ครบรอบหนึ่งปีของสงครามฉนวนกาซาดินแดนของปาเลสไตน์ซึ่งอิสราเอลใช้อาวุธทุกอย่างนำโดยการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทำลายอาคารทุกชนิดพินาศย่อยยับ ประมาณกว่า 80% ของพื้นที่
การทำลายสถานก่อสร้างอาคารบ้านเรือน โบสถ์ สุเหร่า มหาวิทยาลัย โรงเรียน ค่ายผู้ลี้ภัย และโรงพยาบาลกว่า 35 แห่ง ทำให้ชาวปาเลสไตน์ 2.3 ล้านคน ไม่มีที่อาศัยต้องกางเต็นท์ แต่ก็ยังไม่พ้นจากการถล่มด้วยระเบิดจากเครื่องบินอิสราเอล
เป็นสงครามที่กองทัพอิสราเอลและผู้นำรัฐบาลต้องการทำลายฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว ปาเลสไตน์ไม่เหลือ โดยไม่คำนึงถึงศีลธรรมและการต่อต้านโดยประชาคมโลก สหประชาชาติ ศาลโลก ศาลอาญาระหว่างประเทศและกฎหมายระหว่างประเทศทุกอย่าง
อิสราเอลจึงเป็นรัฐก่อการร้ายอย่างสมบูรณ์โดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นผู้สนับสนุนอาวุธเต็มที่ และการเงินซึ่งอัดฉีดไม่ให้อิสราเอลล่มสลายเพราะปัญหาเศรษฐกิจและสังคม
แม้จะทำลายกาซาและฝั่งตะวันตกของแม่น้ำจอร์แดน อิสราเอลต้องจ่ายในราคาแพงเมื่อสูญเสียทหารไม่น้อยในสงครามที่ยืดเยื้อนานหนึ่งปี
เป็นการยอมรับความสูญเสียครั้งแรกของกองกำลังป้องกันตนเองหรือไอดีเอฟ ซึ่งแถลงข่าวว่าทหารเสียชีวิต 726 นายตั้งแต่เริ่มต้นสงครามและมากกว่า 4,500 นาย บาดเจ็บรวมทั้งส่วนหนึ่งต้องพิการ
ในจำนวน 726 นายที่เสียชีวิตนั้นมี 346 นายเสียชีวิตในการปฏิบัติภาคพื้นดินซึ่ง เริ่มต้นวันที่ 27 ตุลาคมและเป็นจำนวนตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่สงครามกับอาหรับ ในปี 1973 ซึ่งทหารอิสราเอลเสียชีวิตมากกว่า 2,600 นาย
ในสงครามกาซาทหาร 56 นายเสียชีวิตจากการยิงพวกเดียวกันเองหรืออุบัติเหตุจากปฏิบัติการตามคำแถลงของไอดีเอฟ
นี่ยังไม่ใช่ตัวเลขสุดท้ายเพราะยังมีทหารที่เสียชีวิตแต่บรรดาญาติพี่น้องไม่ยอมให้เปิดเผยชื่อ ดังนั้น เป็นที่คาดหมายว่าตัวเลขของทหารที่เสียชีวิตและบาดเจ็บจะต้องสูงกว่าจำนวนที่กองทัพแถลงอย่างมาก
นายทหารที่บาดเจ็บ 4,576 นายในการปฏิบัติการ มีทหารบาดเจ็บจากการปฏิบัติการภาคพื้นดิน 2,300 นาย
กองทัพอิสราเอลไม่แถลงถึงความสูญเสียรถถังและยานช่วยรบต่างๆ ซึ่งถูกทำลายโดยฝ่ายต่อต้านคือขบวนการฮามาส ซึ่งกองทัพอิสราเอลอ้างว่าถูกสังหารมากถึง 17,000 นายซึ่งเกินครึ่งที่ประเมินว่ามีอยู่ 30,000 นาย ฟังดูแล้วเหลือเชื่อ
จำนวนผู้เสียชีวิตชาวปาเลสไตน์มีประมาณ 42,000 คนและ 70% เป็นผู้หญิงเด็กและพลเรือน โดยเฉพาะจำนวนเด็กที่เสียชีวิตมีมากกว่า 16,000 รายและมีผู้บาดเจ็บโดยรวมกว่า 92,000 ราย
ผลของการที่กองกำลังฮามาสบุกเข้าไปในอิสราเอลวันที่ 7 ตุลาคมทำให้มีผู้เสียชีวิต 1139 คนแต่ส่วนหนึ่งถูกสังหารโดยทหารอิสราเอลซึ่งไม่ต้องการให้ประชาชนของตนเองและทหารถูกจับเป็นเชลยและต้องเสียอำนาจในการต่อรอง
ดังนั้น กองทัพอิสราเอลมีหลักปฏิบัติการฮันนิบาล ซึ่งให้สังหารพวกเดียวกันโดยถือคติว่าทหารอิสราเอลหรือประชาชนที่เสียชีวิตแล้วยังดีกว่าถูกจับเป็นตัวประกัน ซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในการควบคุมของฮามาสอีก 97 คนรวมทั้งคนไทยอีก 6 หรือ 7 คน
สงครามในกาซายังไม่มีแนวโน้มที่จะจบและอิสราเอลยังคงถล่มด้วยเครื่องบินทิ้งระเบิดเพื่อกำจัดชาวปาเลสไตน์ โดยไม่ฟังเสียงคัดค้านจากประชาคมโลกซึ่งเดินขบวนทุกสัปดาห์ในเมืองหลวงของหลายประเทศทั่วโลก
จากนี้ไปอิสราเอลจะเน้นการทำสงครามกับกลุ่มเฮซบอลเลาะห์ ในเลบานอน โดยใช้เครื่องบินถล่มโดยมีกรุงเบรุตเมืองหลวงเป็นเป้าหมายหลัก และมีผู้เสียชีวิตกว่า 2,000 คนและ 160 คนเป็นเด็ก
จากนั้นก็คาดหมายว่าจะทำสงครามกับอิหร่านซึ่งอิสราเอลต้องการเอาคืนหลังจากการโจมตีอย่างหนักด้วยขีปนาวุธ 181 ลูก สร้างความเสียหายต่อฐานทัพอากาศนวิมี ท่าเรือไฮฟ และบางส่วนของเมืองเทลอาวีฟ โดยระบบป้องกันภัยทางอากาศไออ้อนโดมไม่สามารถสกัดได้
กองกำลังปฏิวัติอิหร่านเตือนว่าถ้า อิสราเอลโจมตีก็จะถูกตอบโต้หนักกว่าเดิมและเป้าหมายในอิสราเอลมีจำกัดเพราะเป็นประเทศขนาดเล็กจะถูกทำลายย่อยยับ ขณะที่อิหร่านมีขนาดใหญ่กว่าอิสราเอลถึง 25 เท่าและมีฐานอาวุธกระจายทั่วประเทศและส่วนใหญ่อยู่ในอุโมงค์ในภูเขาและใต้ดินลึกเกินกว่าที่จะถูกทำลายได้
อิสราเอลต้องสู้ศึกหลายด้านและเสียหน้าอย่างมากในศึกกาซา เพราะการสูญเสียทั้งกำลังทหารและอาวุธถ้าไม่ได้สหรัฐฯ สนับสนุนคงไม่ยืดเยื้อนานจนทุกวันนี้
ผู้นำอิสราเอลนายเบนจามิน เนทันยาฮู คือผู้สร้างความหายนะให้ประเทศทางเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ชาวอิสราเอลเริ่มอพยพหนีตายไปอยู่ประเทศอื่นๆ ในยุโรปและสหรัฐฯ เพราะเป็นบุคคลสองสัญชาติ
ต้องรอดูว่าศึกรอบใหม่ระหว่างอิสราเอลกับศัตรูรอบทิศ โดยเฉพาะอิหร่านจะลงเอยอย่างไรและจะนำไปสู่สงครามในภูมิภาคหรือสงครามโลก จำกัดพื้นที่หรือไม่ถ้าประเทศอื่นๆ เข้าร่วมด้วย
อิหร่านประกาศว่าเตรียมพร้อมเต็มที่ด้วยแผน 7 ประการ ซึ่งจะมีความหลากหลายและหนักกว่าที่เคยเล่นงานอิสราเอลมาแล้ว