สามารถหลบรอดจากการ “ลอบสังหาร” มาได้ถึง 2 ครั้ง 2 ครา...ก็ต้องถือว่า “ดวงแข็ง” เอามากๆ สำหรับอดีตผู้นำอเมริกันและผู้ลงสมัครแข่งขันชิงตำแหน่งประธานาธิบดีปีนี้ อย่างเช่น “ทรัมป์บ้า” แต่จากข่าวความพยายามลอบสังหารคราวล่าสุดจะช่วยพลิก ช่วยเปลี่ยนการเมืองอเมริกา จากหน้ามือเป็นหลังตีน หรือหน้าตีนเป็นหลังตีน หรือไม่? ประการใด?...คงอาจต้องรอดูเดือนหน้า หรือเดือนตุลาคม ที่ผู้คนในทำเนียบขาวแห่งพรรคเดโมแครต เขาเคยออกข่าวลือ ข่าวลวง เอาไว้ก่อนล่วงหน้า ช่วงเดียวกับที่ผู้นำรัสเซียเดินทางไปเยือนเกาหลีเหนือครั้งหลังสุด ว่าอาจเกิดฉากเหตุการณ์ระดับที่เรียกๆกันว่า “October Surprise” หรือเหตุการณ์อันน่าตื่นตะลึงพรึงเพริดที่อาจมีผลต่อการเลือกตั้งอเมริกาแบบไหน? อย่างไร? ก็มิได้ระบุรายละเอียดเอาไว้ชัดเจน จนคงหนีไม่พ้นต้องหันมา “จินตนาการ” กันเอาเอง...นั่นแล...
แต่ที่แน่ๆ ก็คือ...ปลายเดือนกันยายนที่จะถึงนี้ “ตัวตลก-ตัวแทน” อย่าง “นายVolodymyr Zelensky” ประธานาธิบดียูเครนมีกำหนดการที่จะเข้าพบปะหารือกับผู้นำอเมริกันคุณปู่“โจ ซึมเซา” หรือ “โจ เอ๋อ” ระหว่างเดินทางมาประชุมสหประชาชาติที่กรุงนิวยอร์ก โดยได้ออกข่าวไว้ล่วงหน้าด้วยว่า จะมานำเสนอ “แผนการแห่งชัยชนะ” (victory plan) ให้ผู้สนับสนุนรายใหญ่อย่างคุณพ่ออเมริกาได้รับรู้รับทราบ และอาจด้วยเหตุนี้นี่เอง...ที่ทำให้ผู้นำอเมริกาที่ได้พบปะกับผู้นำอังกฤษคนใหม่ นายกรัฐมนตรี “Keir Starmer” เมื่อไม่กี่วันมานี้ ตัดสินใจเลื่อนการหารือเรื่องอนุมัติให้ยูเครนสามารถใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกมอบให้ออกไปก่อน แต่นั่นก็ไม่ได้หมายถึงการเลิกล้มความตั้งใจที่จะ “ยั่วยวนกวนส้นตีน” หมีขาวรัสเซียเพราะถ้าดูจากกิริยาท่าทีของรัฐมนตรีต่างประเทศอเมริกัน“นายAntony Blinken” และรัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ “นายDavid Lammy” ที่เกี่ยวก้อยเดินทางไปเยือนยูเครนเมื่อเร็วๆ นี้ ไม่เพียงแต่จะประกาศสนับสนุนส่งเสริมเติมเงินช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและพลังงานให้ยูเครนอีก 700 ล้านดอลลาร์สำหรับฝ่ายอเมริกัน และความช่วยเหลือทางทหารและยุทโธปกรณ์อีก 800 ล้านดอลลาร์สำหรับอังกฤษ เพื่อให้สู้กับรัสเซียจนกว่าจะฉิบหายกันไปข้าง ทั้งสองฝ่ายยังอดไม่ได้ที่จะพูดถึงการอนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกมอบให้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย...
และโดยกิริยาท่าทีเช่นนี้นี่เอง...ที่ทำให้สื่อทางการของจีนอย่าง “Global Times” เขาเลยต้อง “ฟันธง” ไว้ในข้อเขียนบทความชิ้นล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (12 ก.ย.) ว่า...“US,UK want war : continue to fan the flames of the Russia-Ukraine conflict” หรืออเมริกาและอังกฤษนั้นต้องการ “สงคราม” แม้ด้านหนึ่งจะบอกว่าสนับสนุนการเจรจาหาข้อยุติความขัดแย้ง แต่อีกด้านหนึ่งกลับพยายามขยายและยกระดับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครนอย่างต่อเนื่องให้เป็นเรื่อง เป็นราวขึ้นมาให้จงได้ ไม่ต่างไปจากผู้เชี่ยวชาญชาวอเมริกันเองอย่าง “นายScott Bennett” อดีตเจ้าหน้าที่หน่วยสงครามจิตวิทยากองทัพสหรัฐฯ และนักวิเคราะห์ด้านการก่อการร้ายกระทรวงการต่างประเทศ ที่เห็นว่านี่แหละคือ “October Surprise”ในความหมายของพรรคเดโมแครต คือความพยายามยั่วยุขยายการโจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เพื่อให้เกิดการตอบโต้ อันไม่เพียงจะนำไปสู่การพลิกเกมในการเมืองอเมริกาเท่านั้น แต่ยังเป็นการกดดันคู่แข่งทางการเมืองอย่าง “ทรัมป์บ้า” ถ้าหากเป็นฝ่ายชนะเลือกตั้งขึ้นมา ไม่ให้คิดจะเปลี่ยนเกมไปเจรจากับรัสเซีย หรือคิดจะยุติความขัดแย้งดังกล่าวได้ง่ายๆ...
คือการใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของตะวันตกโจมตีเข้าไปในดินแดนรัสเซียนั้น...ก็อย่างที่หนังสือพิมพ์ “The Times” ของอังกฤษหรือผู้สื่อข่าวอาวุโสสำนักข่าว “เอเชียไทมส์” อดีตรองปลัดกลาโหมด้านนโยบายอเมริกา อย่าง “Stephen Bryen” ได้อธิบายไว้ในข้อเขียน บทความ เรื่อง “Biden, NATO effectively declaring war on Russia” หรือที่สำนักข่าว “ผู้จัดการ” ของหมู่เฮานำมาแปลและถ่ายทอดไว้ในชื่อเรื่อง “ไบเดน-นาโตกำลังประกาศสงครามกับรัสเซียที่จะขยายตัวกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3” เมื่อวัน-สองวันมานี้นั่นแหละว่า โดยขีดความสามารถทหารยูเครนล้วนๆ ไม่อาจใช้อาวุธร้ายๆ ชนิดนี้ได้เลย มีแต่ต้องอาศัยอุปกรณ์ เครื่องมือ ความเชี่ยวชาญของฝ่ายตะวันตกเท่านั้น ถึงสามารถ “กดปุ่มยิง” ได้ตามที่ต้องการแม้แต่จรวด “Storm Shadows” ของอังกฤษก็เถอะ อย่างที่“The Times” เขาได้อ้างคำพูดอดีตรัฐมนตรีกลาโหมรวมทั้งอดีตนายกฯ หัวกระเซิง อย่าง “นายBoris Johnson” ว่าถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือด้าน “ข้อมูล” จากดาวเทียมอเมริกาอาวุธร้ายๆ เหล่านี้ก็อาจถูกสกัดกั้น หรือถูกทำให้เบี่ยงเบนไปจากเป้าหมายโดยระบบป้องกันภัยทางอากาศของรัสเซียที่สามารถรบกวนสัญญาณการเดินทางของขีปนาวุธในแต่ละลูกได้เสมอ...
หรือเท่ากับ “ทหารอเมริกัน-อังกฤษ” นั่นแหละ...คือผู้ “กดปุ่มยิง” หรือผู้ใช้ขีปนาวุธเหล่านี้โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียอันเท่ากับถือเป็นการ “ประกาศสงครามโดยตรง” กับรัสเซียอย่างมิอาจปฏิเสธได้!!! และนั่นเอง...ที่ทำให้อดีตประธานาธิบดีรัสเซียและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ อย่าง “นายDmitry Medvedev” เลยต้องมาโพสต์ไว้ใน “Telegram” เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (14 ก.ย.) ประมาณว่า...รัสเซียนั้นมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ได้แสดงให้เห็นถึงความอดกลั้น เพียงแต่ความอดกลั้นนั้นๆ ไม่ได้ไม่มี “ขีดจำกัด” ใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ส่วนการ “ตอบโต้อย่างเหมาะสม” ภายใต้ “สถานการณ์ที่เปลี่ยนไป” ตามคำพูด คำเตือนของผู้นำหมีขาว ประธานาธิบดี “ปูติน” นั้น จะออกมาในแบบไหน? อย่างไร? อันนั้น...คงต้องคอยจับตากันดูอีกที แต่นั่นแหละ...ก็คือสิ่งที่จะนำมาซึ่งความหมายของคำว่า “October Surprise” ที่แหล่งข่าวในทำเนียบขาวได้ออกข่าวลือไว้ล่วงหน้า และผู้เชี่ยวชาญอย่าง “นายScott Bennett” ได้พยายามนำมาอธิบายไว้เมื่อไม่กี่วันมานี้...
อย่างไรก็ตาม...ความพยายามเล่นเกม “อันตราย” และ“เสี่ยง” แบบสุดๆ ของผู้สนับสนุนยูเครนอย่างอเมริกาและอังกฤษในลักษณะทำนองนี้ ดูเหมือนว่าประเทศเสาหลักในยุโรปตะวันตก อย่างเยอรมนีและฝรั่งเศสคงไม่น่าจะเอาด้วย หรือไม่คิดจะ “เห็นควรด้วย” เพราะต่างไม่อยาก “ด้วน” ไปด้วยกันทั้งสิ้น ดังที่ผู้นำเยอรมนี อย่าง “นายOlaf Scholz” ได้ออกมายืนยันแบบปากกล้าขาสั่น ที่เมือง “Prenzlau” ไปเมื่อวัน-สองวันนี้นั่นแหละว่า เยอรมนีไม่อนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลของเยอรมนี (Taurus) ยิงเข้าไปในดินแดนรัสเซียโดยเด็ดขาด เพราะอาจเป็น “ยกระดับสถานการณ์” จนอาจควบคุมไม่ได้ ส่วนฝรั่งเศสนั้น ถ้าว่ากันตามรายงานข่าวของหนังสือพิมพ์ “Le Monde” เมื่อช่วงวันเสาร์ที่ผ่านมา (14 ก.ย.)ที่ได้อ้างถึงคำพูดของสมาชิกในรัฐบาลฝรั่งเศสว่าฉากสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย มาถึงจุดที่ต้องได้รับการ “ไตร่ตรองอย่างสุขุมรอบคอบครั้งใหญ่” เนื่องจากอาจก่อให้เกิดการเผชิญหน้าโดยตรง ระหว่าง “รัสเซียกับNATO” ไม่ใช่แค่การปะทะขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับตัวตลก-ตัวแทนอย่างยูเครนอีกต่อไป และ... “เราจะต้องพยายามทำทุกอย่างเท่าที่เป็นไปได้เพื่อหลีกเลี่ยงสงครามโลกครั้งที่ 3” นี่...น่าหวาดเสียวสุดๆ ขนาดไหน คงต้องไปนึกภาพ ไปจินตนาการกันเอาเอง...
การนำเสนอ “แผนแห่งชัยชนะ” หรือ “victory plane” ของ“นายVolodymyr Zelensky” ผู้นำยูเครนต่อผู้ที่ยังคงดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกัน ไม่ว่าจะเอ๋อ-ไม่เอ๋อมากน้อยเพียงไหน อย่างคุณปู่ “โจ ซึมเซา” จะนำไปสู่ “การตัดสินใจ”ของอเมริกาและอังกฤษในการอนุมัติให้ใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลที่ฝ่ายตะวันตกจัดให้ โจมตีลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซียหรือไม่? ประการใด? คงต้องคอยจับตาอย่างมิอาจกะพริบตาได้เลยนับจากเดือนตุลาคมเป็นต้นไป เพราะมันอาจกลายเป็น “October Surprise” ที่สามารถพลิกเกม เปลี่ยนเกม ทั้งไม่ว่าสำหรับ“การเมืองอเมริกา” หรือ “การเมืองโลก” เอาเลยก็ไม่แน่เผลอๆ...อาจกลายเป็นข่าวใหญ่ ข่าวโต ยิ่งกว่าการ “ลอบสังหารทรัมป์บ้ารอบ 2” ไปซะอีก เพราะแม้ว่าผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีอเมริกันอย่าง “ทรัมป์บ้า” จะดวงแข็ง รอดพ้นความตายมาได้แบบหวุดๆ หวิดๆ แต่ถ้าหากต้องเจอกับฉากสถานการณ์การเผชิญหน้าโดยตรงระหว่าง “รัสเซียกับNATO” ขึ้นมาก่อนหน้านั้น โอกาสที่จะยุติสงคราม ความขัดแย้งระหว่างยูเครน-รัสเซีย ภายใน 24 ชั่วโมงอย่างที่เคยคุยโวโอ้อวดไว้ในระหว่างการหาเสียง ก็น่าจะยากยิ่งเข้าไปทุกที แม้แต่บรรดาพลโลกอย่างเราๆ-ทั่นๆ ทั้งหลาย ไม่ว่าจะดวงแข็ง-ดวงไม่แข็งก็เถอะ โอกาสที่จะรอดพ้น รอดตาย จากอภิมหาสงครามระดับโลก ก็ใช่ว่าจะเป็นไปได้ง่ายๆ สบายๆ...
ด้วยเหตุเพราะถ้าหาก “ช้างสาร” หรือ “อภิมหาอำนาจ”ในแต่ละขั้ว แต่ละฝ่าย หนีไม่พ้นต้องวัดตัดสินกันด้วยกำลังทหารเพียงลูกเดียวเท่านั้นเอง โอกาสที่บรรดา“หญ้าแพรก” ทั้งหลาย จะแหลกลาญ ยับเยิน ภายใต้ฝ่าตีนของช้างสารในแต่ละตัว ย่อมต้องมีความเป็นไปได้สูงยิ่งขึ้นไปเท่านั้น!!!