xs
xsm
sm
md
lg

การออกมาของสนธิ ลิ้มทองกุล

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ตอนที่สนธิ ลิ้มทองกุล ออกมาเคลื่อนไหวเพื่อต่อสู้กับทักษิณนั้นไม่มีใครคิดหรอกว่า สนธิจะโค่นล้มทักษิณลงได้ แม้แต่ตอนที่รวมตัวกันเป็นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ฝ่ายทักษิณก็ปรามาสว่าเป็นคนหน้าเดิมไม่มีทางเลยที่จะทำให้ทักษิณซึ่งมีความนิยมสูงในหมู่ประชาชนระคายเคืองได้ แต่สุดท้ายแล้วทักษิณก็ไม่มีแผ่นดินอยู่

คนจำนวนหนึ่งกล่าวว่า พันธมิตรฯ เป็นม็อบมีเส้นได้รับการสนับสนุนจากกลุ่มชนชั้นนำที่อิจฉาทักษิณที่ได้รับความนิยมจากประชาชน ความคิดนี้ทำให้พวกเขามองข้ามความจริงที่ทุจริตและใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลของทักษิณที่มีประจักษ์พยานหลักฐานมากมาย และกล่าวหาว่าการพิจารณาโทษทักษิณว่า เป็น “ตุลาการภิวัตน์”ในความหมายที่จะใช้กระบวนการยุติธรรมเพื่อโค่นล้มระบอบทักษิณ

ด้วยความเชื่อเช่นนั้นก่อนที่จะไปสู่ชะตากรรมในบั้นท้ายของทักษิณ สิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านั้นคือฝ่ายของทักษิณหมิ่นแคลนม็อบของสนธิว่า คงจุดไม่ติด ทั้งที่ผมซึ่งสัมผัสกับม็อบตั้งแต่ต้นจนจบการชุมนุม 193 วัน โดยไม่ขาดแม้แต่วันเดียวนั้น สัมผัสได้ว่า แท้จริงแล้วสิ่งที่เกื้อหนุนม็อบของสนธิก็คือพลังของมวลชนนั่นเองไม่ใช่อำนาจนอกระบบที่ไหน เพราะแท้จริงแล้วมวลชนที่ออกมาชุมนุมนั้นออกมาด้วยใจบริสุทธิ์ทั้งจากหลากหลายภูมิภาคทั่วประเทศ และมีมากจากภาคใต้และภาคตะวันออก นี่ต่างหากที่เป็นพลังที่แท้จริง

ตอนนั้นฝ่ายของทักษิณเชื่อมั่นมากว่าไม่มีทางโค่นล้มพวกเขาได้ เพราะคนที่ล้อมรอบทักษิณตอนนั้นเต็มไปด้วยพวกฝ่ายซ้ายคนเดือนตุลาที่เคยเข้าป่าเพื่อโค่นล้มระบอบกษัตริย์มาก่อนมั่นใจมากว่าพวกเขามีความจัดเจนกว่าในการจัดตั้งมวลชนมากกว่า สิ่งที่พวกเขาทำจึงเป็นความพยายามที่จะจัดตั้งมวลชนออกมาปะทะกับม็อบของสนธิ

ตอนที่พรรคของทักษิณกลับมาชนะเลือกตั้งหลังการรัฐประหารและยิ่งลักษณ์กลายมาเป็นนายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดของทักษิณ ตอนนั้นฝ่ายเสนาธิการปีกซ้ายของทักษิณก็มองเช่นเดียวกันว่า มวลชนฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอแล้ว ผมจำได้ดีว่า ขุนพลคนหนึ่งที่รับใช้ระบอบทักษิณสุดลิ่มทิ่มประตูตอนนั้นในฐานะสื่อมวลชนก็คือ เพื่อนของผม อธึกกิต แสวงสุข หรือถึก ใบตองแห้ง เขาหมิ่นแคลนมวลชนฝ่ายตรงข้ามมากว่าไม่มีพลังแล้ว ไม่สามารถปลุกระดมมวลชนได้อีกแล้ว เช่นเดียวกับพวกคนเดือนตุลาที่ล้อมรอบทักษิณที่มาจากรากฐานเดียวกันจากการสู้รบในป่า สิ่งเหล่านี้เองที่ทำให้ทักษิณคิดเหิมเกริม

จากความคิดที่จะนิรโทษกรรมชนของพรรคเพื่อไทยจึงเปลี่ยนเป็นนิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อลบล้างความผิดให้ทักษิณโดยการใช้เวทีสภาฯ ลักหลับตอนตีสาม ทำให้สิ่งที่พวกเขาไม่เคยเชื่อว่า จะมีพลังของมวลชนฝ่ายตรงข้ามออกมาต่อต้านอีกแล้ว ต้องเผชิญกับคลื่นของมวลมหาประชาชนที่ออกมาชุมนุมเต็มท้องถนนมากที่สุดเท่าที่เคยมีการออกมาชุมนุมในประเทศไทยมาในอดีต สุดท้ายก็กลายเป็นมิคสัญญี รัฐล้มเหลวจนทหารต้องออกมายึดอำนาจ

แต่เราต้องยอมรับความจริงว่า การอยู่ในอำนาจที่นานเกินไปของรัฐบาลทหารนั้น ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยเบื่อหน่ายและอยากเห็นการเปลี่ยนแปลง นี่กลายเป็นรากฐานสำคัญที่ทำให้พรรคส้มของคนรุ่นใหม่เติบโต จากพรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคก้าวไกล และเป็นพรรคประชาชนในวันนี้ และพรรคของคนรุ่นใหม่กลายเป็นพรรคที่คุกคามต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ และสนับสนุนการเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์อย่างท้าทาย และแอบแฝงเป้าหมายที่ซ่อนเร้นมากกว่านั้น

คนไม่น้อยหันไปสนับสนุนพรรคส้มทั้งจากที่เคยเป็นเสื้อแดงสนับสนุนทักษิณ และจากคนที่เคยร่วมกับม็อบของสนธิขับไล่ระบอบทักษิณ เพื่อนของผมอธึกกิต ใบตองแห้งซึ่งเคยอาศัยสื่อของทักษิณเป็นหม้อข้าวก็หันไปสนับสนุนพรรคส้มเช่นเดียวกัน โดยใช้ความเป็นสื่อแบกอธิบายชี้นำแก้ต่างให้กับการเคลื่อนไหวของพรรคส้มและมวลชนของพรรคส้มที่ออกมาเคลื่อนไหวท้าทายต่อระบอบ

วันนี้ใบตองแห้งมองว่า สถานะของทักษิณเปลี่ยนแปลงไปแล้ว เพราะทักษิณดีลกับชนชั้นนำเพื่อรับมือกับพรรคส้ม นั่นหมายความว่าชนชั้นนำต้องพึ่งพาทักษิณนั่นเอง ความคิดที่หมิ่นแคลนมวลชนของฝ่ายเสื้อเหลืองมาแต่ไหนแต่ไรอยู่แล้ว ยิ่งทำให้ใบตองแห้งเชื่อว่า ม็อบของสนธิคงจะจุดไม่ติดเพราะไม่มีชนชั้นนำหนุนหลังอีกแล้ว เหมือนที่เขาเชื่อมาตลอดในอดีตตั้งแต่ตอนที่เขายังรับใช้ระบอบทักษิณ เช่นเดียวกับแกนนำที่ล้อมรอบระบอบทักษิณหลายคนไม่ว่าจะเป็นณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ วรชัย เหมะ หรือพายัพ ปั้นเกตุ ฯลฯ ที่ออกมาหมิ่นแคลนสนธิเช่นเดียวกัน

มีบางคนพยายามพูดทำนองที่ดูจะโอ้อวดว่า วันนี้ทักษิณเป็นขุนพลของชนชั้นนำและฝ่ายอนุรักษนิยมมีสถานะเหมือนกับพล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ในอดีต เพียงแต่ทักษิณไม่มีตำแหน่งยศถาและมีอำนาจอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่ทักษิณก็คือผู้ที่คุมอำนาจรัฐตัวจริงอยู่ในปัจจุบัน และเราจะเห็นว่า วันนี้ดูเหมือนว่าทักษิณจะเชื่อมั่นในอำนาจของตัวเองยิ่งกว่าเก่า เขาจึงกล้าทำในหลายเรื่อง จนถึงความพยายามเดินหน้าจะเอาพื้นที่ในอ่าวไทยที่เราเชื่อมั่นว่าเป็นของเราเอาทรัพยากรในพื้นที่นั้นไปแบ่งให้เขมรครึ่งหนึ่ง ซึ่งทำให้สนธิต้องออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองอีกครั้ง

แม้สนธิจะยังไม่ได้บอกว่าจะออกมาชุมนุมตรงๆ เพียงแต่กำหนดเงื่อนไขข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลลูกสาวของทักษิณให้ปกป้องผลประโยชน์ของชาติ ซึ่งทางออกที่สนธิเสนอนั้นไม่ใช่เรื่องยากที่จะรับฟังไม่ว่าจะเป็นการยกเลิก MOU44 เพื่อให้เจรจากันใหม่กับเขมรภายใต้การกำหนดขอบเขตเฉพาะพื้นที่พัฒนาร่วมบนพื้นฐานโดยใช้หลักการของ “เส้นมัธยะ” ในการอ้างสิทธิไหล่ทวีปทับซ้อนตามจริงของมูลฐานแห่งบทบัญญัติอนุสัญญากรุงเจนีวา ว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1958 ประกอบกับอนุสัญญาสหประชาชาติด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982

เห็นได้ว่าไม่ใช่ข้อเสนอที่เกินเลยที่รัฐบาลควรจะปฏิเสธเลยรวมไปถึงการเปิดเวทีสาธารณะเพื่อนำเสนอความเห็นของฝ่ายที่เห็นด้วยและต่อต้านต่อสาธารณะเพื่อให้สังคมรับรู้ซึ่งเป็นวิถีอารยะก็ชี้ให้เห็นได้ว่าสนธิไม่ได้มุ่งหวังที่จะต้องไปสู่การชุมนุมบนท้องถนนเพียงอย่างเดียว

แต่หากทักษิณและคนแวดล้อมมองสนธิเหมือนกับในอดีตว่า สนธิคงไม่มีมวลชนที่จะออกมาต่อต้านรัฐบาลได้ และวันนี้ชนชั้นนำไม่ได้อยู่ข้างสนธิแล้วแต่จำเป็นต้องพึ่งพาทักษิณ และเพิกเฉยต่อข้อเสนอของสนธิที่หยิบยื่นสันติวิธีให้ หรือเชื่อคนอย่างธงทอง จันทรางศุ ที่มักทำตัวเป็นผู้อยู่วงในราชสำนักและรับใช้ทักษิณมาตลอดว่า “ผู้ชุมนุมหลายสิบคนนั้นประเมินอายุโดยเฉลี่ยแล้วไม่มีใครอายุต่ำกว่า 50 เลยอุปกรณ์การชุมนุมประท้วงล้วนเป็นของที่แต่ละท่านถือติดไม้ติดมือมาไม่น้อยกว่าสิบปี เห็นแล้วทำไมนึกถึงแผ่นเสียงตกร่องหรือเทปคาสเซ็ตที่หาเครื่องเปิดฟังไม่ได้แล้วอย่างไรก็ไม่รู้” ทักษิณก็อาจจะมีชะตากรรมอย่างในอดีตอีก

ฝ่ายทักษิณกำลังคิดว่าวันนี้สนธิไม่มีมวลชนเหมือนเก่าแล้ว แต่เชื่อเถอะว่าแม้วันนี้สนธิอาจจะย่างเข้าวัยชราเพราะอายุ 78 ปีแล้ว แต่ยังฟิตปั๋งและยังมีพลังอยู่
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น