สนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศว่า จะติดตามการทำงานของนายกฯ แพทองธาร ชินวัตร ว่าถ้าทำไม่ถูกต้องมีการฉ้อราษฎร์บังหลวง หรือยกเกาะกูดให้เขมรไปตกลงพื้นที่ทับซ้อนกับเขมรที่เท่ากับยอมรับว่าพื้นที่เกาะกูดส่วนหนึ่งเป็นของเขมร เขาจะออกมานำมวลชนลงถนนขับไล่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ทันที
เห็นได้ชัดว่า สนธิไม่ได้ประกาศว่าจะขับไล่รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์โดยไม่มีเหตุผล แบบที่ว่ายังไม่ทันทำอะไรก็ออกมาขับไล่แล้วอย่างที่อุ๊งอิ๊งค์บอกว่า เพิ่งทำงานได้ 1 เดือนจะออกมาไล่อย่างที่โอดครวญออกมาเหมือนให้เห็นว่าสนธิไม่มีเหตุผลเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก
เพราะเงื่อนไขที่สนธิประกาศออกมานั้นมันมีความชอบธรรมอย่างเต็มเปี่ยมที่จะออกมาขับไล่รัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์หรือรัฐบาลไหนก็ตาม
และอย่าลืมว่า แม้อุ๊งอิ๊งค์จะเป็นเด็กเมื่อเทียบกับสนธิ แต่อุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีหน้าที่บริหารประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองและประชาชนมีความกินดีอยู่ดี ซึ่งถ้าอุ๊งอิ๊งค์ทำสิ่งนี้ได้ไม่ทำอย่างที่พ่อและอาเคยทำก็ไม่มีใครจะมาขับไล่ให้ลงจากตำแหน่งได้อย่างแน่นอน
ดังนั้น อุ๊งอิ๊งค์อย่าไปโอดครวญว่า ตัวเองเป็นเด็กเหมือนกับถูกผู้ใหญ่รังแก เพราะวันนี้อุ๊งอิ๊งค์เป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศนี้ ไม่ใช่เพียงแต่เป็นลูกสาวของทักษิณ แม้ว่าตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอุ๊งอิ๊งค์จะได้มาเพราะมีคุณสมบัติเป็นลูกทักษิณที่ประชาชนจำนวนไม่น้อยสงสัยในความรู้ความสามารถของอุ๊งอิ๊งค์ก็ตาม
แต่ถ้าอุ๊งอิ๊งค์สืบทอดดีเอ็นเอจากพ่อบริหารประเทศอย่างฉ้อฉลทุจริตคอร์รัปชันโกงชาติบ้านเมืองที่เกิดขึ้นทุกครั้งที่ตระกูลชินวัตรของอุ๊งอิ๊งค์ขึ้นมาบริหารประเทศ จนศาลตัดสินจำคุกทั้งพ่อและอาของอุ๊งอิ๊งค์รวมไปถึงรัฐมนตรีและข้าราชการที่ร่วมกันทุจริตเมื่อนั้นประชาชนก็มีความชอบธรรมที่จะออกมาขับไล่รัฐบาลของอุ๊งอิ๊งค์
ส่วนเรื่องการตกลงแบ่งปันผลประโยชน์ในอ่าวไทยเพื่อขุดเจาะแก๊สธรรมชาตินั้น สิ่งแรกเลยรัฐบาลต้องไม่ยอมรับเส้นเขตแดนของเขมรที่ลากมาทับเกาะกูดของไทย เพราะถ้ายอมรับก็เท่ากับเราเสียแผ่นดินให้กับเขมรเมื่อนั้นประชาชนก็มีความชอบธรรมที่จะออกมาขับไล่รัฐบาลของอุ๊งอิ๊งค์
ถามว่าเรื่องนี้ทำไมประชาชนเขาถึงไม่ไว้วางใจรัฐบาล ก็เพราะรู้ว่าครอบครัวของอุ๊งอิ๊งค์พ่อของอุ๊งอิ๊งค์คือทักษิณนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีกับฮุนเซน และทักษิณได้ประกาศไว้บนเวทีแสดงวิชันว่า ให้รัฐบาลใหม่เร่งดำเนินการเรื่องพื้นที่อ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกันของไทยกับเขมร (Overlapping Claims Area หรือ OCA) ซึ่งทักษิณมองว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่เรื่องของการกำหนดเส้นแบ่งเขตแดน แต่เป็นเรื่องของการนำเอาทรัพยากรปิโตรเลียมที่มีอยู่ขึ้นมาใช้โดยแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกันฝั่งละ 50%
นอกจากนั้นอุ๊งอิ๊งค์ยังประกาศว่าจะเจรจากับเขมรเพื่อแบ่งปันผลประโยชน์ในอ่าวไทยในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภาด้วย
เรื่องนี้เป็นเรื่องตลก เพราะถ้ายอมรับให้ทำสัมปทานเพื่อแบ่งผลประโยชน์ร่วมกันเมื่อไหร่ก็เท่ากับยอมรับเส้นเขตแดนของเขมรที่ลากเส้นเขตแดนพาดทับกึ่งกลางเกาะกูดของไทยทันที ซึ่งเชื่อว่าประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศนี้รวมถึงกองทัพโดยเฉพาะกองทัพเรือคงจะยอมให้เกิดขึ้นไม่ได้ หากทำเช่นนั้นประชาชนก็มีความชอบธรรมที่จะออกมาขับไล่รัฐบาลที่ไม่ชอบธรรม
ถ้าจะตกลงกันต้องทำให้เขมรยอมรับเส้นเขตแดนของเราและไม่สูญเสียเกาะกูดส่วนหนึ่งให้เขมรเสียก่อน
อุ๊งอิ๊งค์ต้องย้อนมองไปว่า การที่ประชาชนออกมาขับไล่รัฐบาลทักษิณพ่อของอุ๊งอิ๊งค์ รัฐบาลนอมินีของระบอบทักษิณ และรัฐบาลยิ่งลักษณ์อาของอุ๊งอิ๊งค์นั้น ล้วนแล้วแต่มีเหตุผลจากการใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลของรัฐบาลที่ผ่านมาทั้งสิ้นไม่ใช่อยู่ๆก็ออกมาขับไล่โดยพลการ
ดังนั้น รัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์จะอยู่ได้หรือไม่ได้ ม็อบจะออกมาขับไล่หรือไม่ก็อยู่ที่รัฐบาลของอุ๊งอิ๊งค์เอง นอกจากเรื่องไม่ทุจริตฉ้อฉลคดโกงแผ่นดินแล้ว ก็ต้องไม่ขายชาติยกแผ่นดินให้กับเขมร นอกจากนั้นสิ่งที่สำคัญคือความรู้ความสามารถของอุ๊งอิ๊งค์ในการบริหารประเทศว่ามีดีพอที่จะนำพาประเทศนี้ให้ก้าวไปในอนาคตหรือไม่
เพราะการที่อุ๊งอิ๊งค์ตัดสินใจจะเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย ย่อมจะต้องเชื่อมั่นว่าตัวเองมีความรู้ความสามารถไม่ใช่ต้องการเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อเป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูล เพียงเพื่อแสดงให้เห็นว่าตระกูลชินวัตรเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่ แม้ประชาชนจะออกมาขับไล่ก็สามารถกลับมามีอำนาจได้ ถามว่าก่อนที่จะตัดสินมารับตำแหน่งนั้นอุ๊งอิ๊งค์ได้ประเมินความสามารถของตัวเองหรือไม่ว่ามีความรู้พอที่จะขึ้นมาบริหารประเทศได้ ทั้งที่ไม่เคยมีประสบการณ์ในการบริหารอะไรมาก่อนแม้แต่ธุรกิจที่พ่อตัวเองสร้างขึ้นมาก็ตาม
ช่วง 1 เดือนกว่าที่ผ่านมา ก็เห็นแล้วว่า อุ๊งอิ๊งค์มีศักยภาพแค่ไหนมีความรู้เพียงพอหรือไม่ สามารถตอบคำถามและชี้แจงสื่อมวลชนได้ทุกเรื่องหรือไม่ ซึ่งหลายเรื่องพบว่า อุ๊งอิ๊งค์ไม่มีความรู้ความเข้าใจแม้แต่เรื่องเศรษฐศาสตร์พื้นฐาน การแถลงข่าวทุกครั้งต้องพึ่งพาไอแพดเป็นเครื่องมือมากกว่าการพูดออกมาจากความเข้าใจในภาระหน้าที่ที่ตัวเองแบกรับ และตอบคำถามผู้สื่อข่าวได้แต่เรื่องพื้นๆ ผิวเผินเท่านั้นเอง
การไปเจรจาความเมืองในฐานะผู้นำของประเทศกับผู้นำประเทศอื่นก็ต้องพึ่งพาไอแพดไปนั่งอ่านให้ผู้นำคู่เจรจาฟัง แล้วอ้างว่าเป็นสิ่งที่ผู้นำประเทศไหนก็ทำ ถามว่าสิ่งที่พูดเป็นความจริงหรือ ที่การเจรจาทวิภาคีผู้นำประเทศต่างมานั่งก้มหน้าก้มตาอ่านไอแพดให้ฟังกัน หรือถ้าหากบอกว่า อุ๊งอิ๊งค์ไม่ได้นั่งอ่านไอแพดตลอดเวลาแล้วทำไมถึงไม่เอาออกมาเผยแพร่ให้เห็นว่าไม่ได้เป็นไปอย่างที่เขากล่าวหากันไหมหากสิ่งที่ว่ามานั้นเป็นความจริง
สิ่งที่สำคัญอุ๊งอิ๊งค์ในฐานะนายกรัฐมนตรีจะต้องรับฟังเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของสื่อมวลชนและประชาชนให้ได้ ไม่ใช่เข้าไปตอบโต้ในโซเชียลมีเดียเหมือนกับเป็นเกรียนคีย์บอร์ดคนหนึ่ง
นอกเหนือเหตุผลจากที่สนธิประกาศว่าจะออกมาขับไล่อุ๊งอิ๊งค์ถ้าทุจริตฉ้อฉลและยกแผ่นดินเกาะกูดให้กับเขมรแล้ว ผมคิดว่า ความรู้ความสามารถของอุ๊งอิ๊งค์ในการบริหารประเทศนี่แหละหากแสดงออกมาให้เห็นถึงการขาดความรู้ความสามารถในการบริหารประเทศจนอาจจะเกิดความเสียหายแล้ว ก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ประชาชนจะออกมาขับไล่ เรื่องนี้จึงอยู่ที่ตัวของอุ๊งอิ๊งค์เอง แม้เชื่อมั่นว่าจะมีทักษิณบริหารราชการอยู่หลังม่านคอยสั่งราชการแทน แต่ถ้าอุ๊งอิ๊งค์ไม่มีความรู้สติปัญญามากพอก็ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ควรปล่อยบริหารประเทศจนทำให้เกิดความเสียหาย
อยากแนะนำอุ๊งอิ๊งค์นะครับว่า อย่าไปเชื่อคนรอบข้างนะครับว่า สนธิหรือคนที่จะออกมาขับไล่ไม่มีมวลชนแล้ว เหมือนที่ลิ่วล้อของพรรคเพื่อไทยหลายคนพูดออกมา หากจำกันได้ตอนยิ่งลักษณ์อาของอุ๊งอิ๊งค์ผลักดันนิรโทษกรรมสุดซอยเพื่อให้พ่อของอุ๊งอิ๊งค์พ้นผิดนั้นก็เพราะมีความเชื่อมั่นว่ามวลชนฝ่ายตรงข้ามอ่อนแอลงแล้ว และสุดท้ายมวลประชาชนก็ออกมาชุมนุมจนเต็มท้องถนน ก็ต้องรอดูว่าอุ๊งอิ๊งค์จะเป็นชินวัตรคนที่สามที่ถูกประชาชนขับไล่เหมือนกับพ่อและอาหรือไม่
การขึ้นมาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของอุ๊งอิ๊งค์มีที่มาที่ชอบธรรมก็จริง แต่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้นต้องการคนที่มีความรู้ความสามารถและมีคุณธรรมไม่ใช่อยู่ใครจะขึ้นมาเป็นก็ได้ ถ้าเกิดความเสียหายแล้วผลเสียจะตกกับประเทศชาติและประชาชน เพราะประเทศไม่ใช่สมบัติของตระกูลชินวัตร
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan