xs
xsm
sm
md
lg

ที่อยู่ที่ยืนของสังคมไทย ที่มีแค่ทางเลือกไปกับทักษิณหรือธนาธร

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

 สถานการณ์การเมือง ณ เวลานี้ต้องยอมรับว่า การต่อสู้ทางการเมืองเพื่อช่วงชิงกันเป็นรัฐบาลนั้นอยู่ในมือของพรรคการเมือง 2 พรรคคือพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชน พรรคเพื่อไทยเป็นของทักษิณ ชินวัตร และพรรคประชาชนเป็นของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ทั้งสองพรรคเคยเรียกตัวเองว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตย พรรคการเมืองอื่นเป็นพรรคการเมืองที่รอคอยจะเข้าร่วมรัฐบาลเท่านั้น นั่นหมายความว่า พรรคของฝ่ายอนุรักษนิยมเดิมนั้นไม่มีโอกาสเลยที่จะกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้


ประเทศไทยในวันนี้และวันข้างหน้าดูจะไม่มีทางเลือกที่มากไปกว่านี้ แม้ว่าใครบางคนจะไม่อาจยอมรับเส้นทางทั้งสองก็ตาม

ต้องยอมรับว่าในขณะที่คนรุ่นเก่ากำลังถดถอย คนรุ่นใหม่ซึ่งก้าวมาเป็นพลังสำคัญของชาติ พวกเขามีความคิดที่ถูกครอบงำโดยฝ่ายปฏิกษัตริย์นิยม และถูกมอมเมาให้เชื่อว่าสถาบันกษัตริย์เป็นส่วนเกินของระบอบประชาธิปไตยจากบรรดานักวิชาการที่ซ่อนตัวอยู่ในมหาวิทยาลัย ทั้งที่แท้จริงแล้วประเทศไทยของเราตั้งมั่นอยู่ได้ด้วยความสามารถของบูรพมหากษัตริย์ที่ช่วยกันก่อร่างสร้างชาติไทยมาแต่โบราณกาลและเป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยที่แท้จริง

ดังนั้น ผู้นำทางความคิดและจิตวิญญาณของทั้งสองพรรคก็คือ ทักษิณและธนาธรที่จะมีบทบาทสำคัญว่าประเทศของเราจะก้าวเดินไปทางไหน


ก่อนที่ทักษิณจะบินกลับมาประเทศ แล้วฉ้อฉลการติดคุกไปนอนอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ มีข่าวว่าก่อนหน้านั้นทักษิณได้พบกับธนาธรที่ฮ่องกง เราไม่รู้หรอกว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน และหลังเลือกตั้งทั้งสองพรรคประกาศจับมือกันจัดตั้งรัฐบาล แต่ไม่สำเร็จ เพราะส.ว.และพรรคการเมืองอื่นประกาศว่า จะไม่หนุนนายกรัฐมนตรีที่มีนโยบายแก้ไขหรือยกเลิกมาตรา 112 ก่อนที่พรรคเพื่อไทยจะหันมาจับมือตั้งรัฐบาลกับพรรคฝ่ายอนุรักษนิยม

ตอนนั้นเราก็สงสัยว่า ทักษิณและธนาธรพูดคุยกันเรื่องอะไร จนกระทั่งไม่กี่วันมานี้ ทักษิณไปปราศรัยหาเสียงเลือกนายกอบจ.อุดรธานี เขาบอกว่า เขาเคยพูดกับธนาธรว่า อย่าไปพยายามรื้อโครงสร้างมากเกินไป ถ้าเราแก้ปัญหาด้วยหลักการ และเอาบ้านเมืองให้อยู่ได้ มันจะดีที่สุด ไปคิดถึงสิ่งที่มีอยู่ สิ่งที่ประชาชนคนไทยเคารพนับถือ ซึ่งเป็นโครงสร้างสำคัญของสถาบัน เราต้องจรรโลงอย่างเดียว ไม่ได้บอกว่านายธนาธรหรือพรรคก้าวไกล จะไม่จงรักภักดี แต่ต้องมีวิธีการที่ยึดหลักให้ถูกต้องของบ้านเมือง อย่าไปมุ่งหาเสียง บางทีจุดโฆษณามันอันตรายกว่าความตั้งใจจะทำ

แน่นอนว่า จากประโยคนี้ทำให้เข้าใจได้ว่า โครงสร้างที่ทักษิณพูดถึงการคือสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแน่นอน

พรรคของธนาธรที่วันนี้เป็นพรรคประชาชนนั้นมีความคิดสนับสนุนและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ สนับสนุนการออกมาเคลื่อนไหวเรียกร้องของคนรุ่นใหม่บนท้องถนนเมื่อสองสามปีก่อน และเรียกร้องให้แก้ไขมาตรา 112 โดยร่างที่พรรคก้าวไกลยื่นต่อสภานั้น ถูกมองว่า เป็นมากกว่าการแก้ไขมาตรา 112 แต่เป็นการยกเลิกมาตรา 112 ที่มีเนื้อหาในปัจจุบัน เป็นการเขียนกฎหมายขึ้นมาใหม่ที่ให้โทษน้อยกว่าการหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาในกฎหมายปัจจุบัน

โดยศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้แล้วว่า มีเจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกันซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ การให้ความผิดตามฐานนี้สามารถยอมความได้ให้สำนักพระราชวังเป็นผู้ร้องทุกข์และถือว่าเป็นผู้เสียหายถือเป็นการลดสถานะการคุ้มครองพระมหากษัตริย์

นอกจากนั้น ศาลรัฐธรรมนูญยังชี้ว่า การเสนอเรื่องการแก้ไขมาตรา 112 เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้งเป็นการใช้นโยบายทางการเมืองโดยนำสถาบันฯ ลงมาเพื่อหวังผลในการได้คะแนนเสียงและประโยชน์ในการชนะการเลือกตั้งซึ่งเป็นผลทำให้สถาบันฯตกเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน จึงถือว่ามีเจตนาเซาะกร่อนบ่อนทำลายที่อาจนำไปสู่การล้มล้างการปกครองฯได้ในที่สุด

จริงๆ แล้วการกลับมาประเทศของทักษิณนั้น เพราะหลายคนเชื่อกันว่า มีดีลสำคัญเพื่อรับมือกับการเติบโตของพรรคก้าวไกลตอนนั้นและเป็นพรรคประชาชนในตอนนี้ จึงมีคนเชื่อว่า การจับมือกันเพื่อจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลนั้นเป็นเพียงละครฉากหนึ่งเท่านั้นเอง เพื่อแสดงให้เห็นว่า ได้เปิดโอกาสให้พรรคที่ชนะเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 จัดตั้งรัฐบาลก่อนแล้วแต่ไม่สำเร็จ พรรคเพื่อไทยจึงมีความชอบธรรมที่จะจัดตั้งรัฐบาล แน่นอนว่าหากมีพรรคก้าวไกลร่วมอยู่ด้วยการจัดตั้งรัฐบาลก็จะไม่สำเร็จ ดังนั้นพรรคเพื่อไทยจึงมีความชอบธรรมที่จะต้องทิ้งพรรคก้าวไกลที่เคยให้สัตยาบันร่วมกันไว้ เพื่อร่วมกับพรรคการเมืองอื่นไม่เช่นนั้นก็จะจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้

และในที่สุดพรรคเพื่อไทยของทักษิณก็ได้กลายเป็นพรรคหนึ่งที่เลือกข้างมาอยู่ฝ่ายอนุรักษนิยมเพื่อรับมือกับพรรคก้าวไกลที่ต้องการเปลี่ยนโครงสร้างประเทศและสิ่งที่ประชาชนเคารพนับถืออย่างที่ทักษิณได้พูดกับธนาธรเอาไว้ และต้องการทำประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิม ดังที่พรรคก้าวไกลประกาศไว้ในวันรณรงค์เลือกตั้ง ถ้าเราไปจับอารมณ์ของบรรดาปัญญาชนที่เรียกตัวเองว่าฝ่ายประชาธิปไตย ถึงวันนี้พวกเขายังรับไม่ได้กับการที่พรรคเพื่อไทยพลิกขั้วมายืนอยู่ฝ่ายอนุรักษนิยม และฝ่ายทักษิณถูกชี้หน้าว่าเป็นผู้ทรยศ

แม้ว่าจริงๆ แล้วมวลชนฝ่ายอนุรักษนิยมที่ไม่สามารถสร้างแนวร่วมคนรุ่นใหม่ได้ จำนวนมากยังมีความไม่เชื่อมั่นในตัวทักษิณ เพราะเคยต่อสู้ขับไล่กันมา บางคนวันนี้ยังยอมรับไม่ได้ ขณะที่บางคนทำใจให้ยอมรับเพราะเชื่อว่าวันนี้กลุ่มชนชั้นนำมีความจำเป็นที่จะต้องพึ่งพาทักษิณ แม้ว่าจะไม่เชื่อใจนักว่า ทักษิณจะมีความจริงใจหรือไม่ก็ตาม

 แต่ถามว่ามีทางเลือกอะไรมากกว่านี้สำหรับฝ่ายอนุรักษนิยมไหม คำตอบคือไม่มี ทางเลือกที่พอจะทำได้สำหรับคนที่ยังทำใจเป็นส่วนหนึ่งเดียวกันกับทักษิณไม่ได้ก็คือ การไม่เลือกทั้งสองฝ่าย แต่ก็ทำให้อำนาจของตัวเองในการมีบทบาททางการเมืองลดทอนไป

แน่นอนล่ะว่า พรรคการเมืองฝั่งที่อยู่ร่วมรัฐบาลกันในปัจจุบันนั้น จะถูกสถานการณ์และการรุกไล่ของพรรคประชาชนท้าทายต่อโครงสร้างของประเทศ บีบให้จับมือกันไปเรื่อยๆ แต่ความจริงที่ต้องยอมรับก็คือ จะต้องอยู่ภายใต้ร่มเงาของพรรคเพื่อไทยตลอดไป มองไม่เห็นเลยว่า ในฝ่ายเดียวกันนี้ พรรคการเมืองพรรคอื่นจะพลิกกลับมาเป็นพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร และต้องยอมรับคนที่พรรคเพื่อไทยเสนอตัวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี แม้เราจะตั้งคำถามถึงสติปัญญาความรู้ความสามารถแบบอุ๊งอิ๊ง แพทองธารก็ตาม

ส่วนฝั่งพรรคประชาชนนั้นทางเดียวที่เรารู้กันว่า ถ้าพวกเขาจะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้นั้นต้องมีที่นั่งส.ส.เกินครึ่งหนึ่งของจำนวนส.ส.ทั้งหมดไม่เช่นนั้นไม่มีวันเลยที่พวกเขาจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคอื่นในประเทศนี้ แม้ว่าจะมีคะแนนเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ก็ตาม ถ้าถามว่ามีโอกาสไหมที่พรรคประชาชนจะชนะเลือกตั้งเกินครึ่งหนึ่งผมคิดว่า ในโครงสร้างการเมืองไทยที่บ้านใหญ่ยังมีบทบาทสำคัญในโครงสร้างการเมืองระดับจังหวัด โอกาสของพรรคประชาชนก็แทบจะไม่มีเลย

 และต้องยอมรับว่า วันนี้พลังของพรรคประชาชนก็ไม่เหมือนเก่าแล้ว คนจำนวนหนึ่งเริ่มมองว่า หากพรรคประชาชนเข้ามาบริหารประเทศแล้วแนวความคิดที่เป็นอันตรายต่อโครงสร้างของประเทศนั้นจะนำพาประเทศไทยไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรง และคนไม่น้อยก็เริ่มตั้งคำถามว่า ความรู้ความสามารถและประสบการณ์ของพวกเขาที่ไม่เคยมีมาก่อนนั้นจะสามารถนำพาประเทศไปสู่หนทางที่ดีกว่าได้จริงหรือ แม้พวกเขาจะมีโวหารลีลาและการนำเสนอที่โดดเด่นกว่าพรรคการเมืองเก่าและนักการเมืองรุ่นเก่าตามแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ก็ตาม และต้องยอมรับว่าหัวหน้าพรรคคนใหม่นั้นไม่ได้มีแรงดึงดูดและแสงในตัวเองที่มาพอที่จะจุดประกายความหวังให้คนไทยส่วนใหญ่ไปฝากอนาคตไว้ได้

ประเด็นสำคัญก็คือ พรรคประชาชนยังถูกครอบงำด้วยความคิดของธนาธรและปิยบุตร แสงกนกกุล ที่มีความคิดท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ ถ้าหากพรรคการเมืองนี้สามารถทำให้คนส่วนใหญ่เชื่อมั่นว่า เขาไม่ได้เป็นอันตรายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขได้แล้ว โอกาสก็เข้าสู่อำนาจและไม่มีความขัดแย้งในชาติก็อาจจะมีมากกว่านี้ แม้ว่าคนรุ่นใหม่ที่ศรัทธาต่อพรรคส่วนใหญ่จะถูกปลูกฝังความคิดปฏิกษัตริย์นิยมก็ตาม

  การเมืองไทยนับจากนี้ก็คงจะเป็นการต่อสู้กันของสองพรรคที่นำโดยทักษิณกับธนาธร หากใครยังทำใจยอมรับทั้งสองฝ่ายไม่ได้ ก็ต้องคิดให้รอบคอบว่า ทางเลือกไหนที่จะเป็นประโยชน์ต่ออุดมการณ์ทางการเมืองของตัวเองมากกว่ากัน

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น