xs
xsm
sm
md
lg

ความหมกมุ่นในการรื้อโครงสร้าง และพรรคประชาชนที่กำลังโรยรา

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

ความพ่ายแพ้ครั้งแล้วครั้งเล่าของพรรคประชาชนที่เป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ในสนามการเมืองท้องถิ่นนั้น ส่งคำถามว่าพรรคของพวกเขาจะมีโอกาสเติบโตขึ้นในสนามการเมืองใหญ่หรือไม่ ต้องยอมรับว่าในขณะนี้กระแสของพรรคไม่ได้ฟู่ฟ่าเหมือนเก่าแล้วการนำของเท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ต่างกับที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำพรรคอนาคตใหม่มาก และต่างกับที่พิธา ลิ้มเจริญรัตน์นำพรรคก้าวไกลซึ่งมีกระแสสูงมาก


พูดได้ว่า ณัฐพงษ์ไม่ได้มีเสน่ห์สาธารณะที่โดดเด่นเท่ากับที่ธนาธรและพิธามี แม้ว่าจะมีคนบอกว่าตอนนี้ไม่ได้มีเลือกตั้งใหญ่ ความนิยมของณัฐพงษ์อาจจะต้องรอวัดในเวลานั้นว่าเขาจะนำพรรคประสบความสำเร็จไหม แต่ถ้าว่าไปแล้วการจะก้าวขึ้นมาเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ในทางการเมืองก็จะต้องแสดงออกให้เขาเห็นว่ามีของด้วย ความจริงธนาธรเองก็ไม่มีอะไรโดดเด่น แต่ตอนนั้นด้วยความแปลกใหม่ที่คนรุ่นใหม่เข้ามาสู่การเมืองและมีกระแสเบื่อหน่ายการเมืองเก่าทำให้คนจำนวนมากมองว่านี่อาจจะเป็นความหวังของยุคสมัย ตอนที่พิธานำพรรคนั้นคนกำลังเบื่อสามลุงบวกกับความโดดเด่นในโวหารและสวมบทบาทได้ระดับดาราตุ๊กตาทองก็ทำให้เขานำพรรคชนะเลือกตั้งได้

แต่ตอนนี้ณัฐพงษ์มีอะไรที่เป็นจุดขายก็มองยังไม่เห็น หลายคนบอกว่า ถ้าวันนั้นพรรคตัดสินใจให้ ไหม-ศิริกัญญา ตันสกุล ขึ้นมาเป็นผู้นำพรรคอาจจะสามารถสร้างเสน่ห์สาธารณะได้มากกว่านี้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่า พรรคประชาชนเป็นพรรคที่มีเจ้าของก็คือธนาธร เหมือนกับที่ทักษิณเป็นเจ้าของพรรคเพื่อไทย ดังนั้นมันอยู่ที่อำนาจของเจ้าของพรรคเป็นสำคัญ

ยุคที่ธนาธรนำพรรคอนาคตใหม่และพิธานำพรรคก้าวไกลนั้นการเมืองไทยมันชัดว่าเป็นการต่อสู้ระหว่างฝั่งประชาธิปไตยกับเผด็จการ แต่ตอนนี้ไม่ได้มีบรรยากาศแบบนั้นแล้ว กลายเป็นการต่อสู้ระหว่างนักการเมืองด้วยกันนี่แหละ ต่างกันแต่ว่าทุกพรรคการเมืองเขาพร้อมจะเป็นพันธมิตรจับมือกันตั้งรัฐบาลร่วมกันหมด เว้นแต่พรรคประชาชนพรรคเดียวที่ทุกพรรคประกาศจะไม่ร่วมสังฆกรรมด้วย ดังนั้นทางเดียวที่จะได้อำนาจรัฐพรรคประชาชนจะต้องชนะเลือกตั้งด้วยเสียงเกินครึ่งหนึ่งให้ได้

ถามว่าโอกาสแบบนั้นมีไหม พูดได้เลยว่าไม่มีทางที่จะเป็นไปได้เลย ต้องยอมรับว่าจุดพีคของพรรคประชาชนผ่านไปแล้วในตอนที่ยังเป็นพรรคก้าวไกลและพิธานำทีมชนะเป็นอันดับ 1 คิดว่านั่นน่าจะเป็นจุดสูงสุดของพรรคแล้ว คิดดูว่าตอนนั้นยังไม่สามารถได้เสียงข้างมากเลย แม้จะชนะเป็นอันดับ 1 แต่ได้มาเพียง 151 เสียง ยังไม่ถึง 1 ใน 3 ของจำนวนส.ส.ทั้งสภาเลย และพรรคประชาชนที่นำโดยณัฐพงษ์จะเอาเสียงมาจากไหน

ต้องยอมรับนะว่าฐานเสียงทางการเมืองตอนนี้นั้นมีอยู่ 3 ก้อนคือ เสียงของคนรุ่นใหม่ พ่อแม่ผู้ปกครองที่เห็นดีเห็นงามกับลูก และการคาดหวังของฝ่ายซ้ายเก่าที่จะเห็นพรรคประชาชนเปลี่ยนแปลงบ้านเมืองแบบพลิกฝ่ามือเป็นกลุ่มหนึ่ง อีกกลุ่มก็คือ คนที่ยังเชื่อมั่นในตัวทักษิณ และสุดท้ายคือ ฝ่ายอนุรักษ์นิยม 

ใน 3 กลุ่มนั้นสองกลุ่มแรกคือฝ่ายที่สนับสนุนพรรคประชาชนมีฐานเสียงเป็นกลุ่มก้อนชัด เช่นเดียวกับคนที่ยังเชื่อมั่นในตัวทักษิณสนับสนุน พรรคเพื่อไทยส่วนฝ่ายอนุรักษ์นิยมแม้จะยังมีจำนวนไม่น้อยแต่เสียงแตกเพราะมีหลายพรรคการเมืองแย่งเสียงกันทั้งพรรคประชาธิปัตย์เจ้าเก่าที่กำลังโรยแรง พรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคภูมิใจไทย จะเห็นได้ว่าพรรคในฝั่งอนุรักษ์นั้นมีเพียงพรรคภูมิใจไทยที่ยังคงแข็งแกร่งนอกนั้นเป็นตะวันกำลังจะตกดินทั้งนั้น

แน่นอนว่า ด้วยทัศนคติและความคิดที่ท้าทายต่อระบอบของรัฐและระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราจะไม่ได้ยินพรรคประชาชนพูดคำนี้แต่พวกเขาจะพูดแค่ว่าระบอบประชาธิปไตยที่ไม่มีอะไรต่อท้าย พวกเขาจึงยากที่จะได้เข้ามาบริหารอำนาจรัฐเว้นเสียงแต่ว่าจะได้รับฉันทานุมัติจากประชาชนให้พวกเขาชนะได้เสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ซึ่งได้กล่าวไปแล้วว่าโอกาสนั้นเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น และพรรคของทักษิณและพรรคฝ่ายอนุรักษ์นิยมจะจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาล โดยพรรคประชาชนเป็นได้แค่พรรคฝ่ายค้าน

ที่สำคัญเราต้องยอมรับว่า นอกจากพรรคประชาชนเต็มไปด้วยคนรุ่นใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์และประวัติการทำงานที่โดดเด่นมาก่อนนอกจากใช้ความเป็นคนรุ่นใหม่ในการเข้าถึงโซเชียลมีเดียสามารถครอบครองสื่อสมัยใหม่ในการสร้างกระแสกับสังคมได้เหนือกว่าพรรคการเมืองอื่น พวกเขายังไม่มีนโยบายอะไรที่โดดเด่นด้านเศรษฐกิจที่จะทำให้คนไทยกินดีอยู่ดี พูดง่ายๆก็คือเรื่องของปากท้องซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ยังไม่เห็นว่าพวกเขาจะทำอย่างไร สิ่งที่พวกเขาพูดมักเป็นเรื่องของการรื้อทำลายโครงสร้างที่ไม่รู้หรอกว่าพวกเขาเอาความเชื่อมั่นนั้นมาจากไหน

เช่นว่า พวกเขาพูดถึงการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ทั้งๆ ที่ทุกวันนี้สถาบันกษัตริย์นั้นทรงอยู่เหนือการเมืองและอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญ ไม่ได้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับการเมืองของนักการเมือง มีอำนาจตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้เท่านั้น มีคำถามไม่น้อยว่า สถาบันกษัตริย์ทำอะไรให้กับพวกเขาจึงต้องไปท้าทายหรือสนับสนุนเสียงเรียกร้องให้ปฏิรูปเพื่อลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาอีก

เช่นเดียวกับที่พวกเขาพยายามพูดถึงการปฏิรูปกองทัพ ก็ไม่รู้ว่าพวกเขามีความเข้าใจต่อสถานการณ์ความขัดแย้งในระหว่างประเทศเพียงไหน พวกเขาเข้าใจในเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ของโลกทุกวันนี้อย่างไร หรือมีความรู้ในด้านการทหารมาจากไหนจึงมุ่งมั่นที่จะลดทอนบทบาทของกองทัพลงและพูดว่าสมัยนี้เขาไม่ทำสงครามกันแล้วซึ่งทุกวันนี้พิสูจน์แล้วว่าไม่เป็นความจริงทั้งปัญหาระหว่างยูเครนกับรัสเซียที่กำลังบานปลายกลายเป็นสงครามระหว่างตะวันตกกับรัสเซีย หรือปัญหาในตะวันออกกลางที่สงครามของอิสราเอลกำลังบานปลายไปเป็นสงครามกับชาติอาหรับ หรือเราได้ยินพิธาพูดว่าสมัยนี้เขาไม่ใช้เรือรบกันแล้ว เขาใช้เรือประมงรบกัน มันน่าห่วงไหมว่า ถ้าพวกเขาได้อำนาจรัฐไปแล้ว ความมั่นคงของชาติเราที่พวกเขาเข้าใจจะเป็นอย่างไร

เราเห็นแล้วว่าการสร้างบทบาทในฐานะพรรคฝ่ายค้านของพวกเขาไม่ได้มุ่งอยู่ที่การกินดีอยู่ดีหรือปากท้องของประชาชน แต่มุ่งอยู่แต่ความพยายามจะรื้อโครงสร้างในแทบทุกด้านทั้งที่ประชาชนไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เป็นเรื่องไกลตัวของประชาชนที่เขาคาดหวังว่าจะมีรัฐบาลและฝ่ายค้านที่มองถึงชีวิตและความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่าเรื่องอื่น เห็นได้ว่า พรรคประชาชนไม่ได้แสดงบทบาทของพรรคฝ่ายค้านอย่างโดดเด่นออกมาเลยและดูออกว่าจะเกรงออกเกรงใจพรรคเพื่อไทยด้วยซ้ำไป โดยเฉพาะไม่ได้แสดงออกอะไรที่ชัดเจนนักที่ทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เพราะพรรคประชาชนเชื่อมั่นในวาทกรรมว่าทักษิณถูกผู้มีอำนาจกลั่นแกล้งนั่นเอง ทั้งที่ทักษิณติดคุกเพราะทุจริตฉ้อฉลที่มีหลักฐานเชิงประจักษ์มากมาย

นับวันบทบาทของพรรคประชาชนค่อยถดถอยลงแม้จะยังเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่และผู้ใหญ่บางคนที่หลงตามลูกหลานและฝ่ายซ้ายเก่าที่ยังเคียดแค้นฝังใจจากเหตุการณ์ในอดีต แต่ก็ไม่มีเสียงมากพอที่จะเข้ามาบริหารอำนาจรัฐได้ เชื่อว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าหากมีขึ้นในปี 2570 ถ้าอยู่ครบวาระหรือก่อนนั้นถ้ายุบสภา เสียงของพรรคประชาชนก็คงจะไม่มากเหมือนกันการเลือกตั้งที่ผ่านมาซึ่งน่าจะเป็นเวลาที่กระแสของพรรคขึ้นสูงสุดไปแล้ว พรรคประชาชนก็คงจะเป็นได้แต่พรรคฝ่ายค้านตลอดไปตราบที่ยังแสดงตัวว่าเป็นอันตรายและท้าทายต่อองค์ประกอบและระบอบของรัฐ

แม้ว่าในอนาคตหลังการเลือกตั้งในปี 2570 ผ่านไปแกนนำคนสำคัญของพรรคอย่างธนาธรที่เป็นเจ้าของพรรคและปิยะบุตร แสงกนกกุลจะพ้นโทษแบนกลับเข้ามาสู่การเมืองและนำพรรค แต่เชื่อว่ากระแสของพรรคประชาชนจะไม่เหมือนเก่าแล้ว เพราะประชาชนส่วนหนึ่งเริ่มมองเห็นแล้วว่า แกนนำของพรรคเหล่านั้นมีตัวตนและทัศนคติอย่างไรซึ่งอาจจะนำความขัดแย้งมาสู่สังคมไทยอีกครั้งหากพวกเขายังมีความคิดที่ท้าทายต่อองค์ประกอบและระบอบของรัฐ และเมื่อเวลาผ่านไปถึงวันนั้นไม่มีอะไรตื่นเต้นเหมือนการเข้าสู่การเมืองใหม่ของธนาธรในตอนเริ่มก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่อีกแล้ว

โครงสร้างองค์ประกอบและระบอบของรัฐที่ธนาธรและพวกต้องการรื้อทำลายและปฏิรูปเพื่อลดทอนอำนาจและบทบาทไม่ได้ทำให้ประชาชนกินดีอยู่ดี สิ่งต่างๆเหล่านั้นตั้งอยู่ในสถานะและบทบาทที่เหมาะสมอยู่แล้ว สิ่งที่ประชาชนต้องการคือการเมืองที่ดีที่จะนำชาติบ้านเมืองให้อยู่รอดและปากท้องของประชาชนที่กินดีอยู่ดีต่างหาก

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น