เสือเฒ่าเจนสังเวียน โดนัลด์ ทรัมป์ พ่ายแพ้แทบหมดสภาพในศึกดีเบตรอบแรกกับนางกมลา แฮร์ริส จัดขึ้นที่เพนซิลเวเนียนาน 90 นาทีหลังจากการรณรงค์หาเสียงมีคะแนนคู่คี่มาโดยตลอด
บางช่วงนางแฮร์ริสซึ่งเป็นรองประธานาธิบดีภายใต้ผู้เฒ่าเอ๋อ โจ ไบเดนนำ 2-3 แม้ตอนแรกจะดูเป็นรองในความเป็นเสือร้ายทรัมป์
แต่กลายเป็นว่านางแฮร์ริสกลายเป็นนางสิงห์ร้าย ไล่ต้อนคู่แข่งของเธอในวัย 78 ปี โดยตลอดด้วยการล่อเหยื่อให้ทรัมป์ เข้าทางเพื่อให้เธอได้เชือดนิ่มๆ จังหวะท่าทางในการพูดและเสียงที่น่าฟังทำให้ดูดีกว่าเมื่อถูกนำพามาเปรียบเทียบอาการช่วงการปะทะคารม
ก่อนหน้านี้คนอเมริกันคิดว่านางแฮร์ริสพยายามจะเลี่ยงศึกดีเบต เพราะอาจจะสู้คารมคำเชือดเฉือนความปากร้ายของอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ เพราะเห็นว่าก่อนหน้าได้ทุบโจ ไบเดนจนหมดสภาพและถอนตัวออกจากการเป็นคู่ชิงประธานาธิบดี
ความพ่ายแพ้ของ โจ ไบเดน ในศึกดีเบต ทำให้กลุ่มนายทุนพรรคเดโมแครตกดดันให้ไบเดน ถอนตัวเพราะมองไม่เห็นทางชนะถ้าดีเบต ในรอบที่สองกับทรัมป์
ถือว่าเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่พรรคเดโมแครตตัดสินใจส่งนางแฮร์ริสเข้าสู้เพราะไม่มีเวลาหาตัวแทนอื่นและนางก็เป็นรองประธานาธิบดีด้วย
จากภาพที่ปรากฏต่อชาวอเมริกันจะเห็นได้ชัดว่าทรัมป์ กลายเป็นผู้ชรา ขณะที่นางแฮร์ริสโชว์ความสดใสและใบหน้ายิ้มแย้มตลอดเวลา ขณะที่คู่แข่งของนางทำท่าตีมึน ทำให้เห็นความแตกต่างระหว่างวัยชัดเจน
จากโพลโดยซีเอ็นเอ็นเห็นชัดว่าผู้ชมให้นางแฮร์ริส 73% ขณะที่เสือเฒ่าทรัมป์ ได้เพียง 37% ซึ่งทิ้งระยะห่างระหว่างช่วงการปะทะคารมระหว่างทรัมป์กับโจ ไบเดน
ซ้ำร้ายนักร้องซูเปอร์สตาร์ระดับโลก Taylor Swift ประกาศสนับสนุนนางแฮร์ริสทันทีที่จบการปะทะคารม เพิ่มโอกาสของนางแฮร์ริสที่จะชนะคู่แข่งในวันเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน
ด้วยบุคลิกที่แตกต่างกันความสดใสและความชราภาพ ซึ่งก่อนนี้เป็นอาวุธสำคัญที่ทรัมป์ ถากถางโจ ไบเดน คราวนี้กลายเป็นผู้ตกเป็นรองชัดเจน
ทั้งคู่ถกประเด็นซึ่งเกี่ยวกับคนอเมริกันและนโยบายของประเทศและทิศทางนานาชาติทั้งสงครามยูเครนและอิสราเอลกับปาเลสไตน์
นางแฮร์ริสแสดงให้เห็นความฉาดฉานจากความเป็นอดีตอัยการรัฐแคลิฟอร์เนีย ทำให้เหมือนเป็นการไล่ต้อนจำเลยในศาล ทรัมป์เองก็ไม่มีทางเลี่ยงเพราะถูกโจมตีโดยนางแฮร์ริสเป็นฝ่ายรุกตลอดเวลา
ฝ่ายนักวิเคราะห์บนหน้าจอทีวีก็ถือหางคนละฝ่าย แต่ก็มีส่วนหนึ่งที่ยอมรับว่าทรัมป์ อยู่ในสภาพเป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ทั้งการตอบคำถาม และการโต้ตอบประเด็นต่างๆ
ทรัมป์มีจุดอ่อนหลายเรื่องทั้งคดีอาญามากมายที่ยังอยู่ในศาลและนโยบายที่สร้างความเสียหาย รวมทั้งพฤติกรรมที่ไม่ยอมรับผลการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และการยุให้กลุ่มขวาจัดบุกเข้าอาคารรัฐสภา
นางแฮร์ริสได้หยิบจุดอ่อนเหล่านี้มาเตือนความจำของคนอเมริกันว่าทรัมป์เป็นคนอย่างไร และสหรัฐฯ จะอยู่ในสภาพอันตรายอย่างไรถ้าได้เขาเป็นผู้นำอีกรอบ
ความฉาดฉานในการตอบโต้และชักจูงประเด็นขุดบ่อล่อปลา ของนางแฮร์ริสทำให้บรรดานักสังเกตการณ์การเมืองเห็นว่าชั้นเชิงเธอไม่ธรรมดา แม้ในช่วงที่เป็นรองประธานาธิบดีไม่มีโอกาสแสดงบทบาทมาก
การตอบโต้ของทรัมป์ ไม่สามารถหักล้างข้อกล่าวหาได้ และตกเป็นฝ่ายรับตลอดและยิ่งเอาประเด็นนโยบายการทำแท้งมาถกกันก็ยิ่งทำให้นางแฮร์ริสได้เปรียบจากเสียงของบรรดาสตรีอเมริกัน
ศึกดีเบสครั้งนี้จัดขึ้นโดยสำนักข่าวทีวีเอบีซี แต่ก็ได้รับการถ่ายทอดจากช่องอื่นรวมทั้งซีเอ็นเอ็นและ BBC ซึ่งต่างก็เห็นว่านางแฮร์ริสเป็นต่อทั้งภาษากายและบุคลิก รวมทั้งท่าทีไม่หวาดหวั่น
จะมีดีเบตรอบสองหรือไม่ ซึ่งถูกเสนอว่าควรเป็นก่อนเดือนพฤศจิกายน แต่จากนี้ไปทรัมป์จะต้องปรับปรุงยุทธวิธีในการรณรงค์หาเสียงและย้อนไปดูเทปว่าตัวเองพลาดอย่างไรและนางแฮร์ริสดูดีกว่าอย่างไรโดยรวม
ถ้าไม่สามารถปรับปรุงและหาทางเอาชนะนางแฮร์ริสได้ เธอจะเป็นผู้หญิงคนแรกที่เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีเชื้อสายอินเดีย เป็นผู้นำชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก
ทรัมป์อาจประมาทเกินไปเพราะสีหน้าท่าทางไม่โดนใจรวมถึงแสดงความกังวลตลอดเวลา ขณะที่นางแฮร์ริสยิ้มแย้มพร้อมตอบโต้รวมทั้งแสดงสีหน้าสงสัยในคำอ้างของทรัมป์
ท่าทีเธอยิ้มแบบขบขัน ทำให้ทรัมป์แทบไม่มีทางลุ้น รอดูก็แล้วกันว่า จะสามารถพลิกเกมได้หรือไม่ในเวลาที่เหลืออยู่จนถึงวันเลือกตั้ง 5 พฤศจิกายน และวันนั้นชาวโลกจะรู้ว่าใครเป็นผู้นำสหรัฐฯ และจะมีอิทธิพลต่อทิศทางของโลกอย่างไร