xs
xsm
sm
md
lg

หนทางเดียวของ“สันติภาพ”ก็คือ“สงคราม”!!!

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Hassan Nasrallah เลขาธิการของฮิซบอลเลาะห์
ปิดท้ายสัปดาห์นี้...คงต้องขออนุญาตเริ่มต้นด้วยเรื่องปฏิบัติการแก้แค้น-เอาคืน หรือ “Operation Arbaeen” เฟสแรกของพวกนักรบ “Hezbollah” ต่ออิสราเอล เมื่อช่วงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (25 ส.ค.) และการฉวยจังหวะเปิดฉาก “ชิงโจมตีก่อน” (preemptive strike) ของกองทัพอิสราเอล ก่อนหน้าที่จรวดและโดรนจากเลบานอนจะสาดใส่เข้าสู่พื้นที่ภาคเหนือของตัวเอง จนแทบไม่อาจสรุปได้ว่า สุดท้ายแล้ว...ใครเจ๊ง-ใครฉิบหาย กันไปถึงขั้นไหนต่อขั้นไหน???

คือในเรื่องของ “สงคราม” นั้น...มันคงไม่ต่างไปจากการสาดน้ำรดกันนั่นแหละทั่น ใครเปียก-ใครไม่เปียก ใครเก่ง-ใครไม่เก่งใครที่สามารถสร้างความเจ๊ง ความฉิบหายให้กับฝ่ายตรงข้ามได้มาก-น้อยไปกว่ากัน โอกาสที่จะพิสูจน์ทราบกันให้ชัดๆ มันคงลำบาก ตราบใดที่ยังไม่มีฝ่ายหนึ่ง-ฝ่ายใดเจอ “หมัดน็อก” ระดับทรุดคาเวทีชนิดกรรมการต้องกรากเข้าไปนับแปด-นับสิบขณะที่ฝ่าย “Hezbollah” ประเคนจรวด “Katyusha” เข้าไปถึง 320 ลูก โดรนอีกเป็นร้อยๆ เข้าใส่พื้นที่เป้าหมายถึง 11 แห่งไม่ว่าค่ายทหาร “Ramot Naftali”, “Neveh Ziv”, ฐานปืนใหญ่ “Zaoura” ฐานทัพ “Meron”, “Zaatoum” ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรอีกเยอะแยะมากมาย แต่อิสราเอลเขากลับบอกว่า “เฉยๆ” ไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย แบบเดียวกับ “นักมวย” เจนเวทีที่แม้จะโดนขว้างขวา ขว้างซ้าย เข้าเต็มปาก-เต็มกราม แต่ก็พร้อม “เก็บอาการ” แถมพยักเพยิดแลบลิ้นปลิ้นตาหลอก ทำท่าคล้ายๆ อยากจะ “เอาอีกๆ” อะไรประมาณนั้น ดังที่ผู้นำอิสราเอล “นายBenjamin Netanyahu” ออกมาคุยโวหลังจากนั้นว่าการโจมตีเลบานอน “ไม่ใช่เรื่องที่จะจบกันเพียงเท่านี้” ยังจะมี “surprising blows” มีการตูมๆ ตามๆ ให้ต้องประหลาดใจตามมาอีกเมื่อไหร่? ตอนไหน? ก็ยังไม่แน่!!!

ไม่ต่างไปจาก “Hezbollah” ที่แม้ถูกเครื่องบินโจมตีกองทัพอากาศอิสราเอลนับร้อยๆ ลำ กรูเข้าถล่มโจมตีก่อนต่อเป้าหมายนับพันๆ แห่งในเลบานอน ไม่ว่าเมือง “Kfar Malaki”, “Beit Yahoun”, “al-Tayri”, “Wadi Salouqi” ฯลฯ และอะไรต่อมิอะไรชนิดแทบนับนิ้วไม่ไหว แต่ก็ยังคง “เบิร์ดๆ...สบายๆ” ยังมีเรี่ยว-มีแรงพอที่จะ “สมรักษ์ คำสิงห์” เตรียมจะเปิดฉากโจมตีเฟสสองอีกตอนไหน? เมื่อไหร่? ก็ยากที่จะคาดคำนวณได้ แต่สิ่งที่อาจจะมี “น้ำหนัก” อยู่มั่ง ตามราคาคุยของเลขาธิการทั่วไป “Hezbollah” “นายHassan Nasrallah” ก็คือการมุ่งที่จะโจมตี “เป้าหมายทางทหาร” ไม่ได้คิดสังหาร พล่าผลาญพลเรือน เพราะไม่ต้องการ “ขยายวงสงคราม” หรือสร้างความเจ็บ-ความแค้นให้มากมายเกินไปกว่านี้ ด้วยเหตุนี้สนามบิน “Ben Gurion Airport” ของอิสราเอลที่ปิดทำการชั่วคราว จึงสามารถเปิดให้บริการอีกไม่ช้า-ไม่นานหลังการโจมตีของนักรบเลบานอน และอันนี้นี่เอง...ที่ทำให้ “ข้อกล่าวหา” ในเรื่องการโจมตีหมู่บ้าน “Majdal Shams” ที่ฝ่ายอิสราเอลนำมาใช้เป็น “ข้ออ้าง” ในการลอบสังหารผู้นำทางทหาร “Hezbollah” “นายFuad Shukr” ถึงกรุงเบรุต พร้อมกับฆ่าพลเรือนตายไปนับสิบ บาดเจ็บร่วมร้อย ทั้งๆ ที่พวก “Hezbollah” ปฏิเสธเสียงแข็ง ว่าไม่ได้เป็นฝีมือของตัวเอง แต่เป็นการสร้างเรื่องของอิสราเอลเสียมากกว่า จึงเป็นอะไรที่คงต้องเงี่ยหูฟังอยู่ตามสมควร...

สำหรับอิหร่านที่ยังคง “เงื้อง่า-ราคาแพง” อยู่จนบัดนี้...อาจเพราะเป็น “มวยหนัก” ประเภทรุ่นเฮฟวี่เวทอะไรประมาณนั้น การแก้แค้น-เอาคืนต่อกรณีการลอบสังหารผู้นำฮามาส (Ismail Haniyeh) ในบ้านตัวเอง เลยต้องรอจังหวะ รอหมัดสอง เพราะต่างฝ่ายต่างมีศักยภาพพอที่จะ “โป้งเดียวปิดบัญชี” กันได้ง่ายๆ ยิ่งเมื่อผู้ที่เพียรพยายามปกป้องพันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์อิสราเอล โดยไม่ได้คิดจะสนใจความดี-ความชั่ว ความถูกต้อง-ยุติธรรมใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย อย่างคุณพ่ออเมริกา ท่านทุ่มทุน ทุ่มเท ขน “เรือบรรทุกเครื่องบิน” มาถึง 2 ลำ ไปจนเรือดำน้ำนิวเคลียร์ หรือทุ่มกำลังประมาณ 1 ใน 3 ของกองทัพเรือรวมทั้งเครื่องบินโจมตี เครื่องบินล่องหน ฯลฯ อีกต่างหาก อีกทั้งยังส่งรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางไปเยือนอิสราเอล 9 ครั้ง นับจากเหตุการณ์ 7 ตุลาคม (สงครามอิสราเอล-ฮามาส) ปีที่แล้ว เป็นต้นมา ส่งที่ปรึกษาทางทหารรวมทั้งประธานเสนาธิการไปให้คำปรึกษา ให้กำลังใจกันถึงที่ แถมยังพยายามพาดพิงไปถึงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของอิหร่านว่าอาจใกล้แล้วเสร็จรอมร่อ อันอาจถือเป็น “เงื่อนไข-ข้ออ้าง” ในการเปิดศึกโดยตรงกับอิหร่านขึ้นมาเมื่อไหร่? ตอนไหน? ก็ยังไม่แน่ ฯลฯ

หรืออาจไม่ใช่แค่อิหร่านต้องเจอกับอิสราเอลเท่านั้น แต่ยังอาจกลายเป็นการเปิดศึกโดยตรงกับอเมริกาเอาเลยก็เป็นได้!!! โดยเฉพาะเมื่อรัฐมนตรีกลาโหมอิสราเอล “นายYoav Gallant” ได้จับมือถือแขนประธานเสนาธิการอเมริกา “พลเอกCharles Q. Brown Jr.” ออกมาแถลงถึงความต้องการที่จะเตรียม “ความพร้อม” ในการโจมตีโครงการนิวเคลียร์อิหร่าน อะไรต่อมิอะไรเหล่านี้นี่เอง...ที่ทำให้มวยรุ่นใหญ่อย่างอิหร่าน เขาเลยต้องคิดหน้า-คิดหลังอยู่พอประมาณ กองกำลังหลักอย่าง “IRGC” (Iran’s Islamic Revolutionary Guard Corps) เลยต้องหันไปต่อสายกับบริษัทดาวเทียมของจีน อย่าง “Chang Guang Satellite Technology Co.” และ “MinoSpace Technology Co.” เพื่อยกระดับศักยภาพการโจมตีและการตอบโต้ของฝ่ายตรงข้าม อย่างชนิดละเอียด ประณีต เอามากๆ...

ส่วนในแนวรบยุโรปตะวันออก การแก้แค้น-เอาคืนต่อการบุกดินแดนรัสเซียในแคว้น “Kursk” นั้น คงต้องถือเป็น “ไฟต์บังคับ” ของคุณน้ารัสเซียอีกเช่นกัน เพราะถ้าดูจากผลสำรวจความคิดเห็นบรรดาชาวรัสเซียโดยสถาบัน “VTsIOM” อันถือเป็นเครือข่ายสถาบันวิจัยของรัสเซียเอง (Russia Public Opinion Research Center) ที่ออกมาเปิดเผยถึง “คะแนนนิยม” ของผู้นำรัสเซียอย่างประธานาธิบดี “ปูติน” ว่าลดฮวบฮาบลงไปถึง 3.3 เปอร์เซ็นต์ หลังการบุกรัสเซียเมื่อวันที่ 6 ส.ค.ที่ผ่านมา หรือจากที่เคยสูงถึง 88.5 เปอร์เซ็นต์ เหลืออยู่เพียง 73.6 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นเอง ด้วยเหตุนี้...การสาดจรวดถึง 127 ลูกและโดรนอีก 100 กว่าลำ กระหน่ำใส่ประเทศยูเครน เมื่อช่วงวันจันทร์ที่ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา จึงอาจถือเป็น “ส่วนหนึ่ง” ของความจำเป็นต้องแก้แค้น-เอาคืน แต่คงไม่ใช่ “ส่วนทั้งหมด” เพราะบรรดา “ผู้มีส่วนรับผิดชอบทุกๆ ราย” ที่จะต้องได้รับการลงโทษจากรัสเซียตามคำประกาศของผู้นำรัสเซีย ไม่ว่าคุณพ่ออเมริกาและพันธมิตรตะวันตก คงหนีไม่พ้นต้องใจเต้นตุ๊มๆ ต้อมๆ กันต่อไป ว่าจะเมื่อไหร่? ตอนไหน? ถึงคำประกาศดังกล่าวจะเป็นจริง-เป็นจังขึ้นมา...

อย่างไรก็ตาม...สำหรับแนวรบในทะเลจีนใต้ที่ยังไม่ถึงกับปึงปัง โครมครามอะไรมาก แต่การที่คณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนและรัฐมนตรีต่างประเทศ “Wang Yi” ได้ลงทุนเชื้อเชิญที่ปรึกษาความมั่นคงประจำทำเนียบขาวของอเมริกา “นายJake Sullivan” เดินทางไปเยือนจีนระหว่างวันที่ 27-29 ส.ค.นั้น ออกจะเป็นอะไรที่น่าสนใจเอามากๆ เพราะไม่เพียงแต่เป็นการเดินทางไปเยือนจีนเป็นครั้งแรกในรอบ 8 ปีของที่ปรึกษารายนี้เท่านั้น แต่การกำหนดการพูดคุยเจรจาวาระกันในเรื่อง “ยุทธศาสตร์” ระหว่างจีนและอเมริกา อันเป็นสิ่งที่เคยพูดคุยกันมาแล้วไม่รู้จะกี่ต่อกี่สิบรอบ แถมเวลาคุยเรื่องนี้ขึ้นมาเมื่อไหร่ยังต้องใช้เวลาทุ่มเถียงแบบหน้าดำ-หน้าแดง ครั้งละไม่ต่ำกว่า 10-12 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อย อันเนื่องมาจากความแตกต่างระหว่างความพยายามเป็น “โลกขั้วอำนาจเดียว” กับความต้องการที่จะเห็น “โลกหลายขั้วอำนาจ” ที่ทำให้จีนกับอเมริกาต้องหันหน้ากันคนละทาง-สร้างดาวกันคนละดวงมาโดยตลอด...

แต่การเชื้อเชิญที่ปรึกษาความมั่นคงอเมริกา อย่าง “นายJake Sullivan” มาพูดคุยสื่อสารแลกเปลี่ยนทางด้านยุทธศาสตร์คราวนี้ ถ้าว่ากันตามข้อเขียน บทความ บทบรรณาธิการของสื่อทางการจีนอย่าง “Global Times” ว่าด้วยเรื่อง “Sullivan’s China visit : the importance of correct understanding of China” เมื่อช่วงวันที่ 27 ส.ค.ที่ผ่านมา ก็คือการให้มา “รับฟัง...สิ่งที่ควรได้ยิน!!!” โดยเฉพาะในกรณีไต้หวันที่ถือเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องเน้นหนักในการพบปะพูดคุยในครั้งนี้ หลังจากที่รัฐมนตรีต่างประเทศและที่ปรึกษาความมั่นคงไต้หวันแอบไป “ประชุมลับ” กับอเมริกา เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี่เอง อันนี้นี่แหละ...ที่ทำให้ต้องนั่งคิด นั่งแปลความ ตีความประมาณ 4-5 ตลบเป็นอย่างน้อย ถึงอาจพอจินตนาการได้บ้างว่าโดยแนวโน้มของแนวรบทะเลจีนใต้นับแต่นี้ต่อไป จะเป็นไปในรูปไหน? แบบไหน?

คือสรุปรวมความแล้ว...ทุกๆ “แนวรบ” นั่นแหละทั่น ล้วนแต่ร้อนฉ่า ร้อนแรง ไม่น้อยไปกว่ากัน โอกาสที่จะเกิดการลดความตึงเครียด ลดการเผชิญหน้าระหว่างแต่ละฝ่าย แทบไม่ต่างอะไรไปจากการมองหา “แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์” อะไรประมาณนั้น อันทำให้ความหมายของคำว่า “สันติภาพ” เลยคงต้องเป็นไปในแบบที่ “อภิมหาพระ-ท่านพุทธทาสภิกขุ” ของหมู่เฮา เคยแปลความ ตีความ ไว้ในขณะที่ยังมีชีวิตอยู่นั่นแหละว่า หมายถึง “การยืดเวลาออกไป...เพื่อเตรียมรับมือกับสงครามใหญ่” ที่ยิ่งยืดออกไปเท่าไหร่? ก็ยิ่งเพิ่มความหนักหน่วง รุนแรง กว้างขวาง ใหญ่โต ยิ่งขึ้นไปเท่านั้น!!!


กำลังโหลดความคิดเห็น