xs
xsm
sm
md
lg

ยูเครนแค้นมองโกเลียที่รับปูติน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: โสภณ องค์การณ์


วลาดิมีร์ ปูติน
ความอยู่รอดของประเทศเหนือสิ่งอื่นใดและเป็นสิ่งที่รักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศ  และหลักการง่ายๆ มีอยู่ว่า มีมิตรใกล้บ้านดีกว่ามีเพื่อนห่างไกลบ้าน

เสียงเรียกร้องของชาติอื่นไม่มีความหมายถ้าจะต้องทำให้สร้างศัตรูหรือทำให้ประเทศต้องเสี่ยงกับความขาดแคลนปัจจัยสำคัญที่จำเป็นต่อชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนและโครงสร้างเศรษฐกิจ

ตัวอย่างให้เห็นคือพลังงานที่จำเป็นและถ้ามีพร้อมในราคาที่เป็นธรรม หาได้ง่ายย่อมถือว่าเป็นความสะดวกสบายต่อประชาชนและความมั่นคงด้านเศรษฐกิจ

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่าความอยู่รอดของประเทศสำคัญกว่าความเรียกร้องของคนอื่นหรือแม้กระทั่งกฎหมายระหว่างประเทศ บังคับใช้สมาชิกองค์กรต่างๆ เช่น สหประชาชาติหรือคณะมนตรีความมั่นคงหรือองค์กรอื่นๆ เช่นศาลโลก

ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียได้เดินทางไปเยือนเมืองหลวงของประเทศมองโกเลียเพื่อนบ้านเพื่อกระชับความสัมพันธ์ ทางการค้าและป้องกันไม่ให้ชาติอื่นเข้ามาตีสนิทจนเป็นภัยต่อตนเอง

ก่อนหน้านี้ยูเครนได้เรียกร้องให้รัฐบาลมองโกเลียทำการจับกุมปูตินโดยอ้างว่ามีหมายจับของศาลอาญาระหว่างประเทศและมองโกเลียก็เป็นประเทศที่มีสัตยาบันกับศาลอาญาระหว่างประเทศ

ปูตินประกาศล่วงหน้าก่อนเดินทางไปว่าไม่เดือดร้อนเพราะเชื่อว่ามองโกเลียเป็นมิตรที่ดี และก็เป็นอย่างที่คาดคิดไว้เมื่อปูตินไปถึงนครหลวงอูลานบาตอร์ ผู้นำมองโกเลียได้ปูพรมแดงต้อนรับปูตินพร้อมเดินตรวจพลกองเกียรติยศซึ่งจัดไว้ต้อนรับอย่างสมเกียรติ

การกระทำของมองโกเลียได้สร้างความเคียดแค้นให้กับผู้นำยูเครนเป็นอย่างมากและอ้างว่าจะหาหนทางเอาคืนให้ได้ ทั้งที่ประเทศของตัวเองกำลังพินาศย่อยยับเพราะรัสเซียโจมตีต่อเนื่องนานกว่าสองปีในสงครามระหว่างสองประเทศ โดยฝ่ายยูเครนได้รับการสนับสนุนจากสหรัฐฯ และพันธมิตรชาตินาโต

หลังจากนั้นผู้นำมองโกเลียได้อธิบายว่าต้องปฏิเสธคำขอของยูเครนเพราะมองโกเลียต้องพึ่งพาพลังงานทั้งน้ำมัน ก๊าซธรรมชาติ และไฟฟ้าจากรัสเซียซึ่งเป็นแหล่งสำคัญ และมองโกเลียไม่มีทางออกทางทะเล

นอกจากนั้นกฎบัตรของศาลอาญาระหว่างประเทศยกเว้นการจับกุมผู้ที่มีหมายจับ เช่นผู้มีเอกสิทธิ์การทูต ประเทศทั้งสองมีความสัมพันธ์อันดีและมีความจำเป็นเพื่อความอยู่รอด

ดังนั้นคำร้องของยูเครนจึงหมดท่า ปูตินและผู้นำมองโกเลียได้กระชับความสัมพันธ์ในช่วงการเยือนและยังได้ชวนมองโกเลียให้เข้าร่วมในกลุ่มบริกส์อีกด้วย เท่ากับว่ารัสเซียได้เพื่อนที่ใกล้ชิดอีกประเทศหนึ่งซึ่งสหรัฐฯ ไม่มีโอกาสได้เจาะเข้าถึงง่ายๆ

ถึงแม้มองโกเลียจะไม่ต้องพึ่งพลังงานจากรัสเซียแต่เมื่อไม่มีทางออกทางทะเลก็ไม่สามารถจะพึ่งพาใครได้ เพราะจีนซึ่งอยู่ทางตอนใต้เป็นมิตรกับรัสเซียและคงไม่ยอมให้เปิดทางออกสู่ทะเลได้

ดังนั้นมองโกเลียจำเป็นต้องเลือกเพื่อน ทางตอนเหนือคือรัสเซียซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล เพื่อนบ้านตอนล่างคือจีน ดังนั้นเมื่อถูกกระหนาบโดยพันธมิตรที่เหนียวแน่นระหว่างรัสเซียกับจีนมองโกเลียจึงต้องเลือกที่จะไม่สนใจคำขอของยูเครน

ต่างจากบางประเทศเช่นไต้หวัน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และฟิลิปปินส์ ซึ่งเลือกที่จะเป็นศัตรูกับจีน แต่เป็นมิตรกับสหรัฐฯ ซึ่งอยู่อีกซีกหนึ่งของโลก แม้จะมีกองทัพเรือตระเวนไปทั่วโลกก็ตาม

แต่สหรัฐฯ เป็นมิตรที่ไม่น่าคบ รบไม่เคยชนะใคร ตั้งแต่สงครามเกาหลี เวียดนาม อิรัก อัฟกานิสถาน และล่าสุดสมคบกับกลุ่มประเทศนาโต ต้องการทำลายรัสเซีย และยังสมคบกับอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์อย่างเหี้ยมโหดไร้ศีลธรรม

สหรัฐฯ ไปรบที่ไหน ที่นั่นมีแต่ความหายนะ และความสูญเสียของชีวิตประชาชน โดยที่สหรัฐฯ ไม่สนใจไยดีต่อผลที่จะตามมา อย่างเช่นเคมีฝนเหลืองที่ยังอยู่ในเวียดนามและประชาชนกว่า 200,000 คนต้องพิการตั้งแต่เกิดจนตาย

กับระเบิดในลาวและกัมพูชายังคงมีอยู่ทำให้คนและสัตว์เลี้ยงพิการโดยที่ไม่สามารถกวาดล้างได้หมดนับตั้งแต่สงครามสิ้นสุดในปี 1975 ในเวียดนาม

ทุกวันนี้ทั้ง 4 ประเทศใกล้จีนหายใจไม่ทั่วท้องเพราะคำยุยงของสหรัฐฯ ให้เป็นศัตรูกับจีนทั้งที่ตัวเองแทบจะเอาไม่รอดด้านเศรษฐกิจ การเมือง สังคม ประชาชนอเมริกันลดจำนวนชนชั้นกลาง คนไร้บ้านหลาย 100,000 คน รวมทั้งพวกติดยาเสพติดทุกเมือง

สังคมอเมริกันกำลังล่มสลายเพราะอาชญากรรมการขโมยข้าวของในห้างร้านทรัพย์สินสินค้าที่เจ้าหน้าที่บ้านเมืองไม่สามารถจัดการได้ ทำให้ห้างร้านต่างๆ ต้องปิดตัวลงเพื่อหนีปัญหาเพราะบ้านเมืองไร้กฎหมายบังคับใช้อย่างได้ผล

หลายประเทศในตะวันออกกลาง แอฟริกา และละตินอเมริกา เริ่มตีตัวออกห่างจากสหรัฐฯ เพราะถูกสังคมโลกเมินเฉยจากการสนับสนุนอิสราเอลให้ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์และหนุนให้ชาวสลาฟฆ่ากันเองระหว่างยูเครนกับรัสเซีย

สหรัฐฯ อยู่ได้เพราะเศรษฐกิจที่ต้องพึ่งพาการผลิตอาวุธสงครามเพื่อหารายได้และจะต้องยุแหย่ให้ประเทศต่างๆ มีปัญหากันเพื่อให้เกิดความขัดแย้งและนำไปสู่สงครามซึ่งเป็นช่องทางที่ขายอาวุธได้

สหรัฐฯ ยังเป็นผู้ผลิตและจำหน่ายส่งออกอาวุธอันดับหนึ่งของโลก เป็นประเทศที่ค้าสงคราม มีฐานทัพมากกว่า 750 แห่งทั่วโลกและทำตัวเป็นเจ้าโลกคุกคามประเทศอื่นๆ สร้างพระเดชมากกว่าพระคุณ

นักค้าสงครามมักจะมีจุดจบเพราะสงครามไม่ว่าจะเป็นการสู้รบกันด้วยอาวุธหรือสงครามทางด้านเศรษฐกิจเพราะไม่มุ่งเน้นการสร้างมิตรแต่สร้างศัตรูไปทั่วโลก
 


กำลังโหลดความคิดเห็น