xs
xsm
sm
md
lg

ไฟนรกจะเริ่มต้นจาก“แนวรบ”ด้านไหน???

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


โจ ไบเดน
แทนที่มัวแต่ตามลุ้น ตามเชียร์ ฝ่ายโน้น-ฝ่ายนี้...แบบบรรดาพวก “ติ่งๆ” ทั้งหลาย ปิดท้ายสัปดาห์นี้คงต้องลองหันไปสำรวจตรวจสอบ ว่าโลกที่กำลังกลายสภาพเป็น “ถังดินระเบิด” อยู่ในทุกวันนี้ เอาไป-เอามาแล้ว...มันจะถูกจุดระเบิดตูมๆ ตามๆขึ้นมาใน “แนวรบ” ด้านไหน??? กันแน่ น่าจะ “เข้าท่ากว่า” เป็นไหนๆ...

โดยถ้าไล่มาจาก “แนวรบตะวันออกกลาง” ที่กำลังร้อนฉ่า ร้อนแรงกว่าใครเพื่อน อาจพอสรุปได้ว่าหลังการ “ก่อการร้าย” ด้วยระเบิดเพจเจอร์และวอล์กกี้-ทอล์กกี้ เพื่อทำลายเครือข่ายการสื่อสารของพวก “Hezbollah” พร้อมๆ การสังหารพลเรือนผู้บริสุทธิ์ตายไปเกือบครึ่งร้อย บาดเจ็บอีกนับพัน โดยฝ่ายอิสราเอล ตามด้วยการส่งเครื่องไปทิ้งระเบิดในภาคใต้-ภาคตะวันออกของเลบานอนมุ่ง “ลอบสังหาร” ผู้นำอย่าง “Sayyed Hassan Nasrallah” และบรรดาเจ้าหน้าที่อาวุโสอีกนับสิบๆ ราย ด้วยระเบิดเจาะทะลวงบังเกอร์ที่คุณพ่ออเมริกามอบให้ จนใครต่อใครต้อง “มรณสักขี” ไปแทบเกลี้ยง แต่ก็ไม่ได้ทำให้กองทัพ “IDF” ของอิสราเอลคลายความเหี้ยม-ความโหดใดๆ ลงไปเลยแม้แต่น้อย การถล่มระเบิดปูพรมใส่โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยช่วยเหลือผู้ประสบภัย ฯลฯ ชนิดตายกันวันละร้อยรายขึ้นไป หรือตายไปแล้วนับพัน ตามการแถลงของรัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอน ทำให้แม้กระทั่งประมุขด้านจิตวิญญาณแห่งศาสนจักรคาทอลิก พระสันตะปาปา “ฟรานซิส” ท่านยังอดไม่ได้ที่จะต้องออกมาตำหนิ ประณาม ว่าถือเป็นการโจมตีที่ “ไร้ศีลธรรม” เอามากๆ...

แต่ก็นั่นแหละ...ไม่ว่าโลกทั้งโลกจะโขกหัวเธอสักเพียงไหน “ไอ้เหี้ยม” ผู้กำลังดิ้นรนเพื่อที่จะให้ตัวเองสามารถครองอำนาจได้อีกต่อไป อย่าง “นายBenjamin Netanyahu” ผู้นำอิสราเอล ก็ยังคงเพียรพยายาม “บุกภาคพื้นดิน” ต่อเลบานอนอย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิก แม้จะเป็น “ปฏิบัติการแบบจำกัด” ก็ตามที แถมด้วยผลสำเร็จแห่งการก่อการร้ายและการลอบสังหารใครต่อใครเป็นรายๆ ยังทำให้ผู้นำรายนี้ออกมา “สมรักษ์ คำสิงห์” คุยโม้ คุยโต ว่าอิสราเอลสามารถยื่น “มืออันยาวไกล” ออกไปถึงอิหร่านเอาเลยก็ยังได้ หรือโดยสรุปรวมความ...กองทัพอิสราเอลทุกวันนี้ได้เปิดศึกกับใครต่อใครไปแล้วถึง 4 ด้านด้วยกัน ไม่ว่าการปราบปรามพวก “Hamas” ในฉนวนกาซาที่ยังไม่แล้วเสร็จ การส่งเครื่องบินไปถล่มประเทศซีเรียคราวแล้วคราวเล่า โดยไม่สนใจต่อระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซีย ที่พยายามช่วยปกป้อง คุ้มครอง อธิปไตยของประเทศนี้เอาเลยแม้แต่น้อย ล่าสุด...ยังส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดใส่เมือง “Ras Isa” และ “Hodeidah” ของประเทศเยเมน วิศวกรไฟฟ้าและพลเรือนตายไปเป็นจำนวนไม่น้อย ไปจนการบุกเลบานอน อันกลายเป็นตัวสร้างแรงกดดันให้พี่เบิ้มในตะวันออกกลางอย่างอิหร่าน จนไม่อาจ “เอามือซุกหีบ” ไว้เฉยๆ อีกต่อไปได้เลย...

แม้ว่าฝ่ายอิหร่านจะมองเห็นค่อนข้างชัดเจน...ว่าการแก้แค้น-เอาคืนต่ออิสราเอลนั้น ย่อมอาจหมายถึงการเปิดศึกโดยตรงกับคุณพ่ออเมริกา ที่นอกจากจะส่ง “เรือบรรทุกเครื่องบิน” ถึง 2 ลำ กองเรือรบระดับ 1 ใน 3 ของกองทัพเรืออเมริกันเข้ามาช่วยปกป้อง “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์” อย่างอิสราเอลเป็นการเฉพาะ แถมทำท่าว่ากำลังคิดๆ ส่งกำลังทหารเพิ่มเติมจากที่มีอยู่แล้วในตะวันออกกลางถึง 40,000 นายหรือไม่? อย่างไร? ตามที่รายงานข่าวของสำนักข่าว “NBC” ได้ระบุเอาไว้ ด้วยเหตุนี้อิหร่านเขาเลยต้อง “เงื้อง่า-ราคาแพง” แบบชนิดเมื่อยไหล่-เมื่อยแขนเอามากๆ แม้จะนับเป็นเดือนๆ เข้าไปแล้วหลังจากถูก “ยกตีนลูบหน้า” หรือหลังการลอบสังหารผู้นำ “Hamas” “นายIsmail Haniyeh” ภายในบ้านของตัวเอง แต่ก็อย่างที่รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย “นายSergey Lavrov” ท่านได้ “อ่านหน้าไพ่” ของแนวรบตะวันออกกลางเอาไว้นั่นแหละว่า อิหร่านกำลังถูกฉุด ถูกลาก โดยอิสราเอลให้ต้องโดดเข้าร่วมสงครามใหญ่ เพื่อชักนำอเมริกาที่หวังจะผูกขาดอำนาจในตะวันออกกลางไว้โดยตลอด ให้เข้ามาเผชิญหน้ากับพี่เบิ้มในตะวันออกกลางอย่างอิหร่านให้จงได้!!!

โดยถ้าหากอิหร่านเกิดน็อตหลุด น็อตหลวม ขึ้นมาเมื่อไหร่??? แนวรบในด้านนี้...มันคงน่าจะเป็นไปดังที่ผู้เชี่ยวชาญด้านตะวันออกกลางแห่ง “Faculty of Economics of RUDN University” อย่าง “นายFarhad Ibragimov” ได้สรุปไว้กับสำนักข่าว “Al-Jazeera” นั่นแหละว่า การโดดเข้าร่วมสงครามใหญ่ของอิหร่าน น่าจะนำมาซึ่งความฉิบหายนานาประการที่แทบคาดเดาไม่ได้ เพราะเท่ากับบรรดาประเทศมุสลิมอย่างซีเรีย อิรัก กลุ่มประเทศอ่าว แม้แต่ตุรเคียและปากีสถาน ฯลฯ ย่อมมิอาจอยู่นิ่งเฉยได้อีกต่อไป โอกาสที่จะเกิดความปั่นป่วนวุ่นวายต่อ “ราคาพลังงานโลก” หรือความสับสน อลหม่านต่อเส้นทางการขนส่งพลังงาน ย่อมนำไปสู่ความพังพินาศฉิบหายของ “เศรษฐกิจโลก” ให้ต้องอุบัติขึ้นมานับแต่บัดนั้น...

ส่วนใน “แนวรบยุโรปตะวันออก” ก็ตกอยู่ในสภาพ “Russians are coming” หรือ “รัสเซีย...มาแล้ว!!!” ดังที่ได้เปิดฉากไว้เมื่อต้นสัปดาห์นั่นแหละ หรือการหันมาเปลี่ยน “หลักนิยมการใช้อาวุธนิวเคลียร์” ของรัสเซีย ช่วงวันพุธที่ 25 ก.ย.ที่ผ่านมา ก็ไม่ได้ต่างอะไรไปจากการ “ขีดเส้นตาย” ให้กับพวกโลกตะวันตก หรือถ้าว่ากันตามสำบัด-สำนวนของศาสตราจารย์นักวิจัยอาวุโสแห่ง “The Higher School of Economics” ของรัสเซีย อย่าง “นายDmitry Trenin” ก็คือ “คำเตือนครั้งสุดท้าย!!!” ของรัสเซียต่อโลกตะวันตกนั่นเอง...

และถ้าผู้นำโลกตะวันตกอย่างคุณพ่ออเมริกาไม่คิดจะสนใจ หรือคิดจะทำอย่างที่อดีตนายกรัฐมนตรีหัวกระเซิงแห่งอังกฤษ “นายBoris Johnson” ได้เปิดเผยเอาไว้ในข้อเขียน บทความ ถึง “แผนการแห่งชัยชนะ” ของ “นายVolodymyr Zelensky” ผู้นำยูเครน ที่ได้นำเสนอต่อผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่างอเมริกาไว้ถึง 3 ข้อใหญ่ๆ ด้วยกัน คือต้องหาทางสนับสนุนทางการเงินต่อยูเครนอีกไม่น้อยกว่าครึ่งล้านล้านดอลลาร์ หรือหนึ่งล้านล้านดอลลาร์ ต้องตัดสินใจอนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียได้ทุกเมื่อ ทุกพื้นที่ ต้องออกแรงกดดัน เกลี้ยกล่อม บรรดาประเทศ “NATO” ทั้งหลายรับประเทศยูเครนเข้าไปเป็นสมาชิกโดยฉับพลัน-ทันที อันนี้...ต้องเรียกว่าโอกาสที่จะ “เตร๊งเตรง-เตร่งต๋อย...ไฟไหม้มูลฝอยดังพรึ่บบ์บ์บ์” ย่อมต้องอุบัติขึ้นมาอยู่แล้วแน่ๆ!!! ด้วยเหตุนี้หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะคิด ที่ทำให้เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมาผู้นำรัสเซียประธานาธิบดี “ปูติน” ท่านเลยลงนามในคำสั่งระดมทหารเกณฑ์รัสเซียเพิ่มขึ้นอีก 130,000 นาย นับตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. ถึง 31 ธ.ค. เป็นต้นไป อันทำให้สีสันบรรยากาศของแนวรบด้านนี้ ย่อมสามารถระเบิดตูมๆ ตามๆ ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ...

ส่วน “แนวรบในทะเลจีนใต้” นั้น...ก็ใช่ว่าจะเงียบๆ เฉยๆ แต่อย่างใด เพราะนับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม (27-29 ส.ค.) ที่คณะกรรมการกลางโปลิตบูโรแห่งพรรคคอมมิวนิสต์จีน เขาได้ลงทุนเชื้อเชิญที่ปรึกษาฝ่ายความมั่นคงทำเนียบขาว “นายJake Sullivan” ให้ไป “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน” ถึงในเมืองจีน หรือเชิญไปพูดคุยกันในแบบ “ทหารต่อทหาร” (military-to-military communications) ในการประชุมครั้งนั้น...รองประธานคณะกรรมาธิการทหาร อย่าง “พลเอกZhang Youxia” ท่านก็ได้ย้ำเอาไว้ในที่ประชุมแบบเสียงดัง-ฟังชัดไว้แล้วนั่นแหละว่า... “วอชิงตันจะต้องหยุดสมคบคิดทางทหารกับไต้หวัน หยุดติดอาวุธ และหยุดสร้างข่าวลือแบบผิดๆ โดยเด็ดขาด!!!” เพราะ “แม้ว่าจีนจะพยายามรักษาสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวันมาโดยตลอด แต่ต้องขอเตือนเอาไว้ด้วยว่า...สิ่งเหล่านี้อาจเป็นไปไม่ได้ถ้ายังมีความพยายามแบ่งแยกไต้หวันออกไปจากจีน...”

แต่ล่าสุดกลับปรากฏว่า...คำเตือนที่ว่านี้ น่าจะเข้าหูซ้ายแล้วทะลุออกไปหูขวาของผู้นำอเมริกาอย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” หรือ “โจ ล้างเผ่าพันธุ์” ก็แล้วแต่จะเรียก แบบชนิดแทบไม่เหลืออะไรติดหูไว้เลยแม้แต่น้อย เพราะท้ายที่สุดอเมริกายังคงตัดสินใจ “ติดอาวุธ” ให้กับไต้หวัน หรือยังส่งความช่วยเหลือทางทหารที่มีมูลค่าสูงสุดอีกครั้งเท่าที่เคยมีมา จำนวนประมาณ 567 ล้านดอลลาร์ หรือเกือบ 2 เท่าของความช่วยเหลือทางทหารที่เคยมอบให้กับไต้หวันเมื่อปีที่แล้ว (345 ล้านดอลลาร์) ส่งผลให้โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน “นายLin Jian” ต้องออกมาป่าวประกาศเมื่อช่วงวันจันทร์ที่ผ่านมา (30 ก.ย.) ด้วยถ้อยคำที่ว่า...“ความเป็นอิสระของไต้หวันนั้น ได้มาถึง...จุดจบ...ที่ไม่มีทางออก-ทางไปใดๆ อีกแล้ว และการที่สหรัฐฯ ยังคงดื้อดึงที่จะสนับสนุนการใช้กำลังทหารของไต้หวันต่อไป ก็เท่ากับเป็นการหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่ผลลัพธ์เหล่านี้จะนำมาซึ่งความเจ็บปวด ระทมทุกข์ ต่อสิ่งที่อเมริกาได้เพียรพยายามสร้างเอาไว้...”

และในวันเดียวกันนี้...หรือวันครบรอบ 75 ปีของประเทศสาธารณรัฐประชาชนจีน ผู้นำจีนอย่างประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ชักทำท่าว่าไม่คิดจะดำรงตนเป็น “สี ทนได้” อีกต่อไป ด้วยการออกมาประกาศถึง “การต่อต้านกิจกรรมการแบ่งแยกดินแดนทุกรูปแบบของผู้สนับสนุนเอกราชไต้หวัน” ด้วยคำพูดที่ว่า... “การรวมชาติให้สมบูรณ์เป็นความปรารถนาร่วมกันของชาวจีนอันเป็นแนวทางที่มิอาจปรับเปลี่ยนได้ เป็นเรื่องของความยุติธรรมและเป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน ที่ย่อมไม่มีใครสามารถหยุดยั้งการเดินหน้าของประวัติศาสตร์ได้เลย...”

นี่...สรุปเอาเป็นว่า ภายใต้ภาวะที่โลกใบนี้แทบไม่ต่างไปจาก “ถังดินระเบิด” ดังที่เลขาธิการสหประชาชาติท่านอุปมา-อุปไมยไว้เมื่อวัน-สองวันมานี้ โอกาสที่ทุกๆ แนวรบนั่นแหละย่อมสามารถระเบิดตูมๆ ตามๆ ขึ้นมาได้ทุกเมื่อ ด้วยเหตุเพราะมหาอำนาจสูงสุดแห่งโลกอย่างคุณพ่ออเมริกา ภายใต้การนำของผู้เฒ่าเอ๋อ คุณปู่ “โจ ซึมเซา” และพันธมิตรผู้กระหายสงคราม อย่างอังกฤษ อิสราเอล หรือ “แก๊ง 3 อ.” ต่างมุ่งมั่นเพียรพยายามที่จะ “จุดไม้ขีด” ก้านแล้ว-ก้านเล่าชนิดมิรู้เบื่อ ไม่ได้คิดจะลด-ละ-เลิกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ดังนั้น...ไม่ว่าจะเป็นแนวรบยุโรปตะวันออก ตะวันออกกลางหรือทะเลจีนใต้ต่างมีสิทธิที่จะเป็น “จุดเริ่มต้น” ของ “ไฟนรกสุดขอบฟ้า” อันจะลุกลามบานปลาย เผาผลาญโลกทั้งโลกให้กลายเป็นเถ้าถ่านไปได้ด้วยกันทั้งสิ้น ทั้งปวง นั่นแล...


กำลังโหลดความคิดเห็น