ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตวกกลับแวะไปดู “แนวรบตะวันออกกลาง” กันอีกสักรอบ ด้วยเหตุเพราะเมื่อช่วงวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว (27 พ.ย.) พวก “กบฏซีเรีย” ที่น่าจะหมดฤทธิ์ หมดเดช ไปตั้งนานแล้ว จู่ๆ ก็ดันมีฤทธิ์ มีเดช ขึ้นมาดื้อๆ!!! จากที่เคยรวมตัวแอบๆ ซ่อนๆ อยู่บริเวณจังหวัด “Idlib” แถวๆ ตะวันตกเฉียงใต้ของซีเรียใกล้ๆ กับพรมแดนตุรกี-ตุรเคีย สามารถระดมพล ระดมสรรพกำลังบรรดาพวก “ผู้ก่อการร้าย” กลุ่มเล็ก-กลุ่มน้อย บุกเข้ายึดพื้นที่ต่างๆ ในประเทศซีเรียได้ถึงกว่า 70 แห่ง ภายในช่วงระยะ 3 วัน กว้างขวาง-ใหญ่โตราวๆ 400 ตารางกิโลเมตรเอาเลยถึงขั้นนั้น...
บรรดา “จุดยุทธศาสตร์” ต่างๆ ไม่ว่า “Urum al-Sughra”, “Aljara”, “Al-Houta” ฯลฯ ถูกยึดไว้ได้หมด รวมถึงกองบัญชาการทหารที่ 46 อันเป็นฐานทางทหารของกองทัพบกที่ใหญ่ที่สุดในซีเรีย ยังไม่อาจรอดพ้นเงื้อมมือของพวกอดีตกบฏดังกล่าว ตลอดไปจนรถถัง ยานพานะต่างๆ ของฝ่ายรัฐบาล คลังจรวด หรือกระทั่งบางส่วนของเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของประเทศซีเรีย อย่างกรุง “Aleppo” ยังถูกยึด ถูกครอบครอง ไว้อีกด้วยต่างหาก อันแทบไม่ต่างไปจากการรื้อฟื้น “สงครามกลางเมือง” ในซีเรีย ให้หวนกลับคืนขึ้นมาใหม่อีกรอบ ส่งผลให้รัฐบาลของประธานาธิบดี “Bashar al-Assad” และผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่างรัสเซีย ที่เพิ่งสามารถ “ฟื้นฟูสันติภาพ” ให้กับประเทศซีเรียได้หมาดๆ ถึงกับพูดไม่ออก-บอกไม่ถูก เอาเลยถึงขั้นนั้น ตลอดไปจนผู้สนับสนุนอีกรายอย่างอิหร่าน พี่เบิ้มแห่งตะวันออกกลาง ยังถูกกองกำลังฝ่ายกบฏบุกเผาสถานกงสุลอิหร่านที่เมือง “Aleppo” เอาดื้อๆ เมื่อช่วงวันเสาร์ (30 พ.ย.) ที่ผ่านมา...
นี่...ต้องเรียกว่า อะไรจะ “พลิกไป-พลิกมา” ไปได้ถึงปานนั้น!!! คือแม้ว่า...บรรดาพวกกบฏ หรือพวกผู้ก่อการร้ายที่ยังไม่ยอมซูฮกให้กับรัฐบาลซีเรีย โดยความร่วมมือของรัสเซีย-อิหร่าน ตลอดไปจนตุรกี-ตุรเคีย ที่ช่วยกันสร้างความสงบ ยุติสงครามกลางเมืองซึ่งยืดเยื้อ-ยาวนานมาถึง 13 ปี ร่วมกันก่อรูป ก่อร่าง “กระบวนการสันติภาพ” หรือ “Astana peace process” ขึ้นมาตั้งแต่ปีค.ศ. 2017 แม้ว่ายังมีความอิหลัก-อิเหลื่อ ความ “ไม่ลงตัว” ในการคลี่คลายปัญหาในเมือง “Idlib” อันถือเป็นฐานบัญชาการสุดท้ายของพวกกบฏซีเรีย โดยเฉพาะกับตุรกีที่มีพรมแดนประชิด ติดพัน กับพื้นที่ดังกล่าว เคยสนับสนุนให้บรรดาพวกผู้ก่อการร้ายทั้งหลาย หาทางโค่นล้มรัฐบาล “al-Assad” มาก่อนหน้านี้ อีกทั้งยังต้องแบกรับ “ผู้อพยพลี้ภัย” จากซีเรียที่ทะลักเข้าไปในพรมแดนตุรกีนับล้านๆ จนกลายเป็นปัญหาคาราคาซังมาโดยตลอด...
แต่ก็นั่นแหละ...ด้วยสัมพันธภาพที่ใกล้ชิดติดพันกับรัสเซียยิ่งขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าตัวเองจะเป็นหนึ่งในประเทศ “NATO” หรือเคยคิดจะโค่นล้มรัฐบาล “al-Assad” เช่นเดียวกับบรรดาพวกโลกตะวันตกก็ตาม ทำให้ความร่วมมือในการหันกลับไปฟื้นฟูสันติภาพให้กับซีเรีย ร่วมกับรัสเซียและอิหร่าน จนเกิดกระบวนการสันติภาพ “Astana peace process” ขึ้นมาอย่างเป็นเรื่อง-เป็นราว ตั้งแต่เมื่อ 7-8 ปีมาแล้ว โดยไม่เพียงแต่จะสถาปนาสัมพันธภาพโดยปกติกับซีเรียอย่างเป็นทางการ ยังป่าวประกาศว่ากำลังคิดจะถอนทหารตุรกีออกจากพรมแดนด้านที่ติดต่อกับซีเรีย เพื่อปล่อยให้ฐานบัญชาการแห่งสุดท้ายของพวกกบฏที่เมือง “Idlib” อยู่ภายใต้อำนาจอธิปไตยของรัฐบาลซีเรีย โดยไม่คิดจะยึกๆ ยักๆ ใดต่อไปอีกแล้ว...
แต่ก็อย่างว่า...บรรดาพวกกบฏซีเรีย ที่ยังคงแอบๆ ซ่อนๆ อยู่ในแถบพื้นที่ดังกล่าว โดยเฉพาะกลุ่มที่มีชื่อเรียกขานในนาม “HTS” หรือ “Hayat Tahrir al-Sham” อันเป็นกลุ่มที่สามารถรวบรวมสรรพกำลังในการบุกยึดเมือง “Aleppo” หรือการฟื้น “สงครามกลางเมือง” ในซีเรียขึ้นมาใหม่ในคราวนี้ ก็คงไม่ใช่กลุ่ม “กบฏ” แบบธรรมดาๆ อยู่แล้วแน่ๆ หรือไม่ได้เอาแต่ยืมจมูกไก่งวงตุรกีหายใจเพียงโดยลำพัง แต่ยังเป็นกลุ่มที่มีสัมพันธภาพเหนียวแน่น หนึบหนับ และลึกซึ้งอยู่กับ “ประธานสมาคมเสือกกิตติมศักดิ์” อย่างคุณพ่ออเมริกาของหมู่เฮามาโดยตลอด เป็นกลุ่มที่ก่อกำเนิดมาจากกลุ่มก่อร้ายที่เคยเรียกตัวเองว่า “Jabhat al-Nusra” กลุ่มก่อร้ายที่แตกกิ่งก้านสาขามาจากองค์กรก่อการร้าย “Al-Qaeda” สาขาซีเรียนั่นเอง หรือเป็นกลุ่มที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว อย่าง “นายJake Sullivan” ครั้งที่ยังดำรงตำแหน่งเป็น “ทีมงาน” ของอดีตรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกา “นางHillary Clinton” เคยเขียนในเอกสารรายงานถึงรัฐมนตรีต่างประเทศในขณะนั้นเอาไว้ประมาณว่า “AQ (Al Qaeda) is on our side in Syria” หรือคือพวกที่อยู่ข้างเดียวกับอเมริกาและตะวันตกทั้งหลาย เช่นเดียวกับอดีตตัวแทนพิเศษสหรัฐฯ ในซีเรีย “นายJames Jeffrey” ที่เคยสรุปไว้อย่างมั่นอก-มั่นใจว่า “HTS” คือ “ทรัพย์สินของเรา” หรือคือ “ทางเลือก...ที่เลวน้อยที่สุด ในการช่วยให้เมือง Idlib ไม่ต้องตกอยู่ภายใต้การควบคุมของรัฐบาลซีเรีย!!!”...
ด้วยเหตุเพราะมันเกี่ยวพัน พัวพัน แบบชนิดหนวดแขกพันกับฝอยขัดหม้อเช่นนี้นี่เอง เลยคงไม่ถึงกับต้องแปลกใจ ไม่น่าสงสัยมากมายสักเท่าไหร่นัก ว่าเหตุใดบรรดาพวกกลุ่มกบฏภายใต้การนำของ “HTS” ถึงได้มีฤทธิ์ มีเดช สามารถระดมสรรพกำลังบุกยึดเมือง “Aleppo” พยายาม “ฟื้นสงครามกลางเมือง” กลับมาสู่ซีเรียรอบใหม่ได้อย่างเป็นชิ้น เป็นอัน สามารถสร้างปัญหาให้กับรัฐบาลซีเรีย ที่ใกล้ชิดติดพันอยู่กับรัสเซีย-อิหร่าน และให้การสนับสนุนพวก “Hezbollah” ในการเผชิญหน้ากับพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของอเมริกาอย่างอิสราเอลชนิดไม่ไล่-ไม่เลิก ก่อให้เกิดแรงกดดันต่อผู้สนับสนุนรายใหญ่ของซีเรีย อย่างรัสเซียให้ต้องละล้าละลัง พะวักพะวนกับ “แนวรบแนวใหม่” ที่อุบัติขึ้นมาในตะวันออกกลาง ขณะที่ตัวเองกำลังใกล้ๆ ต้อง “เปิดศึกโดยตรงกับ NATO” หรือไม่? อย่างไร? ก็ยังไม่แน่ ก่อให้เกิดปัญหาใหม่ๆ กับอิหร่านที่มีอิทธิพลเพิ่มขึ้นๆ ในซีเรีย ชนิดสถานกงสุลที่เมือง “Aleppo” ถูกเผากันเห็นๆ และที่สำคัญเอามากๆ ก็คือ...ยังแถมพยายามสร้าง “รอยแยก” ระหว่างรัสเซีย-อิหร่าน-ตุรกี ผู้ร่วมกันสร้างกระบวนการสันติภาพ “Astana” ให้ต้องหันมาเหล่กันไป-เหล่กันมาอีกด้วยต่างหาก...
หรือถ้าสรุปกันตามความคิด-ความเห็นของรัฐมนตรีต่างประเทศอิหร่าน “นายAbbas Araghchi” ผู้ที่แอบซ่อนอยู่เบื้องหลัง “กระบวนการฟื้นฟูสงครามกลางเมือง” ขึ้นมาใหม่ในซีเรียเที่ยวนี้ ก็คือ “American-Zionist” นั่นเอง!!! อันทำให้บรรดา “แนวรบ” ต่างๆ ทั่วทั้งโลก ไม่ว่า “แนวรบยุโรปตะวันออก” หรือ “แนวรบตะวันออกกลาง” ไปจน “แนวรบทะเลจีนใต้” โน่นเลยต่างเป็นอะไรที่เกี่ยวพันกันอย่างชนิดแยกไม่ออก อันเนื่องมาจากความพยายามดิ้นรนที่จะดำรงความเป็น “ประมุขโลก” หรือ “จ้าวโลก” (Hegemony) ของอเมริกาต่อไปให้จงได้...นั่นแล...
ดังนั้น...แม้จะต้องจับจ้องมองเขม้นอยู่กับการที่ “ตัวตลก-ตัวแทน” อเมริกาอย่างยูเครน จะงัดเอาขีปนาวุธตะวันตกมายิงใส่กรุงมอสโก หรือเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ชนิดมิอาจกะพริบตาได้โดยเด็ดขาด ถึงขั้นต้องงัดเอาขีปนาวุธ “Hypersonic” รุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “Oreshnik” มาถล่มเมือง “Dnipro” ของยูเครนให้เป็นตัวอย่างไปแล้วก็ตาม แต่สำหรับหน่วยงานอย่างศูนย์บัญชาการเพื่อการประนีประนอมของรัสเซีย อย่าง “The Russia Reconciliation Center for Syria” แล้ว ย่อมมิอาจพักสายตาจากแนวรบในตะวันออกกลางได้เลยแม้แต่น้อย หรือดังที่ “พันเอกOleg Ignasyk” รองผู้บัญชาการศูนย์ดังกล่าว ต้องออกมาป่าวประกาศเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (29 พ.ย.) นั่นแหละว่า ภายใน 24 ชั่วโมงที่ผ่านมาเครื่องบินรบของรัสเซียและซีเรียได้ร่วมกันโจมตีฐานบัญชาการของผู้ก่อการร้ายได้ถึง 200 แห่ง สามารถสังหาร พร่าผลาญกบฏซีเรียไปได้ถึง 600 รายเป็นอย่างน้อย ส่วนจะสามารถหยุดยั้งการ “ฟื้นฟูสงครามกลางเมืองซีเรียครั้งใหม่” ได้มาก-น้อยเพียงใด??? อันนั้น...คงต้องค่อยๆ ติดตามกันดูอีกที...
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...การคิดที่จะให้ผู้ซึ่งพยายามดำรงตนเป็นจ้าวโลก ประมุขโลก อย่างคุณพ่ออเมริกา หันมายอมรับความจริงหันมาลด-ละ-เลิก ความคิดที่จะครองโลก ครอบงำโลกทั้งโลก หรือต้องการให้โลกเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” ไปโดยตลอด เอาไป-เอามาแล้ว...มันคงไม่ถึงกับ “ง่าย” กันสักเท่าไหร่นัก แม้ว่า “โลกหลายขั้วอำนาจ” จะปรากฏให้เห็นแล้วอย่างเป็นที่ประจักษ์แจ้ง ชัดเจน เพราะแม้ว่าผู้เฒ่าเอ๋อที่กระหายสงคราม อย่าง “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” จะต้องมีอันลาโรงไปในกลางเดือนมกราคมปีหน้า ไม่อาจยื่นบัตรสมาชิก “สมาคมเสือก” ไปยัง “แนวรบ” ต่างๆ ได้อีกต่อไปแล้ว แต่สำหรับผู้นำรายใหม่อย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่แม้จะไม่ได้ “บ้าสงคราม” แต่ก็ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ในเรื่องอื่นๆ ก็ยังคงแสดงให้เห็นถึงความพยายามที่จะครองโลก ที่จะครอบงำโลกทั้งโลกอยู่อีกต่อไปนั่นแหละ...
โดยเฉพาะการออกมาป่าวประกาศเมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (30 พ.ย.) ว่ากำลังคิดจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้ามายังอเมริกาถึง 100 เปอร์เซ็นต์ สำหรับบรรดาสมาชิกกลุ่มประเทศ “BRCS” ที่ละทิ้ง “เงินดอลลาร์” หันไปค้า-ขายแลกเปลี่ยนกันด้วยเงินตราสกุลท้องถิ่นของใคร-ของมัน หรือคิดจะสร้างเงินตราสกุลใหม่ขึ้นมาแทนที่ดอลลาร์ อันเป็นสิ่งที่นักเศรษฐศาสตร์ชื่อดังชาวอินตะระเดีย อย่าง “นายSharad Kohli” ถึงกับหลุดปากออกมาอย่างตรงไป-ตรงมาเอาเลยว่า... “นี่คือการประกาศสงครามเศรษฐกิจของอเมริกาต่อบรรดาประเทศกำลังพัฒนาทั้งหลาย!!!” นี่...ต้องเรียกว่าไม่ต่างอะไรไปจากประธานาธิบดีอเมริกันรายก่อนๆ ที่เคยป่าวประกาศเอาไว้ทำนองว่า... “ใครที่ไม่ยืนอยู่ฝ่ายเดียวกับอเมริกา ก็คือผู้ที่ยืนอยู่ข้างผู้ก่อการร้าย” นั่นแล ส่วนโลกทั้งโลกจะต้องตกอยู่ภายใต้อเมริกา หรือเป็นไปตามที่ “จักรวรรดิอเมริกา” ปรารถนา-ต้องการ ไปอีกนานขนาดไหนหรือไม่? อย่างไร? อันนี้...คงต้องลองหันไปศึกษา “ประวัติศาสตร์” ว่าด้วยการเกิดขึ้น-ตั้งอยู่-และดับไป ของบรรดาอดีต “จักรวรรดิ” ทั้งหลาย ไม่ว่ากรีก โรมัน อังกฤษ ฯลฯ กันดูอีกที...