xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อประชาชนรู้ทันพรรคประชาชน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: สุรวิชช์ วีรวรรณ



ความพ่ายแพ้ของพรรคประชาชนทั้งในสนาม อบจ.ที่ราชบุรีและเลือกตั้งซ่อมที่เขต 1 พิษณุโลกนั้น อาจจะบอกไม่ได้เต็มปากนักว่า พรรคประชาชนกำลังจะเป็นขาลง เพราะทั้งสองพื้นที่นั้นถูกรุมโดยพรรคการเมืองหลายพรรค ต่างกับเลือกตั้งใหญ่ที่จะส่งตัวแทนมาสู้กันแบบพรรคใครพรรคมัน

แต่ต้องยอมรับว่าถึงตอนนี้กระแสของพรรคประชาชนที่มาจากพรรคอนาคตใหม่และพรรคก้าวไกลนั้นไม่ได้เหมือนเดิมแล้ว เพราะประชาชนจำนวนมากเริ่มตื่นรู้ว่า แนวทางของพรรคนี้จะนำพาประเทศไปสู่ความขัดแย้งและแตกแยก จนอาจจะนำประเทศไปสู่ความสูญเสียและโศกนาฏกรรมอย่างที่เกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

ที่สำคัญเท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชนคนใหม่นั้นไม่มีอะไรที่โดดเด่นที่จะดึงดูดใจประชาชน

ในยุคที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ นำพรรคนั้นเขาเป็นคนรุ่นใหม่ที่มาจากครอบครัวของเศรษฐีหมื่นล้านที่กระโจนลงมาเล่นการเมือง สร้างความตื่นตัวและสามารถสร้างกระแสความน่าสนใจได้มาก ด้านหนึ่งเพราะความแปลกใหม่ที่โดนใจคนที่อยากเห็นการเมืองเปลี่ยนแปลง อีกด้านก็เพราะเขามีฐานะเป็นเจ้าของสื่อที่ใช้เป็นเครื่องมือในการสร้างกระแสได้มากแล้วยังสามารถยึดครองสื่อกระแสใหม่ที่เป็นพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ได้ด้วย

ส่วนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่นำพรรคก้าวไกลชนะการเลือกตั้งในครั้งที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่า ปัจจัยสำคัญเกิดขึ้นเพราะคนจำนวนมากเบื่อรัฐบาลที่อยู่ภายใต้การรัฐประหาร พูดตรงๆ ว่าคนไม่น้อยที่เบื่อหน่ายรัฐบาลลุง และต้องการเห็นการเปลี่ยนแปลงจึงหันไปสนับสนุนพรรคก้าวไกลที่ด้านหนึ่งสามารถสร้างกระแสในสื่อใหม่จนเกิดอุปทานหมู่ว่า พรรคการเมืองพรรคนี้คือความหวังใหม่ที่จะนำพาสังคมไทยไปสู่อนาคต

อีกด้านต้องยอมรับว่า พิธามีความเป็นดาราเจ้าบทบาทพูดเก่งมีเสน่ห์ที่สามารถเรียกคะแนนจากประชาชนที่หลงใหลในภาพของเขาเป็นจำนวนมาก เปรียบเหมือนกับแม่ยกที่หลงใหลพระเอกลิเกประมาณนั้น ส่วนคนรุ่นใหม่ก็เหมือนกับการหลงใหลศิลปินเคป็อป ที่พร้อมทุ่มเททั้งทรัพย์และร่างกายให้รู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าเข้าเจ้าของศิลปินจนเข้าข่ายหมกหมุ่นและเสพติด ซึ่งเท้ง ณัฐพงษ์ไม่มีในส่วนที่พิธามีเลย

แต่พรรคก้าวไกลซึ่งมี สส.มากหลายคนก็ได้มาเพราะกระแสของพรรคไม่มีความสามารถแสดงบทบาทในสภาฯ หรือสื่อสารกับสาธารณชนเป็น สส.ที่โลกลืม มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถสื่อสารกับสังคมได้ข้อเสนอและข้อเรียกร้องส่วนใหญ่ของพรรคล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องที่ท้าทายต่อความคิดและโครงสร้างของสังคมไทย ไม่ได้มุ่งเป้าที่การกินดีอยู่ดีที่ประชาชนคาดหวังการแสดงออกของคนในพรรคถูกตั้งคำถามทำไมมีแต่จุดหมายที่จะนำประเทศไปสู่ความขัดแย้ง และเป้าหมายที่พรรคนี้จะนำพาประเทศไทยไปนั้นจะเป็นประเทศไทยที่ดีกว่าที่เป็นอยู่จริงๆ หรือ

ต้องยอมรับว่า เป้าหมายของพรรคประชาชนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิมอาจจะไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว นอกจากนั้นยังถูกสังคมตั้งคำถามว่า หากได้อำนาจรัฐไปแล้ว บุคลากรของพรรคประชาชนจะมีความรู้ความสามารถที่จะนำพาประเทศไทยหรือไม่ แม้จะมีความรู้ตามตำราจากการศึกษาที่จบมา แต่สิ่งที่น่าจะมีความสำคัญมากกว่านั้นก็คือการสั่งสมประสบการณ์

เพราะบุคลากรส่วนใหญ่ของพรรคนั้นยังมีประสบการณ์การทำงานที่น้อยมาก แม้แต่ในงานภาคเอกชนก็ไม่มีใครเคยมีประสบการณ์ในการบริหารที่นำพาองค์กรประสบความสำเร็จมาก่อน ไม่ต้องพูดถึงภาครัฐที่ต้องรับผิดชอบประเทศชาติและประชาชนซึ่งเป็นงานที่ยากและซับซ้อนกว่ามาก

สิ่งที่เห็นคือพรรคประชาชนพยายามทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับระบอบและอุดมการณ์ของรัฐ เช่น มีความคิดที่ท้าทายต่อการดำรงอยู่ของสถาบันกษัตริย์ สนับสนุนกลุ่มคนที่ออกมาเรียกร้องให้ปฏิรูปสถาบันกษัตริย์บนท้องถนน มีจุดมุ่งหมายที่ต้องการลดทอนบทบาทและสถานะของพระมหากษัตริย์ ทั้งที่พระมหากษัตริย์ทรงอยู่เหนือการเมืองไม่ลงมายุ่งเกี่ยวกับการเมืองมีแต่พระราชดำริเพื่อช่วยให้ประชาชนกินดีอยู่ดีซึ่งเป็นเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับอำนาจทางการเมืองหรือไปแทรกแซงการทำงานของรัฐบาล

พูดแบบชาวบ้านว่า สถาบันกษัตริย์ตั้งมั่นอยู่ในที่ที่ควรเคารพสักการะอยู่แล้ว จะเอาการเมืองไปยุ่งเกี่ยวทำไม ถ้าจะทำการเมืองก็มุ่งสร้างนโยบายที่จะทำให้ประชาชนกินดีและประเทศชาติเจริญถาวรวัฒนาก็พอ

นอกจากนั้นพรรคก้าวไกลยังมีปัญหากับสถาบันทหาร เช่นบอกว่า ทหารมีไว้ทำไม ทหารไทยรบกับใครก็ไม่ชนะ หรือบอกว่าไม่ต้องมีกองทัพถ้าผู้นำฉลาดพอ ซึ่งไม่รู้ว่าการพูดเหล่านั้นเกิดจากความรู้และความเข้าใจต่อบทบาทของทหารหรือไม่ มีความรู้ในกลยุทธ์การสงครามและการทหารหรือไม่ว่า ทำไมทุกประเทศต้องมีทหารเป็นองค์ประกอบสำคัญของความมั่นคงของประเทศ

ความพยายามในการเสนอให้ปฏิรูปกองทัพและลดกำลังทหารนั้น ไม่รู้เลยว่าเอาความรู้เรื่องการปฏิรูปกองทัพมาจากไหน มีการศึกษามาอย่างเข้าใจถ่องแท้และมีความรู้ในเรื่องบทบาทของทหารขนาดไหน หรือเอาความรู้ความเชี่ยวชาญมาจากไหนต่อการเสนอให้ปฏิรูปกองทัพที่ประกาศออกมา เช่นที่พูดว่าสมัยนี้เขาใช้เรือประมงรบกันนั้น เอาข้อมูลนี้มาจากไหน พูดออกมาเพราะมีข้อเท็จจริงรองรับหรือเป็นการพูดเพื่อต้องการเย้ยหยันกองทัพเท่านั้นเอง

แนวทางของพรรคประชาชนที่ส่วนใหญ่เป็นคนรุ่นใหม่จึงเป็นแนวทางที่ก้าวร้าวอวดดี นอกจากนั้นยังพยายามเข้าไปแทรกแซงยุ่งเกี่ยวกับกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้านเช่นพม่า หลายคนทำตัวเป็นพรรคฝ่ายค้านของรัฐบาลพม่าทั้งที่เป็นสส.ของประเทศไทยและรับเงินเดือนจากรัฐไทย ไม่เข้าใจถึงมารยาทที่แต่ละประเทศต้องไม่แทรกแซงกิจการภายในของประเทศอื่น รวมถึงต้องไม่ก้าวก่ายเขตอำนาจของประเทศอื่นซึ่งเป็นข้อตกลงที่ทุกประเทศปฏิบัติต่อกัน

แน่นอนมีคนรุ่นใหม่จำนวนมากที่ถูกมอมเมาให้เชื่อว่าพรรคประชาชนเป็นความหวังของคนรุ่นเขาที่จะนำพาประเทศไปสู่ความหวัง ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนหันไปสนับสนุนพรรคประชาชนตามลูกหลานของตัวเอง ทำให้ปัญญาชนและอาจารย์มหาวิทยาลัยที่มีความคิดปฏิกษัตริย์นิยมเริ่มมีความหวังว่า ความคิดและอุดมการณ์ของพวกเขาจะเป็นความจริง หรือปลุกคนรุ่นประวัติศาสตร์เดือนตุลาที่เคยมีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงระบอบของรัฐที่เป็นความฝันตกค้างอยู่ให้กลับมาเพริศพรายกระชุ่มหัวใจอีกครั้ง

แต่นับวันคนจำนวนมากก็เริ่มกระจ่างชัดในใจว่าหนทางของพรรคประชาชนนั้นมีแต่นำไปสู่ความขัดแย้งของคนในชาติถ้าพรรคนี้ได้อำนาจรัฐไปก็จะทำให้ประเทศไทยที่มีความเป็นอยู่ที่ดีอยู่แล้วเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมซึ่งไม่รู้ว่าจะนำพาชะตากรรมของคนในชาติไปทางไหน

การที่พรรคการเมืองถูกยุบพรรคทั้งสองครั้งนั้นก็เพราะล้วนแล้วแต่กระทำผิดทางกฎหมายและท้าทายระบอบและอุดมการณ์ของรัฐที่ทุกสถาบันของรัฐจะต้องต่อต้านและยับยั้ง การทำในสิ่งที่กฎหมายห้ามและถูกดำเนินคดีจึงเป็นเรื่องของหลักนิติรัฐไม่ใช่นิติสงครามอย่างที่ปลุกปั่นกัน

ความมุ่งหมายของพรรคประชาชนที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิมจะสำเร็จหรือไม่ หรือประชาชนจะตื่นรู้แล้วว่าหนทางที่พรรคประชาชนจะนำพานั้นจะนำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นคำตอบ
 
ติดตามผู้เขียนได้ที่
https://www.facebook.com/surawich.verawan
 


กำลังโหลดความคิดเห็น