xs
xsm
sm
md
lg

ขีปนาวุธ “Oreshnik” กับการขจัดเงื่อนไข “สงครามนิวเคลียร์”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกประจำทำเนียบเครมลิน
พอได้หายใจ-หายคอ โล่งอก โล่งคอ ขึ้นมามั่งนิดๆ หน่อยๆ แม้แต่เล็กๆ น้อยๆ ก็ยังดี...สำหรับช่วงเปิดฉากสัปดาห์นี้ เพราะถ้าว่ากันตามข่าวคราวล่าสุดที่นิตยสาร “Newsweek” เขาได้นำเสนอเป็นรายงานไว้เมื่อวันพุธสัปดาห์ที่แล้ว (27 พ.ย.) ว่าพวก “เด็กชอบเล่นไม้ขีดไฟ” หรือมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างอเมริกา ผู้มีความเชี่ยวชาญในการ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” ใครต่อใครอย่างเป็นพิเศษ คงไม่คิดจะเอาแล้ว-ไม่ไหวแล้ว!!! สำหรับแผนที่จะจัดหา “อาวุธนิวเคลียร์” ให้กับ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่างยูเครน ตามที่เคยมีข่าวก่อนหน้านี้...

หรือตามที่หนังสือพิมพ์ “The New York Times” ได้เคยปูดเอาไว้ประมาณว่า เจ้าหน้าที่ระดับสูงของอเมริกาและอียู-อีย้วย ได้พบปะหารือพูดคุยกันในเรื่องนี้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา จนทำให้บรรดาพวก “Dmitry” ทั้งหลายในรัสเซีย ไม่ว่า “Dmitry Peskov” โฆษกเครมลิน หรือ “Dmitry Medvedev” รองประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติรัสเซีย ต้องออกมาด่า ออกมาขู่ เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ยิ่งโดยเฉพาะคำพูด คำยืนยัน ของผู้นำรัสเซีย ประธานาธิบดี “ปูติน” ที่ได้กล่าวเอาไว้กับบรรดาพันธมิตรทางความมั่นคงของกลุ่มประเทศ “CSTO” (The Collective Security Treaty Organization) อันประกอบไปด้วยประเทศรัสเซีย อาร์เมเนีย เบลารุส คาซัคสถาน คีร์กิซสถาน ทาจิกิสถาน ระหว่างการประชุมสุดยอดที่กรุง “Astana” ประเทศคาซัคสถาน เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 28 พ.ย.ที่ผ่านมา ถึงพลังอำนาจการทำลายล้างของจรวด “Hypersonic” รุ่นล่าสุดของรัสเซีย หรือจรวด “Oreshnik” นั้น ต้องเรียกว่า...หนาวว์ว์ว์ยะเยือกก์ก์ก์ขึ้นมาได้โดยฉับพลัน-ทันที...

หรืออาจไม่ต้องถึงขั้นจรวด “Oreshnik” หรอก!!!...แค่เฉพาะขีปนาวุธพิสัยใกล้ของรัสเซียอย่าง “Iskander” ก็น่าจะเหนือกว่าจรวด “ATACMS” ของคุณพ่ออเมริกาไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า เพราะถ้าดูจากหลักฐาน ภาพถ่ายวิดีโอที่ทางการรัสเซียเขาได้นำมาเผยแพร่ไว้ทาง “Telegram channel” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา เพื่อแสดงให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ว่าจรวด “Iskander” ประมาณ 4 ลูกของรัสเซีย สามารถถล่มฐานยิงระบบ “HIMARS” ของอเมริกาที่เอาไว้ใช้ยิงจรวด “ATACMS” หรือ “Storm Shadow” ของอังกฤษถึง 5 เป้าหมายด้วยกัน ชนิดราบเรียบเป็นหน้ากลอง แถมเจ้าหน้าที่ประจำฐานดังกล่าวในบริเวณแคว้น “Sumy” ชายแดนรัสเซีย ยังต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึงไปอีก 30 ราย โอกาสที่กองทัพยูเครนจะงัดเอาขีปนาวุธที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้มายิงใส่รัสเซียแบบระลอกแล้วระลอกเล่า ก็น่าจะยิ่งลำบากยิ่งขึ้นไปเท่านั้น...

ด้วยเหตุนี้...การยั่วยวนกวนส้นตีน หรือการสร้าง “แรงกดดัน” ให้กับรัสเซีย มันเลยดูจะเปลี่ยนมาเป็นเรื่องราวทางเศรษฐกิจกันแทนที่ ดังเช่นการ “ขยายการแซงชั่น” ทางการเงินต่อรัสเซียเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา เพื่อพุ่งเป้าเล่นงานธนาคารอันดับ 3 ของรัสเซีย อย่าง “Gazprombank” ที่ถือเป็นหัวใจสำคัญในการประกอบธุรกรรม การชำระบัญชีการเงินระหว่างประเทศให้กับสินค้าพลังงานทั้งหลายของรัสเซีย และก็ดูจะ “ได้ผล” อยู่บ้างตามสมควร คือทำให้ “ค่าเงินรูเบิล” ของรัสเซีย ร่วงลงมาอยู่ที่ประมาณ 114 รูเบิลต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (27 พ.ย.) หรือเท่ากับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคมปี ค.ศ. 2022 เป็นต้นมา...

แต่ก็นั่นแหละ...การหันมาสู้รบ-ปรบมือกันในเรื่องเงินๆ-ทองๆ เรื่องเศรษฐกิจ ยังไงๆ มันคงไม่ถึงกับหนักหนา-สาหัสเหมือนอย่างการสู้กันด้วยจรวด รถถัง ปืนผาหน้าไม้ใดๆ อยู่แล้วแน่ๆ ที่ไม่เพียงแต่จะเป็นตัวพร่าผลาญชีวิตเลือดเนื้อของบรรดาทวยทหารของแต่ละฝ่ายเท่านั้น แต่ยังอาจทำให้บรรดาพลเรือนผู้ไม่รู้อีโหน่-อีเหน่ทั้งหลาย ต้องล้มตายลงไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ด้วยเหตุนี้...เมื่อธนาคารกลางของรัสเซีย เขาหันมารับมือด้วยการ “แขวนการซื้อ-ขายเงินตราต่างประเทศ” เอาไว้ชั่วคราว ราคารูเบิลก็เลยเด้งกลับมาอยู่ที่ประมาณ 110 รูเบิลต่อดอลลาร์ และคงค่อยๆ กระเตื้องขึ้นมาตามลำดับโดยไม่ได้ถึงกับส่งผลกระทบต่อบรรดาชาวหมีขาวมากมายสักเท่าไหร่นัก เพราะอย่างที่โฆษกเครมลิน “นายDmitry Peskov” ท่านว่าเอาไว้นั่นแหละว่า เนื่องจากคนรัสเซียรับเงินเดือนเป็น “เงินรูเบิล” ไม่ใช่ “เงินดอลลาร์” เลยไม่ถึงกับต้องทุกข์-ต้องร้อนไปเพราะการแข็งค่า-อ่อนค่าของเงินตราสกุลตัวเองมากมายสักเท่าไหร่...

หรือถ้ามองกันแบบบวกๆ มองให้โลกสวยเข้าไว้...ก็อาจเป็นไปอย่างที่รัฐมนตรีคลังรัสเซีย “นายAnton Siluanov” เขาว่าไว้เมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (26 พ.ย.) นั่นแหละว่า การที่ค่าเงินรูเบิลของรัสเซียตกต่ำลงไปเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์ จะไปสรุปว่าดีหรือเลวคงไม่น่าจะถนัดสักเท่าไหร่ เพราะการลดลงของค่าเงินรูเบิลกลับน่าจะก่อให้เกิดผลบวก หรือกลับช่วยให้การส่งออกสินค้าของรัสเซียไปยังประเทศต่างๆ เป็นอะไรที่คล่องคอสะดวกคอยิ่งขึ้นๆ คล้ายๆ กับบ้านเราที่ต้องเสียเวลามิใช่น้อย ในการเถียงกันเรื่อง “บาทแข็ง-บาทอ่อน” อะไรทำนองนั้น จนกลายเป็นการเปิดช่อง-เปิดทางให้กับคุณพี่ “ไก่โต้ง-กิตติรัตน์” สามารถเจาะช่องเข้ามานั่งเป็น “ประธานบอร์ด” ธนาคารแห่งประเทศไทยจนได้นั่นแหละ ส่วนที่จะนำไปสู่ความเจ๊ง-ความไม่เจ๊งของเศรษฐกิจไทยในอนาคตข้างหน้า หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องไปสวดมนต์-ภาวนากันดูอีกที หรือคงต้องไปถามท่าน “นักโทษเทวดา” เอาเองก็แล้วกัน...

แต่เอาเป็นว่า...การที่รัสเซียเขาได้อวดโชว์ถึง “ศักยภาพ” ของขีปนาวุธรุ่นใหม่ล่าสุดอย่าง “Oreshnik” ไว้ให้เป็นที่ประจักษ์แจ้งต่อสายตาชาวโลกไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ย่อมน่าจะส่งผลให้ฉากสถานการณ์ใน “แนวรบ” ต่างๆ เกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมี “นัยสำคัญ” ทีเดียว เพราะอย่างที่ผู้นำรัสเซียท่านได้ “สมรักษ์ คำสิงห์” ไว้ในที่ประชุมกลุ่มประเทศ “CSTO” เอาไว้นั่นแหละว่า ไม่เพียงแต่ความเร็ว ความแรง ของอาวุธชนิดนี้ที่แทบไม่ต่างอะไรไปจาก “อุกกาบาต” ที่เคยพุ่งชนโลกมาแล้วหลายครั้ง หลายหน เป็นอาวุธที่ยังไม่มีขีปนาวุธรายใดในโลกนี้สามารถทัดเทียมได้และรัสเซียกำลังเร่งผลิตกันอย่างขะมักเขม้น จนทำให้การผลิตขีปนาวุธของรัสเซียเหนือกว่าบรรดาประเทศ “NATO” รวมกันถึง 10 เท่าเอาเลยถึงขั้นนั้น อีกทั้งถ้าหากเกิดการใช้ขีปนาวุธ “Oreshnik” พร้อมๆ กันหลายๆ ลูก อานุภาพการทำลายล้างของ “อาวุธตามแบบแผน” (conventional weapon) ที่ว่านี้ ย่อมไม่น้อยไปกว่า “อาวุธนิวเคลียร์” แม้จะไม่ต้องติดหัวรบนิวเคลียร์เอาเลยก็ตาม...

ดังนั้น...ถ้ากองทัพยูเครน คิดจะงัดเอาขีปนาวุธต่างๆ ที่ตะวันตกมอบให้มายิงใส่รัสเซีย อย่างเช่นที่คิดจะถล่มกรุงมอสโกและเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก เมื่อไม่กี่วันมานี้ โอกาสที่เมืองหลวงของยูเครนอย่างกรุงเคียฟ โดยเฉพาะศูนย์ปฏิบัติการทางยุทธศาสตร์ ไม่ว่าฐานบัญชาการ สิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร ที่ตั้งอุตสาหกรรมอาวุธต่างๆ ไปจนถึงฐานบัญชาการในแต่ละจุดแต่ละพื้นที่ จะต้องราบเรียบเป็นหน้ากลอง เหมือนดังที่เมืองอุตสาหกรรมในยูเครนอย่าง “Dnepropetrovsk” หรือ “Dnieper” เคยเจอมาแล้ว ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ อันทำให้อาวุธชนิดนี้ไม่เพียงแต่ถือเป็น “คำตอบ” ของรัสเซียต่อ “แนวรบในยุโรปตะวันออก” แต่เพียงเท่านั้น แต่รัสเซียยังพร้อมที่จะนำเอาขีปนาวุธดังกล่าวไปติดตั้งไว้ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก หรือใน “แนวรบทะเลจีนใต้” ซะอีกด้วย อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่อาจถือเป็นตัวช่วยให้เกิดสิ่งที่เรียกๆ กันว่า “สมดุลทางอำนาจ” ระหว่าง “ตะวันตก-ตะวันออก” หรือระหว่าง “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” ที่อาจช่วยให้บรรดาชาวโลกทั้งหลาย ยังพอมีช่อง มีจังหวะ มีโอกาสหายใจ-หายคอ คล่องๆ ขึ้นมามั่ง แม้ในช่วงสั้นๆ ก็ตาม...

ด้วยเหตุนี้...ถ้าหากอาวุธชนิดนี้สามารถทำให้พวก “บ้าสงคราม” อย่าง “โจ ซึมเซา” และพวก “Neo-cons” แห่งพรรคเดโมแครตทั้งหลาย ต้องเกิดอาการ “หมดมุก” จนไม่อาจ “ยกระดับสถานการณ์” ให้ขึ้นไปสู่ “สงครามโลกครั้งที่ 3” หรือ “สงครามนิวเคลียร์” ได้อย่างที่ปรารถนาและต้องการเสียเหลือเกิน ต้อง “ลงโรง” ไปอย่างเงียบเหงา-ซึมเซาในช่วงวันที่ 20 มกราคมปีหน้า ผู้นำอเมริการายใหม่อย่าง “ทรัมป์บ้า” ที่แม้ไม่ได้ถึงกับ “บ้าสงคราม” แต่บ้าอย่างอื่น ก็คงไม่ถึงกับน่ากลัว น่าสยดสยองมากมายสักเท่าไหร่...

เพราะถึงแม้จะป่าวประกาศว่าพร้อมจะ “ขึ้นภาษี” สินค้านำเข้ามายังอเมริกา โดยเฉพาะสินค้าของ “มหาอำนาจคู่แข่ง” อย่างจีนถึง 60 เปอร์เซ็นต์ทันทีที่ได้รับตำแหน่งเอาเลยถึงขั้นนั้น แต่ถ้าว่ากันตามแนวคิด การวิเคราะห์ ของอภิมหาบริษัทการเงิน-การทอง อย่าง “JPMorgan Chase” ที่สรุปไว้กับสำนักข่าว “Bloomberg” เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ว่ามีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ ที่ฝ่ายจีนเขาจะเตรียมตัวรับมือกับความ “บ้า...ก็...บ้าวะ” ทำนองนี้ ด้วยการหันไป “ลดค่าเงินหยวน” ลงไปถึงประมาณ 15 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย เพื่อที่จะทำให้สินค้าส่งออกของจีนไปยังอเมริกาจำนวนถึง 60 เปอร์เซ็นต์มีราคาถูกลงจนพอที่จะหาซื้อกันได้สบายๆ แล้วหลังจากนั้นค่อยตอบโต้แก้แค้น-เอาคืน ด้วยการขึ้นภาษีสินค้าอเมริกาที่ส่งออกไปยังเมืองจีน แบบ “มึงมั่ง-กูมั่ง” ไปตามสภาพ...

โดยถ้าหากทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปดังที่ “JPMorgan” เขาได้คาดการณ์เอาไว้...แม้ว่าอาจส่งผลให้ใครต่อใคร “เจ๊ง-ไม่เจ๊ง” กันไปตามมี-ตามเกิด โดยเฉพาะประเทศที่กลายเป็น “ฐานผลิต” เป็นห่วงโซ่อุปาทานให้กับจีน อย่างเช่นมาเลเซีย เวียดนาม หรือเม็กซิโก ฯลฯ ก็ตาม แต่นั่นก็คงไม่ถึงขั้นที่จะส่งผลให้ใครต่อใครถึงกับต้องเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปทั่วทั้งโลก อันเนื่องมาจาก “มหันตภัยนิวเคลียร์” ที่หวิดๆ จะเกิดเพราะการกระพือฮือโหมไฟสงครามของพวก “บ้าสงคราม” ทั้งหลาย…


กำลังโหลดความคิดเห็น