xs
xsm
sm
md
lg

ความพ่ายแพ้อย่างราบคาบของ“โลกตะวันตก”

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


วลาดิมีร์ ปูติน
เอาไป-เอามาแล้ว...การโจมตีแก้แค้น-เอาคืนของอิสราเอลต่ออิหร่าน มันไม่น่าจะถึงกับ “D-P-S” อะไรกันมากมาย ไม่ได้ก่อให้เกิดการตายโหง-ตายห่า เลือดนองท้องช้าง (Deadly) เพราะเห็นว่า...เจ้าหน้าที่อิหร่านเด๊ดสะมอเร่ย์ อิน เดอะ เท่งทึง ไปแค่ 4 รายเท่านั้นเอง ส่วนจะแม่นยำ ทะลุทะลวงเป้า (Pinpoint Accurate) มาก-น้อยขนาดไหน ก็คงต้องว่ากันไปตาม “ราคาคุย” ของใคร-ของมันซึ่งยากที่จะพิสูจน์ได้อีก ทั้งไม่ได้เป็นการโจมตีที่สามารถสร้างความตกตะลึงพรึงเพริด ความประหลาดใจ (Surprise) ชนิดพูดไม่ออกบอกไม่ถูก ทำอะไรไม่ได้เลย เพราะหลังการโจมตีผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงสนามบินสถานที่สำคัญๆ ของอิหร่าน ก็สามารถกลับมาดำเนินได้ตามปกติ เหมือนกับไม่เคยเกิดอะไรขึ้นมาเอาเลยแม้แต่น้อย...

ด้วยเหตุนี้...การออกมาป่าวประกาศแบบเสียงดัง-ฟังชัดช่วงก่อนหน้านั้น ว่าจะแก้แค้น-เอาคืนอิหร่านในแบบ “D-P-S” ของรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล “นายYoav Gallant” จึงน่าจะออกไปทาง “สมรักษ์ คำสิงห์” อย่างมิอาจปฏิเสธได้เลยแม้แต่น้อย ไม่ต่างไปจากการคุยโม้-คุยโตครั้ง “คู่มวยหยุดโลก” เมื่อ 20 กว่าปีที่แล้ว ที่แชมป์โลกรุ่นเฟเธอร์เวท อย่าง “Prince Naseem Hamed” แห่งเกาะอังกฤษ ที่เคยน็อกใครต่อใครมาโดยตลอด จนได้ชื่อฉายา “นักฆ่าหน้าเด็ก” (The Baby face Assassin) ออกมาป่าวประกาศว่าจะน็อกมวยรองบ่อนชาวเม็กซิกัน อย่าง “Antonio Barrera” ให้ได้แบบนกกระจอกยังไม่ทันกินน้ำ แต่พอเริ่มต้นยกแรกๆ ขณะที่ “Prince Naseem Hamed” พยายามโชว์เก๋า โชว์สปริงข้อเท้า เต้นย็อกๆ แย็กๆ แลบลิ้นปลิ้นตาหลอกมวยเม็กซิกันแบบคึกคะนองสุดๆ ไม่รู้ว่าไปพลาดอีท่าไหน เลยโดนฟาดขวาฟาดซ้ายเข้าเต็มปาก เต็มกราม แผ่ลงไปนอนให้กรรมการนับแปด แม้ได้สติลุกขึ้นมาพยักหน้าหงึกๆ ทำท่าว่าอยากจะเอาอีก-ขออีก แต่สุดท้าย...ดันต้องโดน-โดนเล่า ต้องเจอกับหมัดแล้ว-หมัดเล่าของฝ่ายตรงกันข้าม พ่ายแพ้คะแนนเสียแชมป์ เสียรูปมวย และเสียสุนัข อย่างมิอาจทวงคืนได้อีกเลย...

การตีฆ้อง-ร้องป่าว ว่าอิสราเอลได้ใช้เครื่องบินรบถึง 100 ลำ รวมทั้งเครื่องบินโจมตีอันทรงประสิทธิภาพสุดๆ อย่าง “F-35” บินฝ่าด่าน ฝ่าเรดาร์ไกลถึง 2,000 กิโลเมตร เข้าไปถล่มโจมตีเป้าหมายต่างๆ ในดินแดนอิหร่านถึง 3 ระลอกด้วยกัน ณ เมือง Ilam, Khuzestan และกรุง Tehran เมื่อช่วงคืนวันศุกร์ต่อถึงช่วงเช้าวันเสาร์ที่ 25-26 ต.ค.ที่ผ่านมา จึงถูกกองบัญชาการป้องกันการโจมตีอิหร่าน (Iranian National Air Defense Headquarters) ที่ว่ากันว่ามีรัสเซียเข้าไปช่วยเสริมประสิทธิภาพการป้องกันคราวล่าสุดอีกด้วย ออกมาอรรถาธิบายว่าสามารถสกัดกั้นและทำลายจรวดอิสราเอลได้อย่าง “ประสบผลสำเร็จ” เอามากๆ หรือทำให้การโจมตีแบบมี “ขีดจำกัด” ของอิสราเอลต่ออิหร่านโดยไม่ได้คิดจะข้องแวะกับแหล่งน้ำมัน หรือโครงการนิวเคลียร์คราวนี้ จึงไม่ได้ก่อให้เกิดความตื่นเต้ลล์ล์ล์ ตื่นตา ตื่นใจ หรือแม้แต่ความซี๊ดๆ ซ๊าดๆ ต่อบรรดาพวก “ติ่งอิสราเอล” มากมายสักเท่าไหร่ แม้จะพยายาม “สมรักษ์ คำสิงห์” เพียงใดก็ตามที...

ด้วยเหตุนี้...ผู้นำสูงสุดด้านจิตวิญญาณของอิหร่าน ท่านอิหม่าม “Ali Khamenei” ท่านเลยออกมาชี้แนะ ชี้นำ เอาไว้แบบ “กลางๆ” ประมาณว่า “เตหะรานควรพิจารณาดูว่าวิธีดีที่สุดที่จะทำให้อิสราเอลรับรู้ถึงแสนยานุภาพของอิหร่านคืออะไร?” หรือ “การโจมตีอิหร่านคราวล่าสุดจะต้องไม่ถูกทำให้เป็นเหตุการณ์ที่ไม่สำคัญ แต่ก็ไม่ควรจะขยายความให้ใหญ่โตเกินจริง” อันถือเป็นการแสดงออกค่อนข้างชัดเจนว่าอิหร่านนั้น ไม่ได้ต้องการ “สงคราม” อยู่แล้วแน่ๆ ไม่ต่างอะไรไปจากพันธมิตรทางยุทธศาสตร์อีก 2 ราย อย่างจีนและรัสเซีย ที่พร้อมจะเดินในแนว “สันติภาพ” มาโดยตลอด ปล่อยให้ “แรงกดดัน” ต่างๆ นานาเป็นตัวกัดกร่อน ทำลาย โลกตะวันตก หรือ “โลกขั้วอำนาจเดียว” ให้ต้องล่มสลายลงไปเอง หรือไม่ได้ก้มหน้า ก้มตา เอาแต่เล่น “หมากรุก” กับฝ่ายตะวันตก แต่พร้อมที่จะหันมาเล่น “หมากล้อม” กันเป็นหลักนั่นเอง...

เพราะโดยสภาพพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์ของฝ่ายตะวันตกอย่างคุณปู่อิสราเอลนั้น...ทุกวันนี้แทบหาความสงบ ความสันติสุขใดๆ แทบไม่ได้ ต้องทำศึก ทำสงคราม กับพวก “Hamas” มาแล้วถึง 1 ปีเต็มๆ ทั้งที่เคยป่าวประกาศว่าจะสามารถสิ้นสุด ยุติ การเข่นฆ่าทำลายชาวปาเลสไตน์แค่เพียงไม่กี่สัปดาห์เท่านั้นเอง แถมยังต้องเจอกับพวก “Hezbollah” ในเลบานอน ที่ไม่ว่าผู้นำจะถูกเข่นฆ่า ลอบสังหาร ไปสักกี่รายต่อกี่รายก็ตาม แต่ก็ยังไม่คิดหยุดยั้งการสาดจรวด สาดโดรนเข้าใส่อิสราเอลตราบเท่าทุกวันนี้ ล่าสุด...เห็นว่าได้ถล่มฐานทัพอากาศ “Tel Nof” เมื่อช่วงวันเสาร์ (26 ต.ค.) ที่ผ่านมา หลังจากถล่มเมือง “Mateh Asher”, “Ma’ale Yosef”, “Ein Ya’akov moshav” ฯลฯ แถบด้านตะวันตกของทะเลสาบกาลิลี คราวแล้ว-คราวเล่า เช่นเดียวกับพวก “The Islamic Resistance” ในอิรัก ที่ยังคงมุ่งมั่นสาดจรวดใส่พื้นที่ยึดครองทางภาคเหนือของอิสราเอลอีกด้วยต่างหาก...

แม้ว่าคุณพ่ออเมริกาผู้พยายามพิทักษ์ ปกป้อง พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอลแบบไข่ในหิน จะไสเรือบรรทุกเครื่องบินถึง 2 ลำและกองเรือรบอีก 1 ใน 3 ของกองทัพเรือ มาคอยช่วยปัดป้องจรวดและโดรนในแต่ละทิศแต่ละทาง แต่ก็ชักเริ่มๆหนาวๆ ร้อนๆ วูบๆ วาบๆ ยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เพราะถ้าว่ากันตามข่าวล่าสุด บรรดาพวกนักรบ “Houthi” ในเยเมน ที่จ้องเล่นงานเรือรบ เรือสินค้า ในแถบทะเลแดง รวมทั้งจ้องถล่มอิสราเอลตามจังหวะและโอกาส ถึงขั้นยิงจรวดไปตกห่างจากเรือบรรทุกเครื่องบิน “USS Dwight D. Eisenhower” แค่ประมาณ 200 เมตรเท่านั้นเอง ชนิดถ้าดวงกุด บุญไม่ช่วย หรือบุญบังเอิญขึ้นมาเมื่อไหร่ โอกาสที่เรือบรรทุกเครื่องบินมูลค่า ราคา ไม่รู้จะกี่ต่อกี่พันล้านดอลลาร์ อาจต้องกลายสภาพเป็น “เศษเหล็ก” จมอยู่ใต้ทะเลแดง ย่อมมีสิทธิเป็นไปได้ ไม่วันใด-วันหนึ่งเอาเลยก็ไม่แน่!!!

อย่างไรก็ตาม...เรื่องของการ “ดวลจรวด-ดวลระเบิด” หรือเรื่องของ “การทหาร” ระหว่างโลกตะวันตกกับโลกตะวันออก หรือระหว่างพวก “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” นั้น คงไม่ได้ถือเป็นตัว “ชี้ขาด” ในทุกเรื่อง ทุกราว ได้อย่างเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ เพราะความหมายของคำว่า “สงคราม” มันยังต้องหมายรวมไปถึงเรื่อง “การเมือง” “เศรษฐกิจ” ไปจนเรื่อง “เทคโนโลยี” ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอื่นๆ อันถือเป็น “ศักยภาพของชาติ” โดยรวมอีกด้วย และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ผู้นำประเทศมหาอำนาจคู่แข่งอเมริกา ประธานาธิบดี “ปูติน” แห่งรัสเซีย ท่านจึงกล้าออกมาป่าวประกาศอย่างหนักแน่น มั่นคง ณ เวทีประชุม “BRICS” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (24 ต.ค.) ว่าการที่โลกตะวันตกคิดจะใช้ยูเครนเป็นตัวกดดัน ทำลายรัสเซียนั้น ถือเป็น “ความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์” หรือเป็น “ยุทธศาสตร์แห่งมายาภาพ” ที่ไม่มีโอกาสเป็นไปได้เอาเลยแม้แต้น้อย...

เพราะไม่ว่าจะ “เติมเงิน-เติมอาวุธ” ประเคนอาวุธร้ายๆ ให้กับยูเครนต่อเนื่อง-ยาวนาน มาก-น้อยขนาดไหนก็แล้วแต่ ไปจนการรวมมือ-รวมตีน “แซงชั่นรัสเซีย” อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ ระดับปาเข้าไปกว่า 50,000 รายการเอาเลยถึงขั้นนั้น แต่กลับไม่ได้ส่งผลให้รัสเซียอ่อนเปลี้ยเพลียแรง อย่างที่คาดๆ หวังๆ กันเอาไว้ แต่กลับยิ่งกลายเป็น “แรงกระตุ้น” ให้รัสเซียเขาเกิดแรงฮึดในการเอาชนะอุปสรรคขัดขวางต่างๆ นานา จนส่งผลให้กระทั่งองค์กรการเงินระหว่างประเทศหรือ “IMF” ต้องตัดสินใจ “อัพเกรด” สถานะของรัสเซียให้เป็นประเทศ “มหาอำนาจทางเศรษฐกิจอันดับ 4 ของโลก” ถ้าว่ากันตามอำนาจแห่งการซื้อ หรือ “PPP” (Purchasing Power Parity) ชนิดแซงหน้าญี่ปุ่น-ยุ่นปี่ จ่อติดกับจีน อเมริกา และอินเดียไปแล้วถึงขั้นนั้น...

ไม่ต่างไปจาก “พันธมิตรที่ไร้ขีดจำกัด” ของรัสเซียอย่างคุณพี่จีนเช่นกัน ถึงจะถูกคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าแห่งโลกตะวันตก รุมเตะตัดขา แซงชั่นทางเศรษฐกิจ-เทคโนโลยี เที่ยวแล้ว-เที่ยวเล่า แต่ระหว่างการพบปะกับเจ้าหน้าที่ธนาคารโลกเมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (25 ต.ค.) รัฐมนตรีช่วยคลังของจีน “นายLiao Min” ท่านกล้าที่จะออกมาประกาศแบบเต็มปาก-เต็มคำ ว่าเศรษฐกิจจีนปีนี้ “GDP” จะโตไม่น้อยกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ขึ้นไป ไม่ว่าจะถูกพวกโลกตะวันตกแช่งชักหักกระดูกให้โตต่ำกว่า 4 เปอร์เซ็นต์ หรือให้เข้าสู่จุดแห่งความฉิบหาย-วายวอดให้จงได้ และนั่นคงไม่ใช่ “สมรักษ์ คำสิงห์” โดยไม่ได้มีข้อมูลใดรองรับ เพราะโดยตัวเลข 3 ไตรมาสสุดท้ายที่ผ่านมา “GDP” ของจีนเขาโตไปถึงระดับ 4.8 เปอร์เซ็นต์ใกล้จะ “ฮิตทาร์เก็ต” ในอีกไม่นาน-ไม่ช้า...

ต่างไปจาก “เศรษฐกิจของโลกตะวันตก” ที่เคยพูดๆ เอาไว้แล้ว...ไล่มาตั้งแต่คุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรพรมเช็ดเท้าในแต่ละราย ไม่ว่าอังกฤษ เยอรมนี ฝรั่งเศส ที่ต่างตกอยู่ในอาการ “ใกล้เจ๊ง” เต็มที ดังนั้นแม้คิดจะใช้ “การทหาร” หรือ “สงคราม” เป็นตัวชี้วัด-ตัดสิน ก็ยิ่งมีแต่จะ “ลำบาก” ยิ่งขึ้นไปใหญ่ เพราะดังที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละว่า ไม่ว่าจะมองจาก “แนวรบ” ด้านใด ฝ่ายตะวันตกหรือฝ่ายโลกขั้วอำนาจเดียว ต่างตกเป็นฝ่าย “เสียเปรียบ” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังเช่นแนวรบ “ยูเครน-รัสเซีย” ใครที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความ ของนักคิดอาวุโสด้านยุทธศาสตร์การทหารและกฎหมายอย่าง “Frank Ledwidge” แห่งมหาวิทยาลัยพอร์ทสมัธ ประเทศอังกฤษ ว่าด้วยเรื่อง “West need to realize Ukraine cannot defeat Russia” หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดโดยให้ชื่อไว้ว่า “นักวิเคราะห์ตะวันตกจำนวนมากรู้สึกหดหู่ เรียกร้องให้ตระหนักถึงความจริงว่ายูเครนกำลังปราชัย” เมื่อวัน-สองวันมานี้ ก็น่าจะพอสรุปได้ว่าใครได้เปรียบ-เสียเปรียบกันแน่ และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ผู้นำรัสเซียท่านเลยออกมาพูด “แบบหล่อๆ” ไว้ในการประชุมแถลงข่าว “BRICS” ครั้งที่ 16 ที่เมือง “Kazan” ว่า “รัสเซียพร้อมที่จะประนีประนอม...อย่างมีเหตุผลกับยูเครน” ขณะที่ฝ่ายตะวันตกเองนั่นแหละกลับเป็นผู้ที่เอาแน่-เอานอนอะไรแทบไม่ได้ ในการคิดเจรจาสันติภาพกับรัสเซียมาโดยตลอด...

เช่นเดียวกับ “แนวรบในทะเลจีนใต้” ที่ไม่ได้ผิดแผกแตกต่างไปจากแนวรบอื่นมากมายสักเท่าไหร่ เรียกว่า...ขนาดที่ยังคาดเดาแทบไม่ได้ว่าการซ้อมรบ “Joint-Sword 2024B” ของจีน จะถูกยกระดับให้กลายเป็นการ “บุกไต้หวัน” สักเมื่อไหร่? ตอนไหน? แต่กองทัพเรืออเมริกันกลับเพิ่งคิดจะนำเอาระบบป้องกันขีปนาวุธ “Patriot” ที่เคยใช้แต่เฉพาะกองทัพบกเข้ามาติดตั้งไว้ในเรือรบของกองทัพเรือแต่ละลำ ด้วยเหตุเพราะ...“ข้อกังวลเรื่องเทคโนโลยีขีปนาวุธของจีนที่ล้ำหน้าไปไกลมากโดยเฉพาะอาวุธ Hypersonic ที่สามารถปรับเปลี่ยนทิศทางได้อย่างรวดเร็ว...” คือแค่เจอขีปนาวุธของพวกนักรบ “Houthi” ก็แทบอ้วกแตก-อ้วกแตนแล้ว ยิ่งถ้าต้องเจอกับ Hypersonic ของจีน ที่ประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ท่านสั่งให้กองบัญชาการจรวด (Chinese People’s Liberation Army Rocket Force) เร่งเพิ่มขีดความสามารถให้สูงๆ ยิ่งขึ้นไปอีก ช่วงวันพฤหัสฯ ที่ 17 ต.ค.ที่ผ่านมา อันนี้...ยิ่งมีแต่รากเขียว-รากเหลืองยิ่งขึ้นไปใหญ่ โอกาสที่จะช่วยปกป้องพวก “แบ่งแยกดินแดน” ในเกาะไต้หวันจึงแทบเป็นไปไม่ได้แม้แต่น้อย...

ด้วยเหตุนี้...ดังที่ว่าไว้แล้วนั่นแหละว่า สิ่งที่เรียกว่า “สงคราม” นั้น ไม่ได้เป็นแค่การสู้รบกันในทางทหารลูกเดียวล้วนๆ แต่เป็นการอาศัย “ศักยภาพแห่งชาติ” ในทุกๆด้าน ไม่ว่าการเมือง เศรษฐกิจ เทคโนโลยี ฯลฯ โดยรวม ดังนั้น...ภายใต้สภาพที่ “กรอบเป็นข้าวเกรียบเมืองเพชร” ของพวกโลกตะวันตกทั้งหลาย ที่เพียรพยายามพิทักษ์ ปกป้อง “โลกขั้วอำนาจเดียว” เอาไว้แบบสุดจิต สุดใจ เพียงใดก็ตาม แต่โอกาสที่จะเอาชนะคะคานต่อการรวมตัวอันเหนียวแน่นของพวกโลกตะวันออกหรือ “โลกหลายขั้วอำนาจ” ไม่ว่าในระยะสั้น หรือระยะยาว จึงแทบเป็นไปไม่ได้เอาเลย!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น