xs
xsm
sm
md
lg

ความรู้สติปัญญาความสามารถ กับทางเร่งจุดจบรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

จากคดีความที่รุมเร้า ทักษิณผู้พ่อ ทั้งคดีที่ศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. กกต. แม้ว่าแต่ละคดีนั้นเรารับรู้ได้โดยพฤตินัยว่า ข้อกล่าวหาต่างๆ ล้วนเป็นความจริงทั้งสิ้น แต่จะหาหลักฐานมาเอาผิดได้หรือไม่นั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่งและต้องใช้เวลา โดยเฉพาะคดีที่ป.ป.ช.อาจจะลากยาวกันปีหรือสองปี

อย่างไรก็ดี คดีที่น่าสนใจคือ กรณีให้ทักษิณต้องกลับไปเข้าคุก ซึ่งน่าจะใช้เวลาไม่นานนัก หากศาลศาลฎีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองรับคดีไว้ในการพิจารณาเพราะเป็นข้อกฎหมาย

ในขณะที่ถามกันว่าทักษิณจะรอดหรือไม่รอดก็มีคำถามเดียวกันว่า รัฐบาลหุ่นกระบอก อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร จะอยู่ในตำแหน่งได้นานไหม จะช่วยกันดันนายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งค์ที่สังคมกำลังตั้งคำถามถึงความรู้ความสามารถและสติปัญญาไปได้นานขนาดไหน แม้ว่ารัฐบาลจะมีเสียงข้างมากท่วมท้น และทักษิณส่งคนเข้าไปรายล้อมตำแหน่งที่ปรึกษาจำนวนมากพร้อมกับตัวเองคอยบัญชาการอยู่หลังม่าน แต่บทบาทการเป็นนายกรัฐมนตรีนั้นยังไงเสียก็ต้องแสดงให้เห็นถึงความมีความสามารถในตัวอยู่บ้าง เพราะต้องคอยสื่อสารกับสังคมและตอบคำถามของผู้สื่อข่าวต่อสถานการณ์ต่างๆ

แม้วันนี้เราจะเห็นได้ว่า รัฐบาลชุดนี้พยายามจะให้ สหายใหญ่ ภูมิธรรม เวชยชัยมาเป็นคนคอยตอบคำถามรายวันแทนนายกรัฐมนตรี และอุ๊งอิ๊งค์พยายามจะหลีกเลี่ยงการสัมภาษณ์ เธอจะเดินไปคุยไปไม่หยุดเพื่อไม่ให้นักข่าวตั้งคำถามได้ถนัด ยกเว้นวันประชุมครม.ที่เธอจะออกมาอ่านไอแพดให้ฟังว่ารัฐบาลมีมติเรื่องอะไรไปบ้าง โดยมีรัฐมนตรีมายืนรายล้อมเพื่อให้เกิดความมั่นใจและช่วยในการตอบคำถามที่สำคัญ แต่ก็พยายามจะรวบรัดไม่ให้ถามคำถามมากจนเกินไป

เราจะเห็นได้ว่า หลายคำถามอุ๊งอิ๊งค์ไม่สามารถตอบลงลึกได้โดยเฉพาะข้อกฎหมายที่เราเห็นในวันที่เธอออกมาแถลงขอโทษเรื่องตากใบที่ถือโพยมาอ่าน โดยอ้างว่าเป็นเรื่องของข้อกฎหมายจึงขออ่านให้ฟัง ซึ่งดูไปแล้วเธอก็อ่านไปแบบไม่มั่นใจนักว่าตัวเองเข้าใจไหม หรือถ้าถามเรื่องเศรษฐกิจสำคัญหรือนโยบายเกี่ยวกับทางด้านเศรษฐกิจ เธอก็ไม่สามารถตอบได้

จะเห็นว่าการประชุมกลุ่มประเทศ BRICS ซึ่งไทยได้เข้าเป็นพันธมิตรแต่ยังไม่ได้เป็นสมาชิกอย่างเป็นทางการ ที่ผ่านมาอุ๊งอิ๊งค์ ในฐานะนายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้เข้าร่วม ในขณะที่ชาติสมาชิกส่วนใหญ่จะส่งระดับผู้นำของประเทศไป หลายคนก็วิเคราะห์กันว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องยากสำหรับเธอและถูกต้องแล้วที่ส่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไปแทน เพราะเป็นอดีตเอกอัครราชทูตที่มีความรู้ความเข้าใจดีพอ เพราะเวทีแบบนี้พี่เลี้ยงหรือไอแพดก็อาจจะไม่สามารถช่วยได้ต้องใช้สติปัญญาและความรู้ความสามารถของตัวเองออกมา

กลับมาอยู่ที่คำถามว่า เธอจะอยู่ในตำแหน่งไปได้อีกนานไหม ถ้าจะดูไปแล้ว การจะอยู่ในตำแหน่งได้นานหรือไม่นานนั้นน่าจะอยู่ที่เธอจะแสดงบทบาทในการเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องมีภารกิจมากมาย ต้องตอบคำถามสื่อในทุกเรื่องไปได้อีกนานไหม หรือเธอจะถอดใจบอกพ่อของเธอว่า พ่อหนูไม่ไหวแล้วการเป็นนายกรัฐมนตรีนี่มันยากนะพ่อ

ถามว่าตำแหน่งต่างๆ ที่แต่งตั้งเพื่อเข้าไปช่วยอุ๊งอิ๊งค์ทั้งตำแหน่งที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี หรือที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรีล้วนแล้วแต่เป็นเขี้ยวลากดินนั้นไม่สามารถช่วยประคับประคองอุ๊งอิ๊งค์ได้เลยหรือ ก็คิดว่าพอจะช่วยงานที่อยู่เบื้องหลังได้จำนวนหนึ่ง แต่การแสดงหน้าฉากที่ต้องสื่อสารกับสังคมนั้นคนเหล่านั้นไม่สามารถช่วยได้ อุ๊งอิ๊งค์จะต้องแสดงออกมาเองให้สมบทบาท ซึ่งก็เริ่มมีคนตั้งคำถามแล้วว่า ระหว่างอาของเธอที่ถูกสังคมดูแคลนความสามารถนั้นใครจะมีแต้มต่อเหนือกว่ากัน ที่สำคัญวันเสาร์อาทิตย์วันหยุดถ้าไม่มีพิธีสำคัญที่จำเป็นอุ๊งอิ๊งค์จะเงียบสนิทเหมือนต้องการใช้เวลาเป็นส่วนตัวนั่นเอง

มีคนตั้งคำถามเหมือนกันว่า ก่อนหน้านี้ที่มีคนออกมาส่งเสียง ผนงรจตกม นั้นวันนี้หายไปไหนหมดแล้ว วันนี้ไม่กลัวตายกันแล้วหรืออย่างไร

แต่ที่หลายคนห่วงก็คือ ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไปไม่ไหวแล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี พูดกันตามความเป็นจริงเราก็ไม่ได้มีตัวเลือกมากมายนัก อาจจะเข้าทำนองเลือกนักมักได้แร่ แต่ก็มีคนบอกว่ายังไงก็คงไม่แย่ไปกว่านี้แล้ว บางคนบอกว่า ถ้าพรรคประชาชนมาอาจจะแย่กว่านี้ก็ได้ เพราะบุคลากรของพรรคล้วนแล้วแต่ไม่มีประสบการณ์ในการทำงานมาเหมือนกัน แถมคนที่มาล้อมหน้าล้อมหลังหาคนมีประสบการณ์มาช่วยประคับประคองแบบอุ๊งอิ๊งค์ก็อาจจะไม่มีเสียอีก อาจจะหนักหนากว่าที่เป็นอยู่ เพราะประเทศจะอยู่ในมือของกัปตันมือใหม่แต่เครื่องบินเก่า

ส่วนตัวผมคิดนะว่า โอกาสของพรรคประชาชนมีน้อยแล้ว เขาผ่านช่วงที่พีคที่สุดไปแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์นั้นพูดเก่งแสดงเก่งตีบทแตกจนมีกระแสในระดับหนึ่ง บวกกับสถานการณ์ทางการเมืองที่สังคมไทยต้องการการเปลี่ยนแปลงหลังจากอยู่กับรัฐบาลทหารมาแล้ว 9 ปี ทำให้กระแสพรรคก้าวไกลมีแรงส่งมากมายจนชนะเลือกตั้งเป็นอันดับหนึ่ง แต่โอกาสแบบนั้นก็ไม่น่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายอีก

หรือแม้ว่ายังสามารถชนะเป็นพรรคอันดับหนึ่งได้อีกก็ไม่เพียงพอต่อการจัดตั้งรัฐบาล เพราะหนทางเดียวที่พวกเขาจะเป็นรัฐบาลได้ก็ต้องชนะเลือกตั้งได้เสียงเกินกึ่งหนึ่ง เพราะเชื่อว่าพรรคร่วมรัฐบาลในขณะนี้มีอาณัติร่วมกันที่ต้องจับมือกันเพื่อสกัดกั้นไม่ให้พรรคประชาชนได้เป็นรัฐบาลของประเทศนี้ เว้นเสียงแต่ว่า ไม่สามารถฝืนมติของมหาชนที่เลือกพรรคประชาชนอย่างถล่มทลายซึ่งก็เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ยากมาก เพราะต้องยอมรับว่า วันนี้กระแสของพรรคประชาชนถดถอยลงมาแล้วและผู้นำพรรคก็ไม่มีความโดดเด่นพอ

สิ่งสำคัญอีกอย่างก็คือ สิ่งที่ประชาชนกลัวก็คือ ความท้าทายต่อระบอบของรัฐและรูปแบบของรัฐที่สะท้อนผ่านความคิดและทัศนคติของผู้นำที่อยู่เบื้องหลังพรรคประชาชนที่ท้าทายต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอาจจะนำพาประเทศไปสู่ความวุ่นวายและความขัดแย้งอีกครั้ง ซึ่งประชาชนจำนวนมากไม่อยากให้เกิดขึ้นอีก

แม้วันนี้ทักษิณจะเงียบไปไม่แสดงตัวออกมาเป็นคนที่มีบทบาทสำคัญเหมือนก่อนจัดตั้งรัฐบาลที่แสดงตัวให้เห็นชัดว่าเขาเป็นคีย์แมนคนสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเปิดเผย ที่วันนี้กลายมาเป็นอาวุธที่ย้อนกลับไปให้เขาถูกร้องเรียนทั้งต่อศาลรัฐธรรมนูญและกกต. แต่ก็เชื่อว่าคนที่รู้ศักยภาพของอุ๊งอิ๊งค์ดีที่สุดก็คือทักษิณนั่นเอง และโดยเฉพาะตัวเขาเองเคยเป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว เขาน่าจะรู้ว่า ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมีภารกิจที่หนักหนาแค่ไหนคนที่เป็นเหมือนหุ่นกระบอกนั้นมันไม่ง่ายที่จะต้องเล่นไปจนละครปิดโรงได้

ในขณะที่เราคิดว่าอุ๊งอิ๊งค์จะแสดงบทบาทนายกรัฐมนตรีไปได้นานไหม กลับพบว่าเหตุการณ์สำคัญที่จะนำอุ๊งอิ๊งค์ไปสู่ฉากสุดท้ายได้อย่างรวดเร็วก็น่าจะเป็นเรื่องสัมปทานพลังงานในอ่าวไทยกับเขมรซึ่งเป็นสิ่งที่ทักษิณประกาศว่าจะต้องดำเนินการโดยเร็วและอุ๊งอิ๊งค์ก็แถลงเรื่องนี้เป็นนโยบายของรัฐบาลต่อสภา เพราะถ้ารัฐบาลตกลงกับเขมรโดยไม่เจรจาเส้นเขตแดนทางทะเลที่ชัดเจนเสียก่อน ก็เท่ากับยอมรับเส้นเขตแดนที่เขมรลากผ่านเกาะกูดของไทยซึ่งจะทำให้เขมรอ้างสิทธิ์ได้ในอนาคต แม้ว่าภูมิธรรมในฐานะรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมจะประกาศว่า เกาะกูดเป็นของไทย แต่ในฐานะที่เขาเป็นผู้บังคับบัญชาของเหล่าทัพที่มีหน้าที่ปกป้องอธิปไตยของชาติ เขากลับกล่าวหาว่า คนที่หวงแหนอธิปไตยของชาติเป็นพวกคลั่งชาติซึ่งเป็นทัศนคติของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมที่น่าเป็นห่วงมาก

ดังนั้น จุดตายสำคัญของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ก็คือการตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ในอ่าวไทยกับเขมรในขณะที่การเจรจาเรื่องเส้นเขตแดนยังไม่สามารถหาข้อยุติได้แล้วไปยอมรับเส้นที่เขมรลากผ่าเกาะกูดก็เท่ากับยอมรับสิ่งที่เขมรอ้างไปโดยปริยาย ถึงตอนนั้นเชื่อว่า คนไทยจำนวนมากคงไม่สามารถยอมได้ หรือไม่ภูมิธรรมก็ลองไปถามกองทัพเรือดูว่าจะยอมรับได้ไหม และถ้าเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ประวัติศาสตร์ก็จะซ้ำรอยรัฐบาลชินวัตรที่จะถูกประชาชนออกมาขับไล่อย่างแน่นอน

ก็ต้องลองดูว่าทักษิณหรือรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะกล้าไหม แม้ว่าคนจะสงสัยในเรื่องสติปัญญาความรู้ความสามารถของอุ๊งอิ๊งค์ในฐานะนายกรัฐมนตรีอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น แต่ถ้าทักษิณจะเร่งฟืนไฟให้เร็วกว่าเรื่องนั้นก็ลองตกลงผลประโยชน์กับเขมรดูแล้วจะรู้ว่ารัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะมีชะตากรรมเป็นอย่างไร

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น