ถึงแม้จะถูกเรียกขานว่า “มุสลิมสายกลาง” แต่ประธานาธิบดีคนใหม่ของอิหร่าน “นายMasoud Pezeshkian” ท่านได้เปรียบเทียบ เปรียบเปรย เอาไว้แบบ “สุดติ่งกระดิ่งแมว” พอสมควร คือบอกว่าปฏิบัติการ “เราจะทำตามสัญญา” หรือ “Operation True Promise 2” ของอิหร่านนั้น ได้เป็นตัวพิสูจน์แล้วว่า...ระบบป้องกันภัยทางอากาศที่ปานประหนึ่งผนังทองแดงกำแพงเหล็กอย่าง “Iron Dome” ของอิสราเอล เอาเข้าจริงๆ แล้ว...“เปราะเสียยิ่งกว่าแก้ว!!!” นี่...ต้องเรียกว่าช่างเป็นอะไรที่ทั้งแสบ ทั้งคัน ไม่น้อยทีเดียว...
เนื่องมาจากจรวดที่อิหร่านเขาประเคนใส่อิสราเอลเมื่อช่วงวันอังคารที่แล้ว (1 ต.ค.) ประมาณ 180 ลูก หรือมากไปกว่านั้นก็แล้วแต่ ส่วนใหญ่แล้ว...หนักไปทางประเภท “Hypersonic Missile” ที่เรียกๆ กันว่า “จรวด Fattah-2” อันมีความเร็วเหนือเสียงตั้งแต่ 5-25 เท่าขึ้นไป หรือเป็นขีปนาวุธที่ผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธอย่าง “นายAlex Krainer” บรรณาธิการเว็บไซต์ข่าว “Trend Compass” เขาได้ตั้งข้อสังเกตไว้น่าคิด น่าสะกิดใจในเว็บไซต์ของตัวเอง ว่าจรวดประเภทนี้ มันเป็นอะไรที่ยากส์ส์ส์จะ “สกัดกั้น” ได้ง่ายๆ เพราะบรรดาระบบป้องกันภัยทางอากาศของพวกโลกตะวันตก แม้แต่ระบบ “Patriot” ของอเมริกาเองก็มีขีดความสามารถในการสกัด หรือยิงจรวดไปปะทะบรรดาวัตถุที่ร่อนไป-ร่อนมากลางอากาศ ในระดับความเร็วประมาณ Mach 3 เท่านั้น ดังนั้น...เมื่อเจอกับ “Hypersonic” ที่ระดับความเร็วเลยไปจากระดับ Mach 5 โอกาสที่จะคว้า จะจับ จะสกัดได้ไล่ทัน หรือยิงจรวดไปปะทะ มันจึงแทบ “เป็ง-ปาย-ม่าย-ล่าย” เอาเลย...
ด้วยเหตุนี้...สิ่งที่เราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย พอได้เห็นจากภาพถ่ายวิดีโอ ก็คือภาพบรรดาขีปนาวุธอิหร่านที่จิกหัวลงมาเป็นสายๆ ก่อนที่จะเกิดแสงวาบๆ แปลบๆ ปลาบๆ เมื่อตกถึงพื้นดิน อันหมายถึงการ “ระเบิด” ที่ล้างผลาญ ทำลาย บรรดา “เป้าหมาย” ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินของกองทัพอากาศอิสราเอล หรือ “Nevatim Airbase” สถานที่จอดเครื่องบินโจมตีซึ่งทรงอานุภาพสูงสุดของอิสราเอล คือเครื่องบิน “F-35” ที่ฝ่ายอิหร่านเขา “สมรักษ์ คำสิงห์” บอกว่าสามารถล้างผลาญ ทำลาย ลงไปได้กว่า 20 ลำ และนั่นยังไม่รวมไปถึงเครือข่ายสิ่งอำนวยความสะดวกทางทหาร อย่าง “The Netzarim Military Facility” ไปจนถึงกองบัญชาการ “Mossad” หรือ “The Nof Intelligence Department” ฯลฯ เป็นต้น...
ดังนั้น...แม้ว่า “นักมวยเจนเวที” อย่างอิสราเอลจะออกมาแลบลิ้นปลิ้นตาหลอก พยักหน้าหงึกๆ คล้ายๆ ไม่รู้สึกเจ็บปวดอะไรเลย หรือแบบ “เอาอีก...ขออีก” อะไรประมาณนั้น รวมไปถึงผู้เฒ่าเอ๋อ คุณปู่ “โจเอ๋อ” หรือ “โจ ซึมเซา” ผู้นำอเมริกาที่พยายามบอกทำนองว่าการโจมตีของอิหร่าน “ล้มเหลว” ซะเป็นส่วนใหญ่ แต่โดย “กิริยา-อาการ” ของอิสราเอลนั้น ค่อนข้างออกไปทาง “ก้นเตี้ย” หรือ “กลับมาหามุมตัวเองแทบไม่เจอ” หรือ “เก็บอาการ” ไม่ค่อยจะไหว ดังที่สำนักข่าว “The Middle Esat” เขารายงานไว้เมื่อช่วงวันพุธที่ผ่านมา (2 ต.ค.) นั่นแหละว่า ถึงขั้นต้อง “เซ็นเซอร์” ข่าวคราวเรื่องความเสียหายของตัวเองกันจ้าละหวั่น ปิดฐานบัญชาการทางทหารหลายต่อหลายแห่งไม่ให้ใครเข้า-ใครออก หรือถึงขั้นต้องลงทุนเปลี่ยนแปลงแก้ไขภาพถ่ายจากดาวเทียม โดยเฉพาะที่ฐานทัพอากาศ “Nevatim” ไม่ยอมให้มีใครเข้าไปดูภาพถ่ายสดๆ โดยอ้างว่าเพราะมี “กลุ่มเมฆ” ปกคลุมหนาแน่นในบริเวณนั้น ทั้งที่ท้องฟ้าแจ่มใสปราศจากเมฆหมอกใดๆ ก็ตามที...
แต่ก็นั่นแหละ...การแก้แค้น-เอาคืนแบบ “จัดหนัก-จัดเต็ม” ของอิหร่านเที่ยวนี้ ยังไงๆ ย่อมหนีไม่พ้นต้องถือเป็นการ “เข้าทางเท้า-เข้าทางตีน” ของผู้นำอิสราเอล อย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ที่กระหายกระเหี้ยนกระหือรืออยากจะ “ขยายวงสงคราม” เสียเหลือเกิน ไม่ว่าประเทศอิสราเอลหรือปวงชนชาวยิวจะฉิบหาย-วายวอดกันไปถึงขั้นไหน หรืออย่างที่อดีตนาวิกโยธินสหรัฐฯ และผู้ตรจสอบอาวุธประจำสหประชาชาติ “นายScott Ritter” ท่านได้ให้สัมภาษณ์ใครต่อใครไปเมื่อช่วงวันอังคารที่ผ่านมา (1 ต.ค.) นั่นแหละว่า... “Netanyahu Sacrificed Israel for His Own Personal Ambition” หรือพร้อมที่จะนำเอาประเทศทั้งประเทศและประชาชนไปเป็นเครื่องเซ่นสังเวยให้กับความทะยานอยาก ความหื่นกระหายของ “ตัวกู-ของกู” โดยไม่สนใจผู้อื่นเอาเลยแม้แต่น้อย...
การป่าวประกาศว่าจะต้อง “ล้างแค้น-เอาคืน” ต่อการโจมตีของอิหร่านในอีกไม่นานนับจากนี้ จึงดังก้องกังวานมาจากผู้นำอิสราเอลรวมทั้งผู้ให้การสนับสนุนอย่างคุณพ่ออเมริกาอีกด้วย ดังที่สำนักข่าว “Axios” เขาได้รายงานไปเมื่อวันพุธที่ผ่านมา (2 ต.ค.) นั่นแหละว่า อิสราเอลเตรียมที่จะเอาคืนครั้งสำคัญ (significant retaliation) โดยมุ่งเป้าไปที่แหล่งผลิตและโรงกลั่นน้ำมันของอิหร่านเป็นหลักใหญ่ และคงต้องขอการสนับสนุนทางทหารจากคุณพ่ออเมริกาอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงได้ ในขณะที่ที่ปรึกษาความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan” ก็ได้ “เปิดไฟเขียว” ไว้แล้วล่วงหน้า ด้วยการให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวในช่วงวันเดียวกัน ว่าสหรัฐฯ พร้อมที่จะให้ความร่วมมือกับอิสราเอลในการตอบโต้อิหร่าน เพียงแต่ไม่เห็นด้วยที่จะโจมตีโครงการนิวเคลียร์ แต่น่าที่จะหันไปเล่นงานแหล่งพลังงานของอิหร่านกันแทนที่...
อันเป็นสิ่งที่อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอล “นายEhud Barak” ออกมาชี้แนะ ชี้นำ ไว้ในแนวเดียวกัน รวมทั้งผู้เฒ่าเอ๋อ คุณปู่ “โจ ซึมเซา” ก็ออกมาเปิดเผยถึงความเป็นไปได้ที่อิสราเอลจะมุ่งไปสู่ “เป้าหมาย” เหล่านี้ จนส่งผลให้ “ราคาพลังงาน” ในตลาดโลก พุ่งพรวดๆ พราดๆ ขึ้นไปอีกถึง 5 เปอร์เซ็นต์เอาเลยถึงขั้นนั้น ทั้งที่แค่ขึ้นไปประมาณ 3 เปอร์เซ็นต์หลังการเอาคืนของอิหร่านต่ออิสราเอล ก็ทำให้ใครต่อใครต่างอ้วกแตก-อ้วกแตนตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ ขนาดผู้ว่าการธนาคารอังกฤษ “นายAndrew Bailey” ยังต้องออกมาโอดครวญกับหนังสือพิมพ์ “The Guardian” เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (3 ต.ค.) ว่าสถานการณ์ราคาพลังงานมีแนวโน้มที่จะ “เลวร้าย” เอามากๆ แต่ยิ่งถ้าอิสราเอลคิดจะถล่มแหล่งผลิตน้ำมันของอิหร่านขึ้นมาจริงๆ โอกาสที่ความฉิบหาย-วายวอดจะแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโลก ยิ่งย่อมต้องเลวร้ายยิ่งขึ้นไปเท่านั้น!!!
เพราะแม้จะถูก “แซงชั่น” จากโลกตะวันตกอย่างชนิดหนักหนา-สาหัสเพียงใดก็ตามที ปริมาณการส่งออกน้ำมันของอิหร่านในทุกวันนี้ ยังมีมูลค่าปาเข้าไปถึง 35,000 ล้านดอลลาร์ ความพยายามแก้แค้น-เอาคืนอิหร่านด้วยการหันไปเตะตัดขา หรือหันไปเล่นงานแหล่งที่มาของรายได้ทางเศรษฐกิจ อันเป็นสิ่งที่อดีตนายกรัฐมนตรีอิสราเอลเห็นว่าคุ้มค่าคุ้มราคากว่าการเล่นงานโครงการอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านเป็นไหนๆ และดูเหมือนว่าคุณพ่ออเมริกาก็น่าจะเออออ-ห่อหมกตามไปด้วย จึงอาจส่งผลให้ “ราคาพลังงาน” พุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา จนอาจอ้วกแตก-อ้วกแตนกันไปทั้งโลกได้ไม่ยาก โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายอิหร่านเขาได้ออกมาป่าวประกาศเอาไว้ล่วงหน้าแล้วว่า ไม่เพียงแต่อิสราเอลอาจต้องเจอกับการตอบโต้หนักกว่าครั้งที่ผ่านมาอีกเป็นพันๆ เท่า แต่ยังได้ส่ง “คำเตือน” อย่างเป็นทางการ ผ่านเอกอัครราชทูตสวีเดนในประเทศกาตาร์ ไปยังคุณพ่ออเมริกาโดยตรงอีกด้วยว่า อาจต้องเจอกับการตอบโต้ในแบบ “unconventional response” หรือแบบที่ไม่จำต้องยึดกฎ ยึดกติกาใดๆ ต่อไปอีกแล้ว เผลอๆ...อาจไปไกลถึงขั้นที่อิหร่านเขาตัดสินใจปิดช่องแคบ “Hormuz” อันเป็นเส้นทางขนส่งพลังงานเกือบ 25 เปอร์เซ็นต์ของโลกเอาเลยก็เป็นได้!!!
อันนี้นี่แหละ...ที่จะทำให้ความ “ฉิบหาย...กับ...ฉิบหาย” ย่อมแผ่ซ่านไปทั่วทั้งโลกได้โดยฉับพลัน-ทันที แม้แต่คุณพ่ออเมริกาเองก็เถอะ เมื่อไหร่ที่ “ราคาพลังงาน” พุ่งทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ประเทศที่บริโภคน้ำมันระดับต้นๆ ของโลกอย่างอเมริกาย่อมต้องเจอกับ “ปัญหา” แบบชนิดสามารถดึงคะแนนนิยมของผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีแห่งพรรคเดโมแครต อย่าง “นางกมลา แฮร์ริส” ให้ต้องหัวทิ่ม-หัวตำเอาง่ายๆ ดีไม่ดี...อาจต้องกลับไป “ขึ้นดอกเบี้ย” เพื่อสกัดเงินเฟ้อรอบใหม่ หรืออาจต้องเจอกับ “ภาวะเศรษฐกิจถดถอย” จนมีแต่ “เจ๊ง...กับ...เจ๊ง” ลูกเดียวเท่านั้นเอง...
ด้วยเหตุนี้...เอาเป็นว่า เหตุการณ์นับจากนี้จะเป็นยังไงกันต่อไป คงต้องคอยจับตาและคงต้องหมั่น “สวดมนต์-ภาวนา” ให้มากๆ เข้าไว้นั่นแหละดี เพราะแม้แต่ทูตรัสเซียประจำอิสราเอล “นายAnatoly Viktorov” ยังออกอาการอกสั่น ขวัญแขวน ต้องออกมาชี้แนะ ชี้นำ ให้บรรดาชาวรัสเซียรีบเผ่นออกจากประเทศอิสราเอลโดยด่วน หรือโดยขณะที่เครื่องบินโดยสารยังสามารถให้บริการได้ตามปกติ อันเนื่องมาจากความปั่นป่วน วุ่นวาย ในตะวันออกกลางทุกวันนี้ ก็น่าจะเป็นอย่างที่โฆษกปากคมแห่งกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย คุณ “Maria Zakharova” เธอสรุปไว้แบบสั้นๆ-ง่ายๆ แต่ชัดเจนและตรงไป-ตรงมานั่นก็คือ...มันเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึง “ความล้มเหลวโดยเบ็ดเสร็จสมบูรณ์” (complete failure) ของมหาอำนาจสูงสุดในโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา ที่แทนจะดำรงตนเป็น “ตัวกลาง” ในการสร้างความสงบ สันติภาพและเสถียรภาพให้กับภูมิภาคแห่งนี้ได้อย่างเป็นจริง-เป็นจัง แต่กลับไป “เอียงข้าง” หันไปเข้าข้างพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อย่างอิสราเอล ไม่ว่าจะเลว จะชั่ว จะโหดเหี้ยมอำมหิต ขนาดไหน เพียงเพราะบรรดา “นักการเมือง” อเมริกันทั้งหลาย หวังจะได้รับการสนับสนุน อุ้มชู จาก “นักธุรกิจชาวยิว” ในแต่ละยุค แต่ละสมัย...
ดังนั้น...ถ้าหาก “ราคาพลังงาน” มันเกิดทะลุเพดาน ทะลุหลังคา ขึ้นมาเมื่อไหร่ บรรดาชาวโลกอย่างเราๆ-ทั่นๆ คงหนีไม่พ้นต้องพลอย “ซวยไปด้วย” ทั้งที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรด้วยเลย อันเนื่องมาจาก “ความเห็นแก่ตัว” ของนักการเมืองในอเมริกา รวมทั้งนักการเมืองอิสราเอล อย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ที่พร้อมจะเอาประเทศและประชาชนของตัวเองไปเป็นเครื่อง “บูชายัญ” เพื่อความอยู่รอดของ “ตัวกู-ของกู” นั่นแล…