“พรรคการเมืองเป็นเสมือนปลา ชาวประชาเป็นเสมือนน้ำ”
โดยนัยแห่งข้อความข้างต้น เป็นวาทกรรมในเชิงอุปมาอุปไมยให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชน โดยให้น้ำหนักไปที่ประชาชนว่าถ้าขาดน้ำ ปลาก็ตาย หรือแม้มีน้ำแต่น้ำปนเปื้อน และเน่าเสียปลาก็มีชีวิตอยู่ได้ยาก
ในทำนองเดียวกัน ถ้าประชาชนไม่ศรัทธาในพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ก็อยู่ไม่ได้ต้องล้มเลิกไป เพราะประชาชนไม่เลือกเข้าไปเป็นตัวแทน
ถึงแม้จะมีประชาชนส่วนหนึ่งศรัทธาแต่ประชาชนกลุ่มนั้นด้อยคุณภาพ ด้อยคุณธรรม จริยธรรม
พรรคการเมืองที่ประชาชนกลุ่มนั้นศรัทธาก็อยู่ได้ยาก ในทำนองเดียวกับน้ำปนเปื้อน และเน่าเสียปลาก็อยู่ได้ยาก ถึงแม้จะอยู่ได้ก็ไม่มีคุณค่าควรแก่การนำมาบริโภค เพราะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
โดยสรุปปลาต้องพึ่งน้ำ และจะต้องเป็นน้ำสะอาด ปราศจากปนเปื้อนสารพิษชนิดใดๆ ปลาจึงจะเจริญเติบโตและควรแก่นำมาบริโภค
ในทำนองเดียวกัน พรรคการเมืองจะต้องพึ่งประชาชนและต้องเป็นประชาชนที่มีคุณภาพ คุณธรรม และจริยธรรม จึงจะอยู่ได้ยาวนานและเติบโตตามกาลเวลา
ประเทศไทยได้มีการเปลี่ยนแปลงการปกครองจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ในปี พ.ศ. 2475 หรือประมาณ 80 กว่าปีมาแล้ว และนับจากวันนั้นถึงวันนี้ได้มีพรรคการเมืองเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะก่อนการเลือกตั้งแต่ละครั้ง แต่ส่วนใหญ่ก็อยู่ไม่ได้นาน และดูเหมือนจะมีเพียงพรรคประชาธิปัตย์พรรคเดียวที่อยู่รอดตลอดมา แต่ก็ล้มลุกคลุกคลานเรื่อยมา เข้าทำนองไม่ตาย แต่ไม่โต และที่พรรคการเมืองส่วนใหญ่เกิดง่ายตายเร็ว ก็ด้วยเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. เป็นพรรคเฉพาะกิจตั้งขึ้นเพื่อสืบทอดอำนาจของกลุ่มเผด็จการที่หมดอำนาจ เมื่อมีการเลือกตั้งจึงต้องตั้งพรรคเพื่อสืบทอดอำนาจ
2. เป็นพรรคที่ตั้งขึ้นเพื่อแสวงหาและนำอำนาจที่ได้ปกป้องผลประโยชน์และหาประโยชน์เพิ่มเติมให้แก่ตนเอง
พรรคประเภทนี้ส่วนหนึ่งเกิดจากนักการเมืองเก่าที่แยกตัวเองออกมาจากพรรคเดิมแล้วตั้งพรรคใหม่ เพื่อสร้างโอกาสการเมืองให้แก่ตนเอง
พรรคทั้งสองประเภทข้างต้น ถึงแม้จะตั้งขึ้นโดยอ้างประชาชนและประเทศชาติโดยรวม แต่ในความเป็นจริงที่สัมผัสได้มิได้ ทำเพื่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง จึงไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชนและในที่สุดก็ล้มเลิกไป
เมื่อวันที่ 21 พ.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่ภายใต้ชื่อพรรคโอกาสใหม่ ผู้ก่อตั้งเท่าที่ปรากฏทางสื่อส่วนใหญ่เป็นข้าราชการเกษียณจากกระทรวงมหาดไทย จึงอนุมานได้ว่าพรรคนี้เป็นฝ่ายอนุรักษนิยม
ส่วนว่าจะดำเนินกิจกรรมทางการเมืองทันสมัย และสอดคล้องกับความต้องการของคนรุ่นใหม่ และสนองความต้องการของประเทศและประชาชนโดยรวมได้มากน้อยแค่ไหน รวมทั้งอยู่ได้นานเพียงใดคงจะต้องรอดูกันต่อไป
แต่ในขั้นนี้เท่าที่พออนุมานได้พรรคนี้จะเดินสวนทางกับพรรคประชาชนค่อนข้างแน่นอน โดยเฉพาะในด้านความมั่นคงและในด้านการปกครอง
ส่วนในด้านเศรษฐกิจและการเมืองคงจะต้องดูนโยบายโดยละเอียดก่อน
แต่ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน อยากให้พรรคนี้ดำเนินนโยบายเศรษฐกิจแบบสังคมนิยม แต่การปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข และควรจะมีนโยบายแต่ละด้านชัดเจนปฏิบัติตามได้โดยคำนึงถึงศักยภาพของประเทศ และประชาชนเป็นหลัก โดยเฉพาะในด้านการเงิน การคลัง และความมั่นคงของประเทศ ไม่จำเป็นต้องลอกเลียนแบบประเทศใดประเทศหนึ่ง แต่ให้นำข้อดีจากทุกประเทศมาปรับใช้ในทำนองตัดเสื้อให้เข้ากับตัว และตัดรองเท้าให้เข้ากับเท้า เฉกเช่นที่ประเทศจีนนำเอาลัทธิมาร์กซ์มาปรับให้เข้ากับความมี ความเป็นของจีน โดยเรียกระบบการปกครองของจีนว่า สังคมนิยมมีลักษณะเฉพาะแบบจีน