เปิดฉากสัปดาห์นี้...คงหนีไม่พ้นต้องลองไปตรวจสอบความเป็นไปของมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกาในยุคที่ “ทรัมป์บ้า” หวนกลับมาเป็นผู้นำสูงสุดกันอีกรอบ ว่าโดยลักษณะรูปร่าง หน้าตา จะออกมาในแนวไหนกันแน่??? เพราะการ “แต่งตั้ง” ใครต่อใครให้เข้ามาเป็นโน่น-เป็นนี่ ในคณะบริหารของประธานาธิบดีรายใหม่ ดูๆ มันออกจะคล้ายๆ กับที่ “นักโทษเทวดา” ของบ้านเรา ตั้ง “คุณหลานอุ๊งอิ๊งค์” ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ตั้ง “คุณพี่บิ๊กอ้วน” ให้เป็นรัฐมนตรีกลาโหม หรือตั้ง “คุณไก่โต้ง-กิตติรัตน์” ให้เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย ฯลฯ อะไรทำนองนั้น คือก่อให้เกิดความ “อึ้ง-ทึ่ง-เสียว” ชนิดเสียววูบ เสียววาบ ต่อบรรดาผู้สังเกตการณ์ทั้งหลาย มากบ้าง-น้อยบ้าง ไปตามสภาพ!!!
แม้แต่ชาวอเมริกันชนที่เคยเป็นอดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ “CIA” เป็นผู้ร่วมก่อตั้งชุมชนข่าวกรองมืออาชีพ “VIPS” (Veteran Intelligence Professionals for Sanity) อย่าง “นายLarry Johnson” ยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกอาการเสียวสยองต่อผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งต่างๆ ไม่ว่าจะไล่มาตั้งแต่การตั้งพิธีกรรายการโทรทัศน์ “Fox News” อย่าง “นายPete Hegseth” ให้ขึ้นเป็นรัฐมนตรีกลาโหม ก่อให้เกิดความตื่นตะลึงตาค้างยิ่งกว่าการตั้ง “สหายบิ๊กอ้วน” บ้านเราไม่รู้กี่เท่าต่อกี่เท่า ที่ถูกถือเป็นเรื่องตลกที่น่าทุเรศ หรือไร้สาระที่สุด (absurd joke) หรือการตั้งสมาชิกสภารัฐฟลอริดา “นายMichael Waltz” ให้เป็นที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว ที่ถือเป็นหายนะหรือความวิบัติ (a disaster) ในสายตาอดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข่าวกรองรายนี้ นั่นยังไม่รวมไปถึงการตั้ง “นายMatt Gaetz” นักกฎหมายตัวแทนจากรัฐฟลอริดา ที่เคยเจอข้อกล่าวหาค้ามนุษย์เพื่อการประเวณี ให้ขึ้นมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรียุติธรรมฯลฯ โดยจะมีพวกเนติบัณฑิตนับร้อยๆ เข้าชื่อคัดค้านแบบเดียวกับที่คุณ “ไก่โต้ง-กิตตรัตน์” ถูกด็อกเตอร์ทางเศรษฐศาสตร์ หรือถูกลูกศิษย์ “หลวงตามหาบัว” ออกมาแสดงความสยดสยองแบบบ้านเรา หรือไม่? เพียงใด? ก็มิอาจทราบชัด...
แต่เอาเป็นว่า...ความเสียว หรือความยี้ของบรรดาอเมริกันชนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะ “นายLarry Johnson” นั้น ก็ใช่ว่าจะเป็นแค่ “อารมณ์” วูบๆ วาบๆ โดยไม่มีที่มา-ที่ไป ไม่มีเหตุ-ไม่มีผลใดๆ เอาเลยก็หาไม่ เพราะเท่าที่อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์รายนี้ได้แสดงความคิด ความเห็น เอาไว้กับสำนักข่าว “Sputnik” ก็ออกจะเป็นอะไรที่น่าคิด น่าสะกิดใจ มิใช่น้อย โดยเฉพาะต่อฉากเหตุการณ์ต่างๆ ไม่ว่าในยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง และทะเลจีนใต้ หรือใน “แนวรบ” สำคัญๆ ซึ่งถือเป็นตัวชี้ชะตาโลกทั้งโลกเอาเลยก็ว่าได้ ที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” รายนี้เห็นว่าผู้นำรายใหม่ของอเมริกา กำลังจะ “โง่” หรือกำลังจะ “เสี่ยง” ขึ้นเป็น 2 เท่า (Trump is going to double down on stupid) ในการบริหารจัดการกับ “ปัญหา” ต่างๆ ไม่ว่าที่เกิดขึ้นมาในยูเครน ตะวันออกกลาง หรือจีนก็ตาม!!!!
หรือ... “เขาไม่เข้าใจว่าโลกมันได้เปลี่ยนแปลงไปเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังเชื่อ-ยังโง่-และยังไร้เดียงสา ถึงขั้นคิดว่าเขาสามารถที่จะตอกลิ่มแยกรัสเซียออกจากจีนได้ง่ายๆ สามารถวางหมาก วางเกม ให้รัสเซียหันมาร่วมมือกับเราในการเอาชนะจีน อันสะท้อนให้เห็นว่า...เขาไม่ได้เข้าใจอะไรเลย!!!” อันนี้...ก็อาจมาจากครั้งที่ “ทรัมป์บ้า” ไปให้สัมภาษณ์กับพิธีกรรายการข่าว “นายTucker Carlson” ต่อหน้าฝูงชนผู้สนับสนุนในรัฐแอริโซนา ก่อนการลงคะแนนเลือกตั้งไม่กี่วัน ว่าการปล่อยให้รัสเซีย-จีน-อิหร่าน-เกาหลีเหนือ ไปจับกลุ่มรวมตัวกัน ถือเป็น “อันตราย” เอามากๆ สำหรับอเมริกา ดังนั้น... “ผม(ทรัมป์)กำลังคิดจะทำให้เขาไม่เป็นเอกภาพกัน...และผมคิดว่าผมทำได้” อะไรประมาณนั้น ซึ่งก็ออกจะจัดอยู่ในประเภท “โง่” หรือ “ไร้เดียงสา” อย่างที่ “นายLarry Johnson” ว่าเอาไว้จริงๆ นั่นแล...
เพราะถ้าหวนกลับไปคิดถึงคำพูด คำจา ของอดีตผู้นำจีน อย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ตั้งแต่เมื่อเกือบ 10 ปีที่แล้ว หรือเมื่อครั้งช่วงครบรอบ 95 ปี แห่งการก่อตั้งพรรคคอมมิวนิสต์จีน (1 กรกฎาคม ค.ศ. 2016)ซึ่งได้กล่าวถึง “กุญแจสำคัญ” ที่จะทำให้ “ระเบียบโลกแบบใหม่” ปรากฏตัวขึ้นมาท่ามกลางการล่มสลายของ “ระเบียบโลกแบบเดิมๆ” นั่นคือ...“ความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ระหว่างจีนกับรัสเซีย” นั่นเอง!!! หรือความสนิทชิดเชื้อ ระหว่างจีนกับรัสเซีย มันคงไม่ได้เหมือนกับยุค “รัฐบาลนิกสัน” ที่อเมริกาจะไปเล่นปิงปอง หรืออาศัย “การทูตปิงปอง” แยกจีนออกจากรัสเซียได้ง่ายๆ เพราะมันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่มีจุดมุ่งหมายเพียงแค่ระหว่าง 2 ประเทศเท่านั้น แต่เป็นความสัมพันธ์เพื่อที่จะ “เปลี่ยนโลกทั้งโลก” เอาเลยก็ว่าได้ ด้วยเหตุนี้การคิดจะ “ตอกลิ่ม” เพื่อแยกจีนออกจากรัสเซียของ “ทรัมป์บ้า” จึงเป็นอะไรที่ออกจะ “ไร้เดียงสา” แม้อาจไม่ถึงกับ “โง่” ก็ตาม...
เช่นเดียวกับใน “ตะวันออกกลาง” ที่ “นายLarry Johnson” ระบุไว้ว่า... “เขา(ทรัมป์)เชื่อว่าเขายังเป็นเจ้านายของตะวันออกกลางและควบคุมใครต่อใครในภูมิภาคนี้ได้ โดยไม่ได้ยอมรับความจริงเลยว่า ซาอุดีอาระเบียกับอิหร่านที่เคยเป็นศัตรูกันมาก่อน แต่มาบัดนี้...ได้สถาปนาสัมพันธ์ทางการทูตขึ้นมาใหม่เรียบร้อยแล้ว และถึงกับแลกเปลี่ยนการเดินทางเยี่ยมเยียนระหว่างผู้นำทางทหารของประเทศทั้งสอง รวมทั้งมีแผนที่จะซ้อมรบร่วมกันด้วย อีกทั้งบรรดาประเทศในโลกมุสลิมก็ได้แสดงท่าทีให้เห็นโดยชัดเจน ว่าพวกเขาไม่คิดจะสร้างสัมพันธภาพโดยปกติกับอิสราเอล ตราบใดที่ยังไม่มีรัฐปาเลสไตน์ที่มีความมั่นคงอุบัติขึ้นมา แต่สิ่งเหล่านี้...ทีมบริหารของทรัมป์ไม่ได้เก็ทเอาเลยแม้แต่น้อย!!!” อันนี้...ก็น่าจะจริงอย่างที่อดีตเจ้าหน้าที่วิเคราะห์ข่าวกรองรายนี้สรุปเอาไว้อีกนั่นแหละ เพราะไม่เพียงการเดินทางไปเยือนอิหร่านของรัฐมนตรีกลาโหมซาอุฯ จะปรากฏให้เห็นเมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา “การซ้อมรบร่วม” ทางทะเลระหว่างซาอุฯ และอิหร่านในทะเลโอมาน ก็อุบัติขึ้นมาตั้งแต่เดือนตุลาคมโน่นแล้ว...
แถมเมื่อวัน-สองวันนี้เอง...ผู้นำซาอุฯ อย่างเจ้าชาย “MbS” (Mohammed bin Salman) ถึงกับต้องออกมาป่าวประกาศ “เตือนอิสราเอล” เอาไว้แบบโจ้งๆ-โต้งๆ ในระหว่างการประชุมสุดยอดกลุ่มประเทศ “Arab Leage” และ “Organization of Islamic Cooperation Summit” ที่กรุงริยาด เมื่อวันที่ 11 พ.ย.ที่ผ่านมาว่า...“อิสราเอลควรที่จะเคารพต่ออำนาจอธิปไตยของประเทศมุสลิมอย่างอิหร่าน ไม่ให้ถูกล่วงละเมิดโดยเด็ดขาด!!!” นี่...ต้องเรียกว่าใครเป็นมิตร-เป็นศัตรู ใครเป็นใคร หรือไผ-เป็นไผ มันคงไม่ได้เหมือนเดิม หรือเหมือนครั้งที่ “ทรัมป์บ้า” เคยรับรู้ รับทราบ ระหว่างเป็นประธานาธิบดีอเมริกันเมื่อ 4 ปีที่แล้วอีกต่อไปแล้ว!!!
และโดยความคิด ความเห็น ของอดีตเจ้าหน้าที่ข่าวกรองอเมริกัน ก็คงไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจากรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียคนปัจจุบัน อย่าง “นายSergey Lavrov” มากมายสักเท่าไหร่นัก เพราะไม่ว่า “ทรัมป์บ้า” จะพยายามหันไปเป็นมิตรกับรัสเซียกันในรูปไหน? ลักษณะไหน? ก็ตาม แต่รัฐมนตรีรัสเซียรายนี้ ท่านยังเชื่อของท่านว่า... “การเปลี่ยนแปลงอำนาจในอเมริกา คงไม่ได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยน...จุดยืน...ของอเมริกาต่อกรณีความขัดแย้งในยูเครนแต่อย่างใด เพราะอเมริกายังคงพยายามแสวงหาหนทางที่จะควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นภายในขอบเขตอำนาจของ NATO ไม่ว่าประธานาธิบดีอเมริกันจะเป็นใคร ผมไม่สงสัยเลยว่าพวกเขาต้องการที่จะทำให้กระบวนการดังกล่าวอยู่ภายใต้การควบคุมของเขา พฤติกรรมของอเมริกาไม่ว่าต่อยูเครน หรือต่อยุโรป คงไม่เปลี่ยนแปลงใดๆ ในแง่หลักการ คือยังคงมุ่งมั่นที่จะควบคุมทุกสิ่งให้อยู่ภายในสายตาของตัวเอง ไม่ว่าในพื้นที่อำนาจ อิทธิพล ของ NATO หรือบริเวณใกล้เคียงก็ตาม...”
หรือพูดง่ายๆ ว่า...อเมริกาก็ยังคงน่าจะเชื่อว่าตัวเองเป็น “เจ้าโลก” เป็น “ประมุขโลก” อีกต่อไปนั่นเอง!!! แม้ว่าโลกแบบ “หลายขั้วอำนาจ” จะอุบัติขึ้นมาเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เป็นโลกแบบที่ไม่มีใครใหญ่กว่าใคร ไม่มีใครเป็น “มหาอำนาจสูงสุด” อีกต่อไป มีแต่ต้องยอมรับความผิดแผกแตกต่าง ความหลากหลาย ด้วยความเสมอภาค ความเท่าเทียม ต่ออำนาจอธิปไตยของแต่ละประเทศ ไม่ว่าจะเป็นประเทศใหญ่ ประเทศเล็ก เป็นมหาอำนาจ-ไม่มหาอำนาจ หรือไม่? เพียงใด? ก็ตามที อันนี้นี่แหละ...ที่ถือเป็น “ข้อเท็จจริง” หรือเป็น “ความจริง...ที่เอ็งมิอาจปฏิเสธ” อย่างที่พวกมาเฟียทั้งหลายว่าไว้ ส่วนใครที่ดันคิดจะไปปฏิเสธ หรือไม่ยอมรับความจริงที่ว่านี้ ก็น่าจะเป็นอะไรที่ “โง่” ที่ “บ้า” หรือที่ “ไร้เดียงสา” อย่างที่อดีตนักวิเคราะห์ “CIA” “นายLarry Johnson” เชื่อว่า...ผู้นำรายใหม่ของอเมริกากำลังเพิ่มความโง่ ความเสี่ยง ขึ้นไปอีก 2 เท่า...นั่นแล...