จะเรียกว่าเป็นการ “ทิ้งทวน” หรือการ “วางกับดัก” ก็คงต้องแล้วแต่ความสะดวกลิ้นของใคร-ของมัน...ที่จะไปว่ากันเอาเอง!!! สำหรับข่าวคราวเรื่องรัฐบาลคุณปู่ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” คิดจะอนุมัติ อนุญาตให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” ของฝ่ายตะวันตก นำขีปนาวุธพิสัยไกลอย่างจรวด “ATACMS” พิสัยทำการระดับ 300 กิโลเมตร หรือ 190 ไมล์โน่นเลย ที่อเมริกาได้มอบให้กับกองทัพยูเครนไปเมื่อช่วงเดือนเมษาฯที่ผ่านมา ยิงลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย ดังที่สื่ออเมริกันอย่าง “The New York Times” เขาได้นำมาปูดไว้เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (17 พ.ย.)โดยที่กระทรวงกลาโหมอเมริการวมทั้งทำเนียบขาว ยังไม่ได้ออกมาตอบรับหรือปฏิเสธแต่อย่างใด???
คือแม้ว่าจะยังคงอยู่ในสถานะอำนาจอีกเพียงแค่เดือนกว่าๆ หรือร่วมๆ 2 เดือน ก่อนที่จะต้องยอมยกมอบทุกสิ่งทุกอย่างไปให้กับประธานาธิบดีรายใหม่แห่งพรรครีพับลิกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” ผู้ที่จะสาบานตัวเข้ารับตำแหน่งในวันที่ 20 มกราคมปีหน้า แต่ในห้วงระยะเวลาที่สามารถนับนิ้วได้ราวๆ เกือบ 60 วัน หรือเกือบ 1,440 ชั่วโมง โอกาสที่รัฐบาลพรรคเดโมแครตของคุณปู่ “โจ ซึมเซา” จะลงมือกระทำในสิ่งที่เคยย้ำหัวตะปูไว้แล้วหลายครั้ง หลายหน ว่า... “จะใช้ช่วงเวลาที่เหลืออยู่ เพื่อสร้างหลักประกันให้กับยูเครนในการสู้รบกับรัสเซียได้อย่างมีประสิทธิภาพในปีหน้า หรือมีสถานะที่แข็งแกร่งในการเจรจากับรัสเซีย” ก็อาจหมายถึงการกระทำการในลักษณะดังกล่าวนี่เอง!!! อันเป็นสิ่งที่อดีตนักวิเคราะห์อาวุโสด้านนโยบายความมั่นคงของอเมริกันเอง อย่าง “นายMichael Maloof” สรุปว่าเป็นการอาศัย “เล่ห์กระเท่” (insidious) แบบผิดๆ พลาดๆ และสมควรได้รับการประณาม หรือไม่ต่างไปจากการ “วางกับดัก” เพื่อ “ยกระดับปัญหาความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซียจนอาจทำให้ประธานาธิบดีรายใหม่ ต้องประสบความล้มเหลวในการจัดการกับปัญหาดังกล่าวตามทิศทาง แนวทาง ที่ตัวเองเคยได้ป่าวประกาศเอาไว้”...
ด้วยเหตุนี้...จึงไม่ถึงกับน่าแปลกใจ ที่บรรดาผู้ให้การสนับสนุนประธานาธิบดีรายใหม่ทั้งหลาย ไม่ว่า CEO-Space X อย่าง “Elon Musk” ซึ่งใกล้ชิดสนิทสนมกับ “ทรัมป์บ้า” เอามากๆ ระหว่างช่วงการหาเสียง หรือ “Richard Grenell” ที่ปรึกษาส่วนตัวของทรัมป์ ไปจนถึงลูกชายคนโต อย่าง “Trump Jr.” เลยต้องออกมา “ทวีต” รัวๆ ในโซเชียล มีเดีย เมื่อช่วงวัน-สองวันมานี้ ด้วยการด่า การประณามรัฐบาล “โจ ซึมเซา” และพวก “ลิเบอร่าน” แห่งพรรคเดโมแครต ตลอดไปจนบรรดาพวก “อุตสาหกรรมอาวุธ” ที่ถือเป็น “Deep State” ซึ่งกระเหี้ยนกระหือรือปรารถนาที่จะให้ใครต่อใครฆ่าล้างผลาญกันและกันให้มากๆ เข้าไว้ ดังที่ “Trump Jr.” โพสต์ไว้ในเว็บไซต์ “X” นั่นแหละว่า... “พวกอุตสาหกรรมอาวุธต้องการที่จะให้แน่ใจว่าจะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่บิดาบังเกิดเกล้าของกระผมจะมีโอกาสสร้างสันติภาพและช่วยเหลือชีวิตผู้คน” ขณะที่ “Elon Musk” สรุปไว้สั้นๆ แต่ออกจะมีความหมายเอามากๆ ว่า “Libs Love War” หรือพวกลิเบอร่านทั้งหลาย ก็คือพวกที่กระหายสงคราม อะไรประมาณนั้น แม้แต่หัวหน้าพรรคการเมืองฝรั่งเศส “French Patriots Party” อย่าง “นายFlorian Philippot” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาร่วมประณาม ด้วยข้อความที่ว่า... “พวก Deep State และหุ่นของพวกมัน(ไบเดน)พยายามที่จะจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่ 3 ก่อนที่ทรัมป์จะขึ้นสู่อำนาจ” เอาเลยถึงขั้นนั้น!!!
คือการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้กับยูเครน ไม่ว่าจะ “ATACMS” ของอเมริกา “Storm Shadow” ของอังกฤษ “SCALP-EG” ของฝรั่งเศส หรือ “Taurus” ของเยอรมนี ยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียนั้น ก็เป็นที่รู้ๆ กันอยู่ว่าโดยอาศัยเจ้าหน้าที่ทางทหารของยูเครนลำพังล้วนๆ ยังไงๆ...คงไม่มีขีดความสามารถพอที่จะเล็ง พอที่จะยิงได้เลยแม้แต่น้อย เนื่องจากไม่เพียงต้องใช้ความเชี่ยวชาญของผู้ที่ผลิตขีปนาวุธแต่ละประเภท แต่ยังต้องอาศัยข้อมูล ข่าวกรอง จากดาวเทียมบนอวกาศ ในการควบคุมวิถีทางและการกำหนดเป้าหมาย อันมีแต่บรรดาเจ้าหน้าที่อเมริกันและ “NATO” เท่านั้น ที่มีขีดความสามารถเหล่านี้อยู่ในมือ ดังนั้น...ผู้ที่จะใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลทั้งหลาย หรือผู้ที่ “กดปุ่มยิง” ตัวจริง ก็คือบรรดาเจ้าหน้าที่ทหารอเมริกันหรือ “NATO” นั่นเอง ด้วยเหตุนี้นี่เองที่ทำให้ผู้นำรัสเซีย อย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านเลยต้องออกมาสรุปไว้ตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา ว่าการอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบให้ยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียนั้นย่อมหมายถึง “การที่NATO ได้เข้ามาเป็นคู่ขัดแย้งโดยตรงกับรัสเซีย” นั่นเอง อันทำให้รัสเซียเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องหาทาง “ตอบโต้อย่างเหมาะสม” ต่อการกระทำดังกล่าว...
ส่วนจะต้องดวลจรวด ดวลขีปนาวุธไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน ต้องฉิบหาย-วายวอดในระดับสงครามโลกครั้งที่ 3 หรือกระทั่งสงครามนิวเคลียร์ หรือไม่? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องไป “สวดมนต์-ภาวนา” กันเอาเอง แต่โดยลักษณะอาการของผู้นำยูเครน ประธานาธิบดี “Volodymyr Zelensky” นั้น ต้องเรียกว่า...กระเหี้ยนกระหือรือเอามากๆ!!! ต่อข่าวคราวที่กำลังเป็นไปในลักษณะเช่นนี้ โดยคิดจะงัดเอาอาวุธร้ายๆ เหล่านี้มาโจมตีรัสเซียกันแบบไหน? อย่างไร? และเมื่อไหร่? แม้ยังไม่ถึงกับเป็นอะไรที่ชัดเจน แต่โดยคำพูด คำจา หลังจากได้รับรู้ รับทราบ ข่าวคราวดังกล่าวที่ว่าไว้ว่า... “การโจมตีมันคงไม่สามารถบอกได้ด้วยคำพูด เพราะด้วยขีปนาวุธนั่นแหละที่จะเป็นผู้พูดด้วยตัวของมันเอง” อันนี้...ต้องเรียกว่าน่าสยดสยองพองขนเอามากๆ เพราะประมาณ 60 วัน หรือราวๆ1,440 ชั่วโมงนับจากนี้ โอกาสที่ “ตัวตลก-ตัวแทน” รายนี้จะกลายเป็นผู้ “จุดชนวน” ให้เกิดความฉิบหายวายวอดระดับไฟนรกสุดขอบฟ้าตามมา หรือไม่? อย่างไร? ก็ยากที่จะคาดคะเนได้ง่ายๆ...
คือถึงแม้ว่า “ทรัมป์บ้า” อยากจะยุติ “สงครามยูเครน-รัสเซีย” กันในลักษณะไหน? เพียงใด? ก็ตาม แต่อย่างที่โฆษกเครมลิน “นายDmitry Peskov” ท่านได้ออกมาสรุปไว้ก่อนหน้านั้นนั่นแหละว่า ตราบใดที่ประธานาธิบดีอเมริกันรายนี้ยังไม่ได้มี “ไม้เท้ากายสิทธิ์” โอกาสที่จะจบสงครามภายใน 24 ชั่วโมง น่าจะเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วแน่ๆ อีกทั้งการสนับสนุนส่งเสริมให้ “ตัวตลก-ตัวแทน” ของอเมริกาอย่างยูเครนหาทางบั่นทอน ทำลายศักยภาพของรัสเซียในทุกๆ ด้าน ชนิดที่กระทรวงกลาโหมอเมริกันเอง ออกมาสรุปถึง “การลงทุน” ในลักษณะดังกล่าว หรือการช่วยเหลือยูเครนตั้งแต่ช่วงปี ค.ศ. 2022 จนตราบเท่าทุกวันนี้ ว่ามีมูลค่าปาเข้าไปถึง 182,000 ล้านดอลลาร์เข้าไปแล้ว สิ่งเหล่านี้จึงถูกแปรสภาพให้กลายเป็น “ผลกำไร” ของบรรดาบริษัทธุรกิจอเมริกันจำนวนไม่น้อย ดังที่รองประธานสภาความมั่นคงรัสเซีย “นายDmitry Medvedev” ท่านได้แจกแจงเอาไว้เมื่อช่วงวัน-สองวันที่ผ่านมา...
ว่าตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์ปี ค.ศ. 2023 ไปจนถึงเดือนมิถุนายน ค.ศ. 2024 บริษัทน้ำมันอเมริกันสามารถส่งออกน้ำมันไปยังยุโรปที่พร้อมจะเป็น “พรมเช็ดเท้า” ให้กับอเมริกาเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าตัว ยิ่งโดยเฉพาะแก๊สเหลว หรือ “LNG” ถึงกับเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าตัว แม้แต่สินค้าประเภทปุ๋ยที่เคยมีมูลค่าใกล้ๆ ศูนย์สำหรับการส่งออกไปยังยุโรป แต่กลับเพิ่มพรวดๆพราดๆ ขึ้นไปกว่า 666,000 ตันเอาเลยถึงขั้นนั้น หรือทำให้ “ผลกำไรของบริษัทธุรกิจอเมริกัน” ที่ได้มาจากการ “ต่อต้านรัสเซีย” จึงเป็นอะไรที่มากมายมหาศาลมิใช่น้อย นั่นยังไม่รวมไปถึงผลกำไรของบรรดาพวก “อุตสาหกรรมอาวุธ” หรือพวก “Deep State” ทั้งหลาย อีกทั้งโดย “แผนแห่งชัยชนะ” หรือ “Victory Plan” ที่ผู้นำยูเครน “นาย Volodymyr Zelensky” ได้นำเสนอไว้ให้กับรัฐบาลอเมริกันเมื่อไม่นานมานี้ ยังพยายาม “จุดประกายความหวัง” ให้กับบรรดาบริษัทธุรกิจอเมริกัน ในอันที่จะเข้าไปกอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรต่างๆ ในยูเครน โดยเฉพาะในแคว้น “Donbass” ที่ผู้คนลงประชามติให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซียไปเรียบร้อยแล้ว...
อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้ผู้ที่พร้อมป่าวประกาศว่า “America First” หรือ “อเมริกา...ต้องมาก่อน” มาโดยตลอดอย่าง “ทรัมป์บ้า” อาจต้องคิดหน้า-คิดหลังอยู่ไม่น้อย ในการเดินไปในแนว “สันติภาพ” แทนที่จะเป็น “สงคราม” อันเป็นสิ่งที่ผู้กระหายสงครามอย่างรัฐบาล “โจ ซึมเซา” ปรารถนาเสียเหลือเกิน ยิ่งไม่ได้มี “ไม้เท้ากายสิทธิ์” อยู่ในมือ แถมถูก “วางกับดัก” ไว้ล่วงหน้า จนอาจหนีไม่พ้นต้อง “ตกกระไดพลอยโจน” หรืออาจต้อง “ประสบความล้มเหลว” จากสิ่งที่เคยได้หาเสียงเอาไว้ก่อนหน้านั้น โอกาสที่จะยุติ “สงครามยูเครน” ภายใน 24 ชั่วโมง จึงน่าจะยากส์ส์ส์เอามากๆ!!! หรือถ้าหากยังคิดจะดันทุรังให้เป็นไปดังที่ตัวเองเคยสัญญิง-สัญญาเอาไว้ให้จงได้ โอกาสที่จะเกิดการ “ลอบสังหารครั้งที่ 4” ต่อผู้นำอเมริการายใหม่ แบบเดียวที่เคยเกิดกับ “JFK” หรืออดีตประธานาธิบดี “John F. Kennedy” ผู้คิดจะยุติ “สงครามเวียดนาม” มาก่อนหน้านี้ ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย!!!