าเกาะกูดทั้งเกาะเป็นของไทยก็ต้องมีเส้นอาณาเขต 12 ไมล์ทะเลเป็นพื้นที่ของเรา ซึ่งเราจะต้องไม่ยอมรับเส้นที่เขาขีดมา แล้วเรื่องอะไรจะมาบอกว่า แหล่งพลังงานที่ขุดขึ้นในพื้นที่ตรงนั้นเรามาแบ่งผลประโยชน์กันคนละครึ่ง ซี่งหากว่ายังยืนยันเช่นนั้นข้อกล่าวหาว่า ขายชาติก็ไม่ใช่เรื่องที่เกินเลยความจริงเลย
แล้วความจริงที่เขมรไม่อาจเถียงได้เลยว่า เกาะกูดเป็นของไทยตามสนธิสัญญา ค.ศ. 1907 (Treaty of 1907 between Siam and France) เมื่อวันที่ 23 มีนาคม ค.ศ. 1907 (พ.ศ. 2450) ได้มีการกำหนดเส้นแบ่งเขตแดนที่ตกลงระหว่างสยามและฝรั่งเศสสนธิสัญญานี้กำหนดให้พื้นที่ปัจจุบันที่เป็นจังหวัดตราดรวมถึงเกาะกูดเป็นส่วนหนึ่งของสยาม (ไทย) เพื่อแลกเปลี่ยนกับดินแดนบางส่วนที่เป็นพื้นที่ในปัจจุบันของเขมร
แล้วที่บอกว่า เรื่องเขตแดนค่อยตกลงกันเอาทรัพยากรใต้ทะเลมาแบ่งกันคนละครึ่งก่อน ถามว่าทำอย่างนั้นได้ไหม คือขุดทรัพยากรมาแบ่งปันกันก่อน เรื่องพื้นที่เขตแดนค่อยว่ากัน ตอบว่าทำไม่ได้ เพราะ MOU44 ข้อ 2 ที่รัฐบาลนี้ยึดมั่นแม้จะมีเสียงเรียกร้องให้ยกเลิก ระบุว่า การเจรจาสำหรับทำข้อตกลงสำหรับการพัฒนาร่วมทรัพยากรปิโตรเลียมและการตกลงแบ่งเขตสำหรับอาณาเขตทางทะเลนั้นให้จัดทำไปพร้อมกันในลักษณะที่ไม่อาจแบ่งแยกกันได้
จำได้ไหมว่า หลังจากที่ทักษิณได้รับการพักโทษ คนที่บินมาเยือนทักษิณถึงบ้านก็คือ ฮุนเซน เชื่อแน่ว่าเรื่องนี้เป็นหัวข้อที่ทั้งสองคุยกันและมีอุ๊งอิ๊งค์อยู่ในวงเสวนาด้วย สื่อของเขมรบอกว่า ฮุนเซน และทักษิณมีความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งและเป็นพี่น้องกันมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2535 ก่อนที่ทักษิณจะได้เป็นนายกรัฐมนตรี
สื่อของเขมรบอกด้วยว่า หลังจากถูกโค่นล้มในการทำรัฐประหารในปี 2549 ทักษิณยังคงใกล้ชิดกับฮุนเซนและได้รับแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษา ในระหว่างที่เขาอยู่ต่างประเทศ ทักษิณและครอบครัวของเขาบินไปเขมรเพื่อพบกับฮุนเซนบ่อยครั้ง ในเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2566 ก่อนเดินทางกลับประเทศ ทักษิณและน้องสาวยิ่งลักษณ์ ก็มาร่วมงานฉลองวันเกิดที่บ้านฮุนเซนด้วย หลังจากที่ทักษิณเข้าประเทศและถูกจับกุมแล้ว ยังมีผู้พบเห็นยิ่งลักษณ์มาที่บ้านของฮุนเซน ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์อันลึกซึ้งและใกล้ชิดระหว่างฮุนเซนกับทักษิณและครอบครัว
คำถามว่าสิ่งที่ทักษิณทำนั้นเพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติหรือเพื่อประโยชน์ของตัวเองและฮุนเซน เพราะทักษิณจะอ้างว่า ไม่รับรู้พระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปด้านอ่าวไทย ปี 2516 ไม่ได้เลย แต่ไม่รู้ว่า อะไรที่ดลใจให้ทักษิณบอกว่า เอาผลประโยชน์ในพื้นที่ตรงนั้นมาแบ่งปันกันสองประเทศคนละครึ่ง
เป็นที่รู้กันว่ารัฐบาลชองทักษิณไม่ว่าในฐานะที่ตัวเขาเป็นนายกรัฐมนตรีหรือมีตัวแทนหุ่นเชิดคนอื่น สิ่งที่มักจะเกิดขึ้นก็คือการทุจริตและการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉล ทักษิณถูกพิพากษาจำคุกหลายคดี ยิ่งลักษณ์ก็ถูกตัดสินจำคุกก่อนจะหลบหนีไป รัฐมนตรีหลายคนในรัฐบาลของทักษิณถูกตัดสินจำคุกเพราะทุจริตคดโกงฉ้อฉล แม้ว่าคนจำนวนมากจะยังนิยมในตัวทักษิณ เพราะถือทัศนคติว่า แม้ว่าทักษิณจะคดโกงแต่ประชาชนได้ประโยชน์ด้วยจากนโยบายประชานิยมที่ทักษิณหยิบยื่นให้
ต้องรอดูว่ารัฐบาลของทักษิณที่มีอุ๊งอิ๊งค์แสดงเป็นหุ่นเชิดนายกรัฐมนตรีจะกล้าเดินหน้าเอาพื้นที่ที่เราเชื่อว่าเป็นของเราไปแบ่งปันผลประโยชน์คนละครึ่งกับเขมรไหม และหากยังเดินหน้าชะตากรรมของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะเป็นเช่นไรจะเดินซ้ำรอยรัฐบาลของพ่อและอาหรือไม่ก็ต้องรอดูกันต่อไป
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan