xs
xsm
sm
md
lg

การโจมตีอิหร่าน...กับ“ผลลัพธ์”ที่เลวร้ายสุดๆ!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โมฮัมหมัด บาเกอร์ กาลิบาฟ ประธานรัฐสภาอิหร่าน
แค่เฉพาะอิหร่านเขาลงมือ “เอาคืน” ด้วยการสาดจรวดนับร้อยๆ ลูกใส่อิสราเอล...ก็เล่นเอา “ราคาน้ำมัน” ในตลาดโลกพุ่งพรวดๆ พราดๆ เพิ่มขึ้น 3-5 เปอร์เซ็นต์ หรือราวๆ 80 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลเข้าไปแล้ว แต่ถ้าอิสราเอลดัน “แค้นตาแม้น” กะจะต้องแก้แค้น-ล้างแค้นกันอีกรอบ ถ้าว่ากันตามความคิด-ความเห็นของ “กูรู-กูรู้” หรือพวกผู้รู้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งหลาย โอกาสที่ราคาน้ำมันจะพุ่งระเบิดเถิดเทิงไปถึง 100 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลหรือเกินไปกว่านั้น...ย่อมมีความเป็นไปได้สูงเอามากๆ!!!

อย่างที่นักวิจัยด้านพลังงานแห่งสถาบัน “Tahir Institute for Middle East Policy” “นายMarc Ayoub” ได้ให้สัมภาษณ์สำนักข่าว “Sputnik” ไปเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นแหละว่า ความคิดที่จะเล่นงานแหล่งผลิตหรือสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานของอิหร่านของอิสราเอลนั้น อาจแทบไม่ต่างอะไรไปจากครั้งที่อิรักยุค “ซัดดัม” ตัดสินใจบุกคูเวต เมื่อช่วงปี ค.ศ. 1990 นั่นเอง โดยขึ้นอยู่กับขนาดและความหนักหน่วงรุนแรงว่าจะเล่นกันแบบให้ต้องฉิบหายกันไปข้างหรือไม่? อย่างไร? แต่ไม่ว่าจะหนัก-ไม่หนัก จะโจมตีแบบมีขีดจำกัด หรือขยายวงให้เป็นไปอย่างกว้างขวางก็แล้วแต่ ความพังพินาศของแหล่งผลิตหรือสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานของอิหร่าน ย่อมต้องส่งผลสะท้อนให้เกิด “แรงกดดัน” จำนวนมหาศาลต่อตลาดพลังงานทั่วทั้งโลกอย่างมิพึงสงสัย...

เพราะเพียงแค่ปริมาณน้ำมันอิหร่านที่ส่งออกไปสู่ตลาดพลังงานในแต่ละวัน...ก็ปาเข้าไปไม่ต่ำกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลเข้าไปแล้ว และถ้าอิหร่านเขาตัดสินใจตอบโต้ในแบบ “unconventional response” หรือแบบที่ไม่จำเป็นต้องยึดกฎ ยึดกติกาใดๆ อีกต่อไป ดังที่ได้ป่าวประกาศเอาไว้แล้วล่วงหน้า เช่นอาศัยความได้เปรียบทางภูมิรัฐศาสตร์ “ปิดช่องแคบ Hormuz” ขึ้นมาจริงๆ โอกาสที่ปริมาณน้ำมันวันละ 20 ล้านบาร์เรลหรือราวๆ 27 เปอร์เซ็นต์ของพลังงานโลก ย่อมมีแต่ต้องหายวับไปกับตา ส่งผลให้โลกทั้งโลกพลอยต้อง “ซวยไปด้วย” อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้เลย แม้แต่คุณพ่ออเมริกาผู้พร้อมปกป้อง ช่วยเหลือพิทักษ์รักษา “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” อย่างอิสราเอลโดยไม่สนใจว่าจะดี-จะชั่วจะเหี้ยมๆ โหดๆ อำมหิต ผิดมนุษย์มนาขนาดไหน แต่ด้วยเหตุที่ตัวเองเป็นผู้ “ซดน้ำมัน” ระดับอันดับหนึ่งของโลกมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน ราคาน้ำมัน ราคาพลังงานในอเมริกา ย่อมต้องพุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ส่งผลให้คะแนนนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดี อย่าง “นางกมลา แฮร์ริส” มีสิทธิตกจากหอคอย่นเอาง่ายๆ หรืออาจกลายเป็น “October Suprise” ของพรรคเดโมแครตที่ไม่ได้มีที่มาจากรัสเซียหรือเกาหลีเหนือ ดังที่เคยคาดๆ กันเอาไว้ แต่ดันมาจากพันธมิตรอย่างอิสราเอลและศัตรู-คู่กัดอย่างอิหร่าน....นั่นแล!!!

และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้คุณปู่ “โจ ซึมเซา” ผู้นำอเมริกาถึงได้ออกมารำพึงดังๆ ว่าถ้าหากตัวเองเป็นอิสราเอล คงหันไปพิจารณา “ทางเลือกอื่น” ที่ไม่ใช่แหล่งผลิตและสิ่งอำนวยความสะดวกด้านพลังงานของอิหร่าน แต่ถ้าคิดจะเลี่ยงไปโจมตี “เป้าหมาย” อื่นๆ อย่างเช่น “โครงการพัฒนานิวเคลียร์” ของอิหร่าน เป็นต้น โอกาสที่จะสร้างความเจ็บปวดรวดร้าว ความพังพินาศฉิบหายให้สม “แค้นตาแม้น” ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้ง่ายๆ หรือดังที่อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายEhud Barak” ได้ออกมาให้ความคิด-ความเห็นเอาไว้ก่อนหน้านั้นนั่นแหละว่า นอกจากจะต้อง “ฝ่าด่าน” การป้องกันที่สุดแสนจะรัดกุมซึ่งฝ่ายอิหร่านได้เตรียมการป้องกันต่อโครงการดังกล่าวเป็นการเฉพาะมานานแล้ว การทำลายโครงสร้างหรือสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ก็ไม่ได้ก่อให้เกิดผลอย่างเป็นเนื้อ-เป็นหนัง ในการหยุดยั้งการพัฒนานิวเคลียร์ของอิหร่านให้ล่าช้าออกไปได้มากมายสักเท่าไหร่ สู้หันไป “เตะตัดขา” หันไปทำลายรากฐานทางเศรษฐกิจ หรือแหล่งน้ำมันที่เป็นตัวสร้างรายได้ให้อิหร่านถึงปีละ 35,000 ล้านดอลลาร์ น่าจะเข้าท่ากว่า...

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าอิสราเอลคิดจะเลือกเป้า คิดโจมตีเป้าหมายใดๆ ก็ตามที แต่สำหรับใครที่มีโอกาสได้อ่านข้อเขียน บทความของ “นายIvan Kesic” นักเขียนโครเอเชียที่นั่งผลิตงานเขียนอยู่ที่ศูนย์วัฒนธรรมอิหร่าน (The Cultural Center of Iran) ณ กรุง Zagreb และนักเขียนประจำสำนักข่าว “Mint Press News” หรือ “Anti War” ฯลฯ ว่าด้วยเรื่อง “Explainer : Which Israeli energy site can Iran target if it resorts to aggression again?” หรือว่าด้วยการโจมตีตอบโต้ของอิหร่านต่อแหล่งพลังงานของอิสราเอล ถ้าตัวเองโดนเล่นงานขึ้นมาเมื่อไหร่? อาจต้องตัดสินใจ “หรี่แอร์” เพราะความหนาวว์ว์ว์ยะเยือกก์ก์ก์เอาเลยก็เป็นได้!!! เพราะด้วยการ “อ้างแหล่งข่าว” จากทางการอิหร่านไล่เรียงกันมาเป็นชุดๆ ไม่ว่าตั้งแต่คำพูด คำจาผู้นำสูงสุด “Ayatollah Sayyed Ali Khamenei” ประธานาธิบดีคนใหม่ “Masoud Pezeshkian” ประธานสภาฯ “Mohammad Baqer Qalibaf” รัฐมนตรีต่างประเทศ “Abbas Araqhci” ฯลฯ ล้วนแล้วแต่ออกไปในแนวพร้อมที่จะ “จัดหนัก-จัดเต็ม” ยิ่งไปกว่าการตอบโต้ครั้งล่าสุดอีกนับเป็นสิบๆ ร้อยๆ เท่า...

และที่น่าสนใจ น่าคิด น่าสะกิดใจ มิใช่น้อย...ก็คือคำกล่าวของรองผู้บัญชาการ “IRGC” “พลเรือเอกAli Fadavi” ที่ได้ให้รายละเอียดถึงการตอบโต้ของอิหร่านต่อ “เป้าหมาย” ต่างๆ ในดินแดนอิสราเอล แบบชนิด “ตาต่อตา-ฟันต่อฟัน” หรือแบบ “ถ้าหากอิสราเอล...คิดจะทำความผิดพลาดขึ้นมาอีกล่ะก็ สิ่งที่เราได้วางเป้าหมายเอาไว้แล้วก็คือ แหล่งพลังงานทั้งมวลของอิสราเอล ไม่ว่าจะเป็นโรงงานผลิตไฟฟ้า โรงกลั่นน้ำมัน แหล่งผลิตแก๊ส อันเป็นเป้าหมายที่เรามีขีดความสามารถเล่นงานได้ทุกเมื่อ” แถมย้ำเอาไว้ด้วยว่า... “อิหร่านนั้นเป็นประเทศที่กว้างขวางและมีศูนย์กลางทางเศรษฐกิจอยู่เยอะแยะมากมาย ต่างไปจากอิสราเอลที่มีแหล่งผลิตไฟฟ้าหลักๆ แค่ 3 แห่ง และโรงกลั่นน้ำมันแค่ไม่กี่โรง...”

โดยถ้าหากไล่เรียงโรงงานผลิตไฟฟ้าอิสราเอลที่มีอยู่ด้วยกันประมาณ 13 โรง 10 แห่งนั้นผลิตไฟฟ้าเพียงแค่ 1 ใน 3 ของกำลังการผลิตทั้งหมด ส่วนที่เหลือเป็นการผลิตของโรงไฟฟ้า 3 แห่งใหญ่ๆ นั่นก็คือโรงไฟฟ้า “Orot Rabin” อันมีที่ตั้งอยู่ระหว่างเมือง “Hadera” และ “Ceasarea” หรือห่างจากกรุง “Haifa” ไปประมาณ 35 กิโลเมตร โรงที่สองคือ “Rutenberg” อยู่ด้านใต้ของเมือง “Ashkelon” หรือด้านเหนือของฉนวนกาซาไปประมาณ 5 กิโลเมตร และอีกโรงคือ “Eshkol” ที่ตั้งอยู่ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน บริเวณเมืองท่า “Ashdod” ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็น “เป้าใหญ่” ยิ่งกว่าฐานบัญชาการทางทหารที่เคยถูกจรวด “Hypersonic” ของอิหร่านถล่มแทบราบเป็นหน้ากลองมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งยังเป็นเป้าหมายที่มิอาจรื้อฟื้นซ่อมแซมได้ง่ายๆ เหมือนกับสนามบิน หรือฐานทัพ ที่สามารถกู้คืนสู่สภาพปกติได้ไม่กี่อึดใจ...

และอาจด้วยเหตุเพราะมีการพิสูจน์ ทดสอบ ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว...ว่าจรวด “Hypersonic” อิหร่าน ที่มีความเร็วประมาณ 5-25 เท่าของเสียง สามารถเจาะทะลวงระบบป้องกันภัยทางอากาศ “Iron Dome” ของอิสราเอลที่ “เปราะเสียยิ่งกว่าแก้ว” การโจมตี ตอบโต้ ต่อการแก้แค้น-เอาคืนของอิสราเอลรอบใหม่นั้น เผลอๆ...อาจไปไกลถึงขั้น “ศูนย์นิวเคลียร์ Dimona” ของอิสราเอลเอาเลยก็เป็นได้!!! ดังที่ประธานสภาอิหร่าน “นายMohammad Bagher Qalibaf” ได้ระบุเอาไว้ล่วงหน้าว่า “กำลังทหารของเรา....ได้เตรียมแผนการที่จะสร้างความประหลาดใจให้กับศัตรู และจะทำให้การตอบโต้ของเราแตกต่างไปจากครั้งที่แล้วแบบเบ็ดเสร็จสมบูรณ์ ดังนั้น...ถ้าพวก Zionist คิดโจมตีอิหร่าน พวกมันนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายสูญสลายหรือล่มสลายไปภายในเวลาอันรวดเร็ว” นี่...ฟังแล้ว!!! คงหนีไม่พ้นต้อง “หรี่แอร์” เอาไว้ก่อนอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้...

การคิดจะแก้แค้น-เอาคืนด้วยการโจมตีอิหร่านไม่ว่าจะโดย “เป้าหมาย” ใดๆ ก็แล้วแต่....มันจึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ สักเท่าไหร่นักยิ่งเพียงเพื่อการดิ้นรน เอาตัวรอด หรือเพื่อหวังอยู่ในอำนาจให้ต่อเนื่อง ยาวนาน ต่อไปได้เรื่อยๆ อันเป็นสิ่งที่ผู้นำอิสราเอลอย่าง “นายBenjamin Netanyahu” พยายามที่จะ “ขยายวงสงคราม” ด้วยการเปิดศึกกับฝ่ายตรงข้ามไปแล้วไม่รู้กี่ด้านต่อกี่ด้าน ไม่ว่าพวก “Hamas” ในฉนวนกาซาและเวสต์ แบงก์ที่ยังหาจุดจบ หาข้อยุติยังไม่เจอ แม้ระยะเวลาจะปาเข้าไปเกือบเป็นปีๆ มาแล้วก็ตาม ขณะที่ต้องเผชิญหน้ากับพวก “Hezbollah” ในเลบานอน โดยยังแทบมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์เอาเลยแม้แต่น้อย ว่าจะสามารถนำพาบรรดาชาวอิสราเอลนับแสนๆ กลับไปใช้ชีวิตปกติในบริเวณพื้นที่ภาคเหนือของอิสราเอลได้เมื่อไหร่? ตอนไหน? แถมยังต้องเจียดเวลามาตอบโต้กับพวก “Houthis” ในเยเมน ที่ทยอยสาดจรวดเข้าใส่ดินแดนอิสราเอลไปเป็นช่วง เป็นระยะ...

ด้วยลักษณะอาการเช่นนี้นี่เอง....ที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอลอย่าง “นายEhud Barak” แม้จะเห็นควรด้วย หรือเห็นว่าคงเลี่ยงไม่พ้นที่จะต้องแก้แค้น-เอาคืนต่ออิหร่านให้จงได้ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะต้องหยิบยกเอา “สุภาษิตโรมัน” มาฝากไว้ให้ผู้นำอิสราเอลคนปัจจุบัน โดยเฉพาะที่ว่าไว้ว่า... “If you don’t know which port you want to reach, no wind will take you there.” หรือ “ถ้าหากคุณยังไม่รู้ว่าคุณคิดจะเดินเรือไปยังท่าแห่งไหน ไม่ว่าลมชนิดใดก็ไม่สามารถนำพาคุณไปยังที่แห่งนั้นได้” อะไรประมาณนั้น!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น