ไม่มีใครคาดเดาได้ว่าผู้นำตัวตลกของยูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ คิดอย่างไรจึงส่งทหารชั้นดีประมาณ 10,000 นายบุกเข้าไปในแคว้นเคิร์สของรัสเซียหลังจากทำสงครามกันมานานกว่าสองปี
ผลที่ตามมาหลังจากการบุกในวันที่ 6 สิงหาคม กระทรวงกลาโหมรัสเซียรายงานว่ายูเครนเสียทหารไปเกือบ 7,000 นายพร้อมอาวุธสารพัดทั้งรถถัง 73 คัน รถช่วยทหารราบ 34 คัน ยานลำเลียงพลหุ้มเกราะ 62 คัน และยานช่วยรบอื่นๆ แบบหุ้มเกราะอีกกว่า 400 คัน รวมทั้งอาวุธทันสมัยที่สหรัฐฯ มอบให้ด้วย
ถือว่าเป็นการสูญเสียมหาศาลภายในเวลาสั้น โดยผู้นำยูเครนคิดว่าการบุกยึดดินแดนรัสเซียนั้นจะสร้างฉนวนป้องกันไม่ให้รัสเซียมีเวลาบุกพื้นที่อื่นและถอนกำลังมาช่วยสกัดกันการรุกของยูเครน
แต่รัสเซียดูเหมือนจะเดาแผนออก นอกจากจะไม่ถอนทหารมาสู่ในแคว้นเคิร์สแล้วยังใช้อาวุธทุกประเภทถล่มทหารยูเครนทั้งจรวด โดรน ขีปนาวุธ ไฮเปอร์โซนิก ระเบิดร่อน เครื่องบินทิ้งระเบิดและเครื่องบินขับไล่โจมตี
รัสเซียส่งทหารเข้าสกัดแต่ใช้อาวุธลูกยาวถล่มทหารยูเครนซึ่งไม่สามารถป้องกันตัวเองได้เพราะไม่รู้ว่าจะรบกับใครนอกจากตกเป็นเป้าอาวุธทุกชนิดที่รัสเซียถล่ม
ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โจ ไบเดนถึงกับครวญครางบอกว่าเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่รุนแรงมากด้วยรัสเซียนับตั้งแต่เริ่มสงครามในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2022 ก่อนหน้านั้นไม่กี่วันไบเดนได้อนุมัติการส่งอาวุธมูลค่า 125 ล้านดอลลาร์ ให้ยูเครนเพื่อเสริมการป้องกันภัยทางอากาศ
ทุกวันนี้ยูเครนยังต้องรอเครื่องบินเอฟ 16 จากสหรัฐฯ และประเทศพันธมิตรในนาโตแต่ก็ยังไม่ได้รับเพราะถึงแม้จะมาก็ไม่แน่ใจว่านักบินยูเครนจะมีความเชี่ยวชาญเพียงพอที่จะใช้งานเครื่องบินเอฟ 16 ได้หรือไม่
และอาวุธที่ให้มากับเครื่องบินนั้นจะทันสมัยเป็นรุ่นล่าสุดของเครื่องบินสหรัฐฯ หรือไม่เพราะมีความหวาดเกรงว่าอาวุธอาจจะถูกรัสเซียยึดไปถ้าเครื่องบินถูกยิงตก
ดังนั้น การหันสู่รอบสุดท้ายด้วยการบุกเข้าเมืองเคิร์สของรัสเซียนั้น แม้จะกินพื้นที่ในบางส่วน ก็ไร้ความหมายเพราะเป็นพื้นที่พลเรือนและรัสเซียได้อพยพคนออกไปมากกว่า 128,000 ราย จึงเป็นพื้นที่เปิดโล่งสำหรับการโจมตีด้วยอาวุธระยะไกล
ผู้นำยูเครนยังขอร้องสหรัฐฯ และกลุ่มนาโตให้ส่งอาวุธยิงวิถีไกลให้ลึกเข้าไปในดินแดนของรัสเซียเพื่อจัดการเป้าหมายเช่นคลังน้ำมัน คลังอาวุธ และจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญซึ่งรวมถึงโรงงานไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ด้วย
แต่ได้รับการปฏิเสธจากโฆษกกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ว่าการกระทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดการลุกลามนำไปสู่การสู้รบโดยตรงระหว่างกองทัพของนาโตและรัสเซีย
ในความเป็นจริงทุกวันนี้เป็นสงครามระหว่างนาโตนำโดยสหรัฐฯ และรัสเซียเพียงแต่ว่าทหารที่สู้รบนั้นเป็นชาวยูเครนแต่ก็มีส่วนหนึ่งซึ่งมีทั้งชาวอเมริกันและยุโรปแต่งกายเป็นทหารยูเครนเข้าร่วมสู้รบด้วย
ทั้งนี้เป็นเพราะว่ายูเครนได้สูญเสียทหารไปมากมายในการสู้รบและการหนีทหารเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางคนหนุ่มรุ่นใหม่หนีไปอยู่ต่างประเทศ และยังมีมาตรการบีบบังคับให้คืนกลับสู่ประเทศด้วยการไม่ยินยอมต่อพาสปอร์ตให้ชาวยูเครนในต่างประเทศ
การสู้รบอย่างหนักครั้งล่าสุดโดยที่รัสเซียถล่มด้วยอาวุธทุกประเภทถือว่าเป็นการเอาคืนยูเครนตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา หลังจากที่ยูเครนบุกเข้าแคว้นเคิร์ส และผู้นำรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน ก็ประกาศว่าจะไม่มีการเจรจากับผู้นำยูเครนซึ่งถือว่าหมดอายุและยังได้รับการเลือกตั้งใหม่
จากสภาพที่เป็นอยู่ยูเครนไม่มีทางชนะรัสเซียได้มีแต่จะใช้อาวุธของกลุ่มนาโตพร่องไปทุกวันโดยไม่มีโอกาสได้ผลิตเพิ่มเติม ด้วยการขาดแคลนวัตถุดิบและพลังงาน แม้กระทั่งสหรัฐฯ ก็ประสบปัญหาเช่นเดียวกัน
การเอาคืนของรัสเซียครั้งนี้หนักหนาสาหัสเพราะเป็นการโจมตีหลายเมืองพร้อมกันรวมทั้งกรุงเคียฟเมืองหลวง เพียงแต่ไม่ใช่เป็นเป้าหมายสำคัญทางประวัติศาสตร์แต่เล็งไปที่แหล่งพลังงานและสาธารณูปโภคที่จำเป็น
อนาคตของยูเครนจึงดูมืดมนเพราะโดนัลด์ ทรัมป์ คู่ชิงประธานาธิบดีประกาศว่าจะหยุดสงครามยูเครนในเดือนมกราคมปีหน้า ถ้าตัวเองชนะการเลือกตั้ง เพราะไม่เห็นประโยชน์ด้านใดที่สหรัฐฯ ต้องสิ้นเปลืองงบประมาณกับสงครามในยูเครนซึ่งเริ่มโดย โจ ไบเดน
สงครามจากนี้ไปคาดหมายว่ารัสเซียคงจะเร่งปิดเกมให้ได้ภายในปีหน้า เพราะถ้าปล่อยให้ยูเครนโจมตีพื้นที่ชั้นในของรัสเซียอาจจะสร้างความรู้สึกไม่ปลอดภัยให้กับประชาชนและเกิดความไม่พอใจกับผู้นำรัฐบาลได้
มีการทำนายอนาคตยูเครนว่าพื้นที่เคยกว้างใหญ่เป็นประเทศที่ใหญ่ที่สุดในยุโรปอาจจะต้องถูกแบ่งเป็นสามส่วน ส่วนแรกเป็นพื้นที่ซึ่งรัสเซียยึดได้ประมาณ 25% อย่างน้อย ส่วนที่สองอาจถูกครอบครองโดยชาติในยุโรป ซึ่งต้องการพื้นที่ของยูเครนตามประวัติศาสตร์
ส่วนสุดท้ายก็เป็นของชาวยูเครน ซึ่งจะมีประชากรเหลืออยู่มากน้อยเท่าไหร่ขึ้นอยู่กับระยะเวลาของสงครามเพราะตอนนี้มีเหลืออยู่ประมาณ 20 ล้านตน เพราะส่วนหนึ่งหนีไปอยู่ต่างประเทศ และส่วนหนึ่งอยู่กับรัสเซีย
ยูเครนอยู่ในสภาพเกือบสิ้นชาติ เพราะสงครามที่ไม่ควรจะเกิดขึ้นด้วยเหตุที่เลือกผู้นำขาดประสบการณ์เป็นเพียงอดีตดาวตลกบนจอทีวี และหลงเชื่อว่าจะเป็นสมาชิกนาโตและประชาคมยุโรป
นอกจากนั้นยังจะต้องใช้งบประมาณมหาศาลเพื่อฟื้นฟูประเทศและระบบต่างๆ ใครจะยอมควักเงินจ่ายให้เพราะทุกวันนี้ยูเครนก็มีหนี้จมหัวทั้งธนาคารโลก ไอเอ็มเอสและกลุ่มประเทศนาโตรวมทั้งสหรัฐฯ
น่าสงสารชาวยูเครนกว่าครึ่งล้านคน ซึ่งเป็นทั้งทหารและพลเรือนต้องเสียชีวิตด้วยสูญเปล่า เพราะการตัดสินใจผิดพลาด ยิ่งถ้ายังดึงดันทำสงครามต่อไปก็จะมีคนเสียชีวิตมากขึ้นรวมทั้งเสียดินแดนให้รัสเซีย
ผลร้ายของยูเครนคือ ตัดสินใจผิดพลาดและความโง่เขลาเบาปัญญา ของผู้นำประเทศ ที่นำพาชาติสู่หายนะ สุดท้ายคงหนีไปเสวยสุขอยู่ต่างประเทศ
ไม่มีใครรับผิดชอบแม้กระทั่งโจ ไบเดนหรือผู้นำในชาตินาโตสำหรับความหายนะของยูเครน