หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
เห็นได้ชัดว่าการแถลงนโยบายของนายกรัฐมนตรีอุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตรนั้น ก็มาจากส่วนหนึ่งที่พ่อของเธอทักษิณ ชินวัตร กล่าวในงานแสดงวิสัยทัศน์ที่เครือเนชั่นจัดให้นั่นเอง งานนั้นเครือเนชั่นได้เงินแต่ทักษิณได้ประกาศศักดาให้เห็นว่า วันนี้เขาเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แม้จะเพิ่งพ้นจากสถานะนักโทษก็ตาม สะท้อนชัดเจนว่า เบื้องหลังรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ที่หลายคนสงสัยในความรู้ความสามารถก็คือทักษิณ
พูดกันตรงๆไปได้เลยว่า นายกรัฐมนตรีตัวจริงที่จะสิงในร่างของอุ๊งอิ๊งค์ก็คือ ทักษิณนั่นเอง
ความจริงเราก็รู้กันอยู่แล้วว่า พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคของทักษิณ ดังนั้นปฏิเสธไม่ได้หรอกว่าทักษิณไม่ได้แทรกแซงครอบงำครอบครองรัฐบาลชุดนี้ เพราะรู้กันว่าคนที่จัดตั้งรัฐบาลก็คือทักษิณ เพราะเขาเรียกหัวหน้าพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลทุกพรรคไปพบอย่างเปิดเผยในวันที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้เศรษฐาพ้นจากอำนาจ
คนบางคนอาจจะบอกว่าเป็นเรื่องดีที่ทักษิณนั่งบัญชาการอยู่หลังม่านของอุ๊งอิ๊งค์ เพราะอุ๊งอิ๊งค์ยังไม่มีความรู้ความสามารถประสบการณ์พอที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีได้ แต่เมื่อมีทักษิณกำกับอยู่ก็อาจจะทำให้สามารถบริหารประเทศให้ผ่านพ้นไปได้ แต่เราต้องไม่ลืมว่า ที่ผ่านมาทักษิณใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลอย่างไร ทักษิณเคยใช้อำนาจเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจของตัวเองอย่างไร ทักษิณเคยเอาผลประโยชน์ของชาติตอบแทนผลประโยชน์ส่วนตัวอย่างไร
รัฐมนตรีและข้าราชการภายใต้รัฐบาลของทักษิณมีจำนวนมากที่ถูกดำเนินคดีในข้อหาทุจริตและศาลพิพากษาให้จำคุกมาแล้ว
ไม่กี่วันก่อนเราก็เห็นแล้วว่า พล.ต.ท.นพ.โสภณรัชต์ สิงหจารุ แพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจที่คอยอธิบายกับสื่อว่าทักษิณมีอาการป่วยไข้ปางตายอย่างไรจึงต้องนอนรักษาตำรวจที่โรงพยาบาลตำรวจไม่ต้องติดคุกในเรือนจำจนพ้นโทษ ได้รับแต่งตั้งเป็น กรรมการอิสระ และกรรมการตรวจสอบ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน)(ปตท. ถือหุ้น 45%)ไม่รู้เหมือนกันว่า นายแพทย์ใหญ่จะมีความรู้ด้านพลังงาน หรือมีความรู้ความชำนาญเฉพาะด้าน(Skill Characteristics)ที่สอดคล้องกับธุรกิจและความต้องการของบริษัทที่ระบุไว้ในกฎบัตรของบริษัทในการสรรหาคณะกรรมการอย่างไร
การแต่งตั้งครั้งนี้ท้าทายสายตาของสาธารณชนความรู้สึกของสังคมที่เคลือบแคลงว่านี่อาจจะเป็นการเอื้อประโยชน์ต่างตอบแทนกัน แต่เพราะวันนี้ทักษิณคงคิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่มากจึงไม่ต้องกลัวครหาของใครอีกต่อไป และไม่กลัวด้วยแม้จะมีคนยื่นให้ป.ป.ช.ตรวจสอบว่า การนอนในโรงพยาบาลแทนคุกของทักษิณเป็นการป่วยทิพย์ก็ตาม
เราเรียกการใช้อำนาจอย่างไม่บันยะบันยัง การทุจริตเชิงนโยบาย การใช้อำนาจสร้างผลประโยชน์ทับซ้อน และการตอบแทนบุญคุณกันด้วยผลประโยชน์ของชาติว่า ระบอบทักษิณนั่นเอง ชัดเจนแล้วว่า การปกครองด้วยระบอบทักษิณกำลังจะกลับมาอีกครั้ง ซึ่งน่าสนใจว่า สุดท้ายแล้วจะมีใครติดคุกอีกหรือไม่
ผมเขียนบทความมาหลายตอนแล้วว่า ความจำเป็นที่ต้องพึ่งพาทักษิณในการรับมือกับพรรคประชาชน(ก้าวไกล)ก็คือ ความล่มสลายของฝ่ายอนุรักษนิยมที่ไม่อาจรับมือกับกระแสความเปลี่ยนแปลงที่กำลังท้าทายรูปแบบและระบอบของรัฐได้ ทางรอดก็คือ จับมือกันทักษิณเพื่อต้านทานพรรคการเมืองที่กำลังเป็นความหวังของคนรุ่นใหม่ คนชั้นกลางในเมือง และคนวัยทำงานที่มีจุดมุ่งหมายจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิม และศาลรัฐธรรมนูญชี้ชัดลงไปว่า พวกเขามีเป้าหมายต้องการเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์
ถ้าถามว่าอะไรเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้พรรคที่เป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐเติบโตก็ต้องยอมรับว่า เพราะการอยู่ในอำนาจอย่างยาวนานของรัฐบาลที่มาจากการรัฐประหารและสืบทอดอำนาจผ่านการออกแบบการเลือกตั้งให้ตัวเองได้ประโยชน์จนสามารถอยู่ในอำนาจได้นานถึง 9 ปีนั่นเอง แม้จะมีคนจำนวนไม่น้อยพึงพอใจและยังเรียกหารัฐบาลประยุทธ์ แต่ก็ต้องยอมรับว่า คนส่วนมากเขาต้องการเปลี่ยนแปลงจึงกลายเป็นชัยชนะอย่างท่วมท้นของพรรคก้าวไกล และต้องยอมรับว่าส่วนหนึ่งที่คนเลือกพรรคเพื่อไทยก็คิดว่าเป็นฝ่ายที่ยืนอยู่ตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษนิยมเช่นเดียวกัน
การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมานั้นพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามกับฝ่ายอนุรักษนิยมที่ประกาศตัวเองว่า เป็นฝ่ายประชาธิปไตยนั้นได้ที่นั่งรวมกับถึง 300 ที่นั่งจาก 500 ที่นั่ง สะท้อนถึงความต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงฝ่ายที่กุมอำนาจของประชาชนอย่างชัดเจนที่สุด แต่โชคดีที่หมากกลสุดท้ายที่คณะรัฐประหารวางเอาไว้กับคือ อำนาจการเลือกนายกรัฐมนตรีของวุฒิสภานั่นเองที่ทำให้พรรคก้าวไกลไม่อาจเข้ามายึดครองอำนาจรัฐได้ และสุดท้ายต้องจับมือกับทักษิณด้วยการแลกประโยชน์กับการที่ทักษิณไม่ต้องติดคุกแม้แต่วันเดียว
วันนี้อำนาจการต่อรองอยู่ในมือของทักษิณคนเดียว วันนี้นอกจากนักการเมืองและข้าราชการทุกคนต้องวิ่งเข้าหาทักษิณเท่านั้น แม้แต่กลุ่มทุนทุกกลุ่มในประเทศนี้ต่างก็วิ่งเข้าหาทักษิณทั้งสิ้น เจ้าสัวหลายคนต้องไปปรากฎตัวในงานแสดงวิชั่นของทักษิณที่เครือเนชั่นเป็นคนจัดเพื่อให้ทักษิณเห็นหน้าค่าตา
ดูเหมือนว่าวันนี้ทุกอำนาจฝากความหวังไว้กับทักษิณเพื่อรับมือกับความท้าทายของพรรคประชาชน น่าสนใจว่า หากเลือกตั้งครั้งหน้า ประชาชนตัวจริงที่มีอำนาจในการตัดสินชะตากรรมของประเทศมองว่า พรรคเพื่อไทยของทักษิณก็คือฝ่ายอนุรักษนิยมที่ต้านทานการเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงของพวกเขาไม่ใช่ฝ่ายประชาธิปไตยแล้ว ผลการเลือกตั้งจะสะท้อนออกมาอย่างไร แม้ทักษิณอาจจะสามารถรวบรวมบ้านใหญ่เข้ามาอยู่ในพรรคได้มาก แต่จะสามารถรับมือกับความร้อนแรงของพรรคประชาชนได้ไหมนั่นเป็นคำถามที่ต้องคิด
หรือแม้ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะสามารถต้านทานพรรคประชาชนเอาไว้ได้ ก็มีคำถามว่า เราจะรับมือไปได้อีกนานแค่ไหน
แม้เราจะรู้ว่า โดยความรู้ความสามารถของคนในพรรคประชาชน บุคลากรที่เราเห็นในพรรค จะทำให้เราไม่อาจคาดหวังได้เลยว่า พวกเขาจะนำพาประเทศชาติให้อยู่รอดไปหรือไม่ ส.ส.ในพรรคของพวกเขามีเพียงไม่กี่คนเลยที่มีความสามารถที่จะสื่อสารกับสังคมได้ แต่มีจำนวนไม่น้อยที่ไม่มีประสิทธิภาพเพราะไม่สามารถสื่อสารกับสังคม หลายคนเราไม่รู้เลยว่าคนเหล่านั้นเป็นส.ส. เพราะคนที่เลือกเข้ามาก็เข้าไปกาเพราะเป็นผู้สมัครของพรรคก้าวไกล แต่แทบไม่รู้เลยว่า มีความรู้ความสามารถอย่างไร เป็นใครและทำอะไรที่ไหนมาก่อน พูดได้ว่า ต่อให้พรรคก้าวไกลส่งเสาไฟฟ้าลงเลือกก็ไปกาให้ จนเราได้ส.ส.นักชิงทรัพย์มาคนหนึ่ง หลายคนอ่านตัวเลขหลายหลักๆไม่เป็น นี่แหละที่เป็นจุดด้อยของพรรคก้าวไกล
แน่นอนมีคนกลุ่มหนึ่งของพรรคที่มีบทบาทในการอภิปรายในสภาและสื่อสารกับสังคมแต่เป็นคนส่วนน้อยมาก จนบางคนเสนอทางออกว่า ถ้าจะทำให้พรรคก้าวไกล(ประชาชน)จบเร็วก็ต้องให้พวกเขาได้เข้ามาบริหารประเทศ เพราะไม่เชื่อว่า พวกเขาจะทำได้อย่างที่พูดนั่นเองแล้วจะถึงจุดจบในที่สุด แต่เมื่อพวกเขายังไม่ได้อำนาจรัฐ พวกเขาก็เลยกลายเป็นความหวังของประชาชนจำนวนไม่น้อยที่อยากเห็นการเปลี่ยนแปลง
แต่วันนี้เราเลือกที่จะอยู่กับทักษิณแลกกับการทำลายกระบวนการยุติธรรม คนที่เปิดทางให้ทักษิณกลับมาได้อย่างเท่ๆ ก็คือพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และวุฒิสมาชิกฝ่ายที่ยกมือให้พรรคของทักษิณเพื่อให้เศรษฐา ทวีสินเป็นนายกรัฐมนตรีก็คือ ฝ่ายของพล.อ.ประยุทธ์ แม้เราไม่อยากจะพูดถึงพล.อ.ประยุทธ์ที่มีสถานะหลุดพ้นจากการเมืองไปแล้ว แต่นี่เป็นความจริงที่ต้องยอมรับ และวันนี้พรรคการเมืองของพล.อ.ประยุทธ์ก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลของทักษิณ
แม้แต่คนที่เคยออกมาขับไล่รัฐบาลยิ่งลักษณ์ อย่าง สุเทพ เทือกสุบรรณ วันนี้ก็ส่งลูกเลี้ยงที้เคยร่วมขับไล่ยิ่งลักษณ์มาเป็นรัฐมนตรีในรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคอนุรักษนิยมเก่าแก่วันนี้ก็เป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ เสมือนว่าวันนี้ป้อมปราการด่านสุดท้ายของฝ่ายอนุรักษนิยมที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิม และเป้าหมายที่จะเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์กำลังถูกฝากความหวังไว้ในมือของทักษิณที่จะนั่งสั่งการอยู่หลังม่านของรัฐบาลอุ๊งอิ๊งค์ ไม่มีใครสนใจการใช้อำนาจของระบอบทักษิณที่ตัวเองเคยต่อสู้และชิงชังอีกต่อไป
แต่ถามว่าถ้าทักษิณยังเป็นทักษิณคนเดิมที่ใช้อำนาจอย่างฉ้อฉลแสวงหาประโยชน์จากการทุจริตเชิงนโยบาย แต่งตั้งคนของตัวเองเข้าไปอยู่ในตำแหน่งสำคัญ เพื่อตอบแทนผลประโยชน์ ประเทศไทยในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร และจะรับมือกับการเรียกร้องการเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายต่อระบอบและอุดมการณ์ของรัฐในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขอย่างไร
ติดตามผู้เขียนได้ที่https://www.facebook.com/surawich.verawan