ในขณะที่คนใต้กำลังเผชิญกับปัญหาอุทกภัยแสนสาหัส อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เธอเดินทางไปครม.สัญจรที่ภาคเหนือ ไม่เพียงไปทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีเท่านั้น เธอยังทำหน้าที่ของภรรยาและแม่ด้วย เพราะการไปเหนือเที่ยวนี้เธอหอบเอาสามีและลูกสองคนไปด้วย
เข้าใจนะครับว่า อาจจะมีการเตรียมการมาก่อน แต่เมื่อบ้านเมืองเกิดภาวะวิกฤตก็ควรจะต้องปรับตัวไปตามสถานการณ์ การเดินชมตลาดหรือเดินชมสวนพาลูกสามีไปเที่ยวก็ต้องเปลี่ยนแปลงไป
แต่เมื่อเธอไม่ได้ปรับตัวไปตามสถานการณ์ ผู้สื่อข่าวก็เลยบอกว่ามีเสียงครหาว่าเธอละเลยน้ำท่วมภาคใต้ เธอตอบว่า “โอ้ย คำว่าละเลยภาคใต้ สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีเป็นคนใต้ ถ้าละเลยคนใต้ ไม่รักคนใต้ แต่งงานคนใต้ไม่ได้”
คนทั้งประเทศงงว่า คือตรรกะอะไรของเธอ เธอแต่งงานกับสามีที่เป็นคนใต้ แปลว่า เธอไม่ละเลยภาคใต้และรักคนใต้เช่นนั้นหรือ มันน่าจะเป็นคนละเรื่องเดียวกันนะ จนมีคนบอกว่า ถ้าอย่างนั้นเพื่อให้คนไทยมั่นใจว่า เธอไม่ละเลยคนไทยทุกภาคและรักคนไทยทุกภาค เธอมิต้องแต่งงานกับคนไทยทุกภาคหรือ
แต่ถามว่า นายกรัฐมนตรีจำเป็นต้องลงไปภาคใต้ไหม ก็อาจจะมีตั้งคนบอกว่าจำเป็นและไม่จำเป็น แต่การแสดงออกให้เห็นว่าใส่ใจในความทุกข์ร้อนของประชาชนและสั่งการอย่างทันท่วงทีน่าจะสำคัญกว่า อย่างไรก็ตามก็น่าจะอยู่ที่สำนึกของนายกรัฐมนตรีด้วย เชื่อว่าถ้านายกรัฐมนตรียังเป็นเศรษฐา ทวีสิน ก็น่าจะลงไปทันที
จริงแล้วสิ่งที่คนเขาเกรงกันจนนำมาสู่คำถามก็อาจจะเป็นเพราะสิ่งที่พ่อของเธอเคยพูดเอาไว้ว่า จังหวัดไหนเลือกเราจะได้รับการดูแลก่อน แต่ตั้งแต่ทักษิณตั้งพรรคมา 20 กว่าปี คนใต้ไม่เคยเลือกพรรคของทักษิณเลย นี่ก็อาจจะเป็นเหตุผลที่ซ่อนอยู่ในคำถามที่คนในสังคมไทยอยากจะทราบ
เท่าที่ดูเธอยกเหตุผลมาว่า สามีเป็นคนใต้ เพื่อยืนยันว่าเธอรักคนใต้ จนทำให้คนงุนงนว่ามันเกี่ยวกันอย่างไร เพราะเธอคงมีปัญหาในเชิงตรรกะ ในทางจิตวิทยาบอกว่า การใช้ตรรกะที่สับสนหรือการยกเหตุผลที่ไม่เกี่ยวข้องมักเกิดจากหลายปัจจัยโดยอาจมาจากความรู้ที่จำกัด หรืออารมณ์สามารถมีอิทธิพลต่อกระบวนการคิด ผู้คนที่รู้สึกกลัวหรือวิตกกังวลอาจใช้ตรรกะที่สับสนเพื่อรักษาความเชื่อมโยงทางอารมณ์ที่ไม่สบายใจ ซึ่งอาจทำให้การตัดสินใจหรือข้อสรุปไม่เหมาะสม
คนเรามักจะเลือกข้อมูลที่ตรงกับทัศนคติหรือประสบการณ์ของตน แต่จะมองข้ามข้อมูลที่ไม่สอดคล้อง ซึ่งอาจทำให้การจัดการข้อมูลเกิดความสับสนและทำให้ตรรกะที่นำเสนอไม่น่าเชื่อถือ หรือไม่ก็เป็นบุคคลที่ไม่มีทักษะในการคิดวิเคราะห์หรือคิดเชิงวิพากษ์อาจไม่สามารถระบุข้อผิดพลาดในตรรกะของตนเองหรือไม่สามารถแยกแยะเหตุผลที่ไม่ถูกต้องจากเหตุผลที่ถูกต้อง
จากการแสดงบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีของเธอในช่วง 3-4 เดือนที่ผ่านมา ก็สะท้อนถึงความรู้ความสามารถของเธอ เธอไม่สามารถตอบคำถามในเรื่องที่ซับซ้อนได้ แน่นอนเรื่องของบ้านเมืองอาจจะเป็นคำถามที่ยากสำหรับคนที่ไม่มีประสบการณ์และขาดความรู้ เช่นคนบ้านๆ ทั่วไป แต่คำถามเหล่านั้นคนที่เป็นนายกรัฐมนตรีต้องตอบได้ นั่นคือแต่ละเรื่องที่เข้ามาภายใต้ความรับผิดชอบของคนเป็นนายกรัฐมนตรีเธอต้องเตรียมพร้อมเรียนรู้ศึกษาเพื่อตอบคำถามในทุกเรื่อง แต่ที่เราเห็นเธอมักจะตอบคำถามได้เรื่องพื้นๆ และเลิ่กลั่กๆประหม่า หันซ้ายหันขวาเพื่อหาตัวช่วยเมื่อเจอคำถามที่ยากๆ
คนที่อาสามาเป็นนายกรัฐมนตรีซึ่งหมายถึงผู้นำประเทศจะต้องมีความพร้อมในทุกเรื่อง เพราะเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่การฝึกหัดผู้นำและเอาประเทศมาเป็นหนูลองยา ที่สำคัญต้องรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ให้ได้
ที่ตลกคือเธอตอบโต้การวิพากษ์วิจารณ์คนที่งุนงงในตรรกะของเธอ โดยยกเอาคำฝรั่งลงโพสต์ในไอจีส่วนตัวเพื่อตอบโต้คนวิจารณ์ว่า “Your negativity is a reflection of your own reality.” ซึ่งแปลเป็นไทย ว่า “ความคิดเชิงลบของคุณ สะท้อนถึงความเป็นจริงของตัวคุณเอง”
และ “INSECURE PEOPLE PUT OTHERS DOWN TO RAISE THEMSELVES UP.” ซึ่งแปลความหมายคือ “คนที่ไม่มีความมั่นใจ กดคนอื่นให้ต่ำลง เพื่อยกตนเองให้สูงขึ้น”
ซึ่งไม่รู้ว่าเธอต้องการตอบโต้ใคร ใครที่คิดเชิงลบต่อเธอ ใครที่กดเธอให้ต่ำ แต่สะท้อนได้ว่า เธอยังไม่รู้ตัวว่า เธอทำตัวเองเพราะตรรกะที่เธอใช้บอกว่าสามีเธอเป็นคนใต้ เธอรักคนใต้เพราะแต่งงานกับคนใต้ เธอจึงไม่ละเลยคนใต้ นั้นเป็นคนละเรื่องกับที่ เขาถามว่าเธอจะดูแลคนภาคใต้ที่กำลังประสบวิกฤตการณ์จากอุทกภัยอย่างไร
ก่อนหน้านี้ถ้าจำกันได้ เมื่อเธอถูกวิจารณ์ว่า เป็นนายกฯ ไอแพด เธอก็โพสต์ไอจีตอบโต้กระทั้นกระแทกว่า “ขอบคุณสำหรับคำแนะนำค่ะ รบกวนดูข่าว+หาข้อมูลเยอะๆ นะคะ เวลาประชุมแบบนี้ ทั่วโลกเค้าอ่านกันค่ะ มันเป็น commitment เป็นสิ่งที่ต้องบันทึกค่า อ่านทุกคน ตั้งแต่ sheikh ถึง minister เลยค่ะ ลองหาข้อมูลเพิ่มดูเนาะ ถ้าเป็น bilateral ส่วนใหญ่จะจดหัวข้อไป แล้วก็พูดคุยกัน แบบไม่ต้องอ่านจะเกิดการสร้าง connection ที่ดีค่ะ ดูแค่หัวข้อให้ครบถ้วน ไม่มีใครแย่กว่าใครหรอกค่ะ ทุกคนมีความสามารถกันคนละด้านค่ะ เปิดใจกว้างๆ ลองให้โอกาสตัวเอง ลดอคติลง จะมีความสุขขึ้นค่ะ”
แต่เธอไม่บอกว่า มีผู้นำประเทศไหนบ้างที่เมื่อไปเจรจาในฐานะผู้นำประเทศแล้วก้มหน้าก้มตาอ่านไอแพด อาจจะมีบ้างนะที่เขาจดหัวข้อสำคัญที่จะนำมาเจรจาพูดคุยกัน แต่เขาก็จะพูดออกมาจากความรู้ความเข้าใจที่เขาเตรียมตัวมา ไม่ได้ก้มหน้าก้มตาอ่านอย่างเธอ
และเราก็เห็นแล้วว่า เธอไม่มีความพร้อมที่จะตอบคำถามเพื่อแสดงให้เห็นถึงการมีความรู้ความสามารถในการเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นผู้นำของประเทศเลย หรือว่าแท้จริงแล้วเรามีนายกรัฐมนตรีที่เป็นเกรียนคีย์บอร์ดคนหนึ่ง หรือสภาวะอารมณ์ของเธอยังไม่มีความพร้อมในการเป็นผู้นำประเทศ
คงได้เห็นเธอให้สัมภาษณ์บนเวที FORBES GLOBAL CEO CONFERRENCE เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาโดยไม่มีไอแพด จะเห็นได้ชัดว่านายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ ตอบไม่ตรงคำถาม ทั้งๆ ที่ FORBES น่าจะส่งแนวทางคำถามให้ล่วงหน้าแล้ว คือ เขาถามช้างเธอตอบม้าหรืออยากพูดในเรื่องที่เธอเตรียมมา
ส่วนเรื่องอุ๊งอิ๊งค์ หอบลูกกับสามีไปประชุมครม. พาไปทำเนียบรัฐบาลด้วยนั้น บางคนบอกว่าต้องเข้าใจว่า ลูกของเธอยังเล็ก และเธอยังสาว ลูกของเธอจึงยังอยู่ห่างแม่ไม่ได้ และเธอก็ยังสาวจึงอยู่ห่างสามีไม่ได้ เพราะเราไม่เคยเห็นนายกรัฐมนตรีคนไหนที่เอาลูกและสามีหรือภรรยาของตัวเองมาพัวพันกับบทบาทหน้าที่ในระหว่างเป็นนายกรัฐมนตรีมากเท่าเธอเลย ไม่เชื่อดูพ่อหรืออาของตัวเองในวันที่เป็นนายกรัฐมนตรีก็ได้
แต่ถามว่ามีประโยชน์ไหมที่เราจะวิพากษ์วิจารณ์เธอ ก็คงไม่คิดว่าจะมีประโยชน์อะไร เพราะดูเหมือนเธอเชื่อมั่นในตัวเองมากและไม่พร้อมที่จะรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากใครเลย
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan