xs
xsm
sm
md
lg

อำนาจในกำมือทักษิณ กับเดิมพันสุดท้ายของประเทศ

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ


การเชิญทักษิณ ชินวัตร อดีตนักโทษที่ถูกจำคุกข้อหาทุจริตต่อแผ่นดินมาแสดงวิสัยทัศน์หลังการพ้นโทษไม่กี่วันนั้นน่าจะเป็นปรากฎการณ์ครั้งแรกของโลก และเป็นการจัดงานโดยสื่อมวลชนที่มีหน้าที่เป็นกระจกสะท้อนสังคมและเป็นตะเกียงส่องนำทางสังคมนั้นก็สามารถอธิบายได้เป็นอย่างดีว่าสื่อค่ายนี้มีจุดยืนต่อความถูกต้องอย่างไรและบรรทัดฐานของสังคมที่ต้องคบหาคนดีนั้นน่าจะเปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งสำคัญที่น่าจะยึดถือมากกว่าคือ ผลประโยชน์ที่จะได้รับ

ไม่รู้เหมือนกันว่า เราจะสอนลูกหลานของเราอย่างไรว่า โตไปไม่โกง เพราะคนโกงได้รับการยกย่องจากสื่อมวลชนเสมือนกับวีรบุรุษของประเทศทั้งๆ ที่เพิ่งพ้นโทษจำคุกออกมา

วันนั้นทักษิณที่ต้องโทษจำคุกคดีโกงแผ่นดิน 8 ปี(ไม่นับคดีทุจริตที่ดินรัชดา 2 ปีที่หมดอายุความไปแล้ว) และได้รับพระราชทานอภัยลดโทษเหลือเพียง 1 ปี และไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียวเพราะอ้างว่ามีอาการป่วยหนักปางตายต้องอยู่ใกล้ชิดแพทย์ ประกาศบนเวทีอย่างย่ามใจว่า เขาเดินทางมาถึงประเทศไทยช้าไป 6 เดือนเพราะไปเสียเวลาอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ แบบไม่สะทกสะท้านว่า การไม่ติดคุกและไปนอนที่โรงพยาบาลตำรวจนั้นกำลังจะถูกสอบสวนอยู่เหมือนกับมั่นใจว่า ไม่มีใครสามารถเอาผิดกับเขาได้สำหรับทักษิณแล้วเรื่องนี้เป็นเพียงมุกตลกเท่านั้นเอง

ไม่มีร่องรอยของความละอายต่อบาป ไม่มีร่องรอยของความสำนึกต่อความผิดที่ได้กระทำลงไปต่อแผ่นดิน มีแต่โทษและกล่าวหาว่า ถูกกลั่นแกล้งและไม่ได้รับความเป็นธรรม เหมือนเป็นความผิดพลาดของทุกองคาพยพในประเทศนี้ที่ได้กระทำต่อทักษิณลงไป

สื่อมวลชนเจ้าภาพประสบความสำเร็จในการจำหน่ายโต๊ะและได้รับสปอนเซอร์จำนวนมาก ส่วนอดีตนักโทษได้สร้างภาพให้สังคมเห็นว่าตัวเองยังมีความยิ่งใหญ่ที่มีคนนับหน้าถือตาและให้เกียรติเยี่ยงบุคคลสำคัญ นักธุรกิจยักษ์ใหญ่หลายคนต้องเดินทางมาร่วมงาน รวมไปถึงแขกที่ปรากฏตัวในงานคืนนั้น เพื่อแสดงให้เห็นว่า แม้จะหลบหนีคดีทุจริตไปนานต้องร่อนเร่อยู่ในต่างประเทศ แต่วันนี้อำนาจทั้งหมดกลับมาอยู่ในมือของเขาในฐานะเจ้าของพรรคแกนนำร่วมรัฐบาล และประกาศตัวชัดแจ้งว่า เขาเป็น”ผู้ครอบครอง”นายกรัฐมนตรีซึ่งก็คือ แพทองธาร ลูกสาวของเขาในวัย 38 ปีซึ่งใครก็เชื่อว่านายกรัฐมนตรีตัวจริงที่อยู่หลังม่านก็คือทักษิณนั่นเอง

น่าสนใจว่าสิ่งที่ทักษิณครอบครองนั้นคือลูกสาวของเขาตามกฎหมายหรือครอบครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรี แต่โดยสถานะลูกสาวของเขาไม่น่าจะครอบครองได้แล้ว เพราะลูกสาวของเขานั้นบรรลุนิติภาวะมานานแล้ว มีอำนาจทางกฎหมายอย่างเต็มที่สามารถตัดสินใจทำอะไรต่างๆได้ด้วยตัวเอง ไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลจากพ่อแม่ในฐานะผู้ปกครองอีกต่อไป แม้ว่าการเป็นพ่อลูกกันจะเป็นเรื่องปกติที่ต้องมีการหารือพูดคุยและชี้แนะแก่กันก็ต้องไม่เกินเลยไปเพราะสิ่งที่ลูกสาวบริหารนั้นคือประเทศไม่ใช่สมบัติของตระกูลชินวัตร

แม้เราจะไม่มั่นใจในความรู้ความสามารถของนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่สองจากตระกูลชินวัตรซึ่งไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานที่ไหนมาก่อน และถูกตั้งข้อสงสัยในการสอบเข้ามหาวิทยาลัยที่ผลการสอบสองครั้งมีคะแนนเพิ่มขึ้นในครั้งหลังอย่างน่ามหัศจรรย์ไปพร้อมๆ กับข่าวข้อสอบรั่วในปีนั้น แต่วันนี้มีภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าเราจะชอบหรือไม่ก็ตามแต่เธอมาตามขั้นตอนของรัฐธรรมนูญ แม้รู้ว่าถ้าไม่ใช่เพราะเธอมีคุณสมบัติเป็นลูกของทักษิณเธอก็คงไม่มีวันนี้ และคงต้องรอดูว่า เธอจะมีความรู้ความสามารถแค่ไหนและจะเดินซ้ำรอยพ่อและอาที่ต้องหนีคดีทุจริตออกไปนอกประเทศอีกหรือไม่

แม้จะรู้อยู่ว่าจริงๆ แล้ววันนี้ประเทศบริหารโดยพรรคการเมืองของทักษิณที่เคยมีประวัติในการทุจริตจนติดคุกมาแล้วและทำให้รัฐมนตรีหลายคนติดคุก ดังนั้นรัฐบาลชุดนี้เท่ากับถูกกำกับโดยคนทุจริตโกงกินที่เพิ่งพ้นโทษ เพราะเราเห็นแล้วว่า คนที่จัดตั้งรัฐบาลตัวจริงก็คือ ทักษิณนั่นเอง เพราะเขาได้เรียกแกนนำพรรคการเมืองทุกพรรคเข้าไปพบที่บ้านภายหลังจากที่เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยให้พ้นจากตำแหน่งในเวลาไม่นาน

ไม่ปิดบังอำพรางว่าอำนาจอยู่ในมือของใคร ไม่สนใจขั้นตอนทางกฎหมาย ไม่สนใจว่าการกระทำนั้นจะเข้าข่ายความผิดทางกฎหมายหรือไม่ ไม่สนใจว่านั่นจะเป็นบรรทัดฐานที่ถูกต้องหรือไม่ ไม่ใส่ใจต่อเสียงครหาของสังคม

ทั้งการแสดงวิสัยทัศน์บนเวทีและความเห็นต่อสื่อก็ชัดเจนว่า เป็นการแถลงนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่นั่นแหละ ทักษิณเป็นคนกำหนดนโยบายให้รัฐบาลปฏิบัติตาม หลายนโยบายที่รัฐมนตรีที่รับผิดชอบยังไม่มีความชัดเจนว่าจะต้องทำอย่างไร ทักษิณก็สามารถอธิบายได้ชัดเจนว่า รัฐบาลจะดำเนินการต่อไปอย่างไรเช่น นโยบายดิจิทัลวอลเลต รวมไปถึงประกาศจะยึดสัมปทานรถไฟฟ้าคืนจากเอกชน เพื่อให้รัฐดำเนินการเองด้วย แสดงให้เห็นว่านายกรัฐมนตรีตัวจริงก็คือทักษิณนั่นเอง

การกล้ากลับเข้ามาประเทศอย่างมั่นใจและไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียวกับความเชื่อว่าถือดีลอยู่ในมือ ทำให้วันนี้ทักษิณมั่นใจในอำนาจของตัวเองมากกว่าเดิม คำพูดที่เขาส่งสัญญาณออกมานั้นสะท้อนถึงความเชื่อมั่นว่า วันนี้ไม่มีใครที่จะทำอะไรเขาได้ และเขาจะเป็นผู้กำหนดชะตากรรมของประเทศนี้ภายใต้รัฐบาลแพทองธารลูกสาวที่เป็นหุ่นเชิดของเขา

แต่อย่างไรก็ตามด้วยสถานะนายกรัฐมนตรี อุ๊งอิ๊ง แพทองธารจะต้องแสดงบทบาทนายกรัฐมนตรีต่อสาธารณชนหรือแม้แต่ไปร่วมการประชุมต่างๆในต่างประเทศในฐานะนายกรัฐมนตรี หลายคนกำลังห่วงว่า ระหว่างเธอกับอาของเธอคือยิ่งลักษณ์นั้นใครจะมีอาการน่าเป็นห่วงมากกว่ากัน มีการแสดงอะไรออกมาที่น่าขบขันและอับอายไหม เพราะการเป็นนายกรัฐมนตรีของยิ่งลักษณ์ที่ถูกตั้งคำถามถึงสติปัญญาและความสามารถนั้นทำให้เกิดเป็นบรรทัดฐานว่า เมื่อยิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้ดังนั้นไม่ว่าใครจะมีสติปัญญามากแค่ไหนก็คงจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้เหมือนกัน

ดูเหมือนว่าวันนี้ทักษิณจะมั่นใจมากว่า ผู้มีอำนาจในสังคมนี้ต้องพึ่งพาเขาและมีเขาคนเดียวเท่านั้นที่จะรับมือได้กับความท้าทายที่กำลังเกิดขึ้นในสังคมไทย วันนี้ใครต่อใครก็ต้องวิ่งหาเขาไม่ว่าจะเป็นนายทุน ขุนศึก หรือศักดินา ไม่นั้นกระแสของความเปลี่ยนแปลงที่ท้าทายระบอบและอุดมการณ์ของรัฐอาจจะเกิดขึ้นโดยเร็ว และเขาจะเป็นผู้หยุดยั้งกระแสนั้นเอาไว้สิ่งที่ปรากฏขึ้นและการแสดงออกของทักษิณผ่านคำพูดบนเวทีนั้นสะท้อนถึงความมั่นใจมากว่าเขาได้รับอาณัตินี้มา บอกให้สังคมรู้ว่าวันนี้อำนาจและความยิ่งใหญ่ของเขากลับมาอีกครั้งและมีมากกว่าเดิม

แต่หลายคนกำลังหวาดกลัวว่าความย่ามใจในอำนาจที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยมของทักษิณ และพฤติกรรมที่มาจากกมลสันดานของเขานั้น อาจจะลากให้ทุกอย่างพังครืนลงมาด้วย แม้ว่าการที่ลูกสาวของทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี อาจจะทำให้ทักษิณต้องใช้ความระมัดระวังในการใช้อำนาจที่ฉ้อฉลอย่างที่เคยเป็นมาในอดีต แล้วหวังว่าเขาจะใช้อำนาจอย่างยับยั้งชั่งใจเพื่อไม่ให้ลูกสาวของตัวเองจะต้องติดคุกก็ตาม

วันนี้ดูเหมือนผู้มีอำนาจในสังคมและสถาบันที่เป็นองค์กรหลักของสังคมไทยจะฝากความหวังไว้กับทักษิณเหมือนกับการเดิมพันครั้งสุดท้ายว่าประเทศจะไปต่อทางไหน ทักษิณจะรับมือกับความท้าทายและเสียงเรียกร้องของคนรุ่นใหม่ที่ต้องการการเปลี่ยนแปลงและความเท่าเทียมกันในสังคมได้ไหม ทักษิณจะทำให้คนรุ่นใหม่หันมามองว่าความหวังในการนำพาประเทศภายใต้รัฐบาลของเขายังมีหนทางที่ทำให้คนรุ่นใหม่ได้เติบโตแข่งขันกันได้อย่างยุติธรรมเท่าเทียมเป็นประเทศแห่งโอกาสของทุกคนโดยไม่ต้องพลิกฟ้าคว่ำแผ่นดินแบบที่พรรคการเมืองฝ่ายตรงข้ามให้ความหวังไว้ได้ไหม

ในทางตรงกันข้ามหากทักษิณยังไม่ทิ้งนิสัยและพฤติกรรมแบบเก่าที่มุ่งแต่แสวงหาผลประโยชน์ให้กับตัวเองและพวกพ้องกระแสเรียกร้องของคนรุ่นใหม่และความท้าทายสังคมไทยเพื่อจะเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไม่ให้เหมือนเดิมจะรวดเร็วและรุนแรงยิ่งขึ้น เมื่อถึงวันนั้นก็อาจจะสายเกินไปและทุกอย่างก็จะพังครืนลงมา

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น