ในทันทีที่เศรษฐา ทวีสิน ต้องพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตามคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พรรคเพื่อไทยภายใต้การนำของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร ได้เชิญพรรคร่วมรัฐบาลประชุมหารือเกี่ยวกับผู้ที่จะได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่บ้านจันทร์ส่องหล้า และได้มีมติเสนอชื่อนายชัยเกษม นิติสิริ อดีตอัยการสูงสุด ซึ่งเป็นหนึ่งใน 3 แคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเพื่อไทย
แต่ต่อมาได้มีการเปลี่ยนจากนายชัยเกษมเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร และได้มีการเสนอให้สภาผู้แทนราษฎรให้ความเห็นชอบในวันที่ 16 สิงหาคม และได้ผ่านความเห็นชอบไปเรียบร้อยแล้วด้วยคะแนนเกินกว่ากึ่งหนึ่งคือ 240 เสียง และประธานสภาฯ ได้นำชื่อขึ้นทูลเกล้าฯ เพื่อทรงพิจารณาแต่งตั้ง และได้ทรงโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งลงมาเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันที่ 18 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงเป็นอันว่านางสาวแพทองธาร ชินวัตร ได้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 31 ของประเทศไทยโดยสมบูรณ์แล้ว
ต่อจากนี้ก็จะต้องรอดูว่าประเทศไทยภายใต้การบริหารของนายกฯ คนใหม่ จะดำเนินไปอย่างไร จะสานต่อจากอดีตนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน หรือไม่ โดยเฉพาะโครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต และโครงการให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ 99 ปี
แต่ที่น่าวิตกกังวลและห่วงใยต่ออนาคตทางการเมือง ทั้งของนางสาวแพทองธาร อันเป็นปัจเจกและทั้งของประเทศก็คือ การเข้าครอบงำและชี้นำทางบริหารจากคนรอบข้าง โดยเฉพาะจากอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร และทำให้เสี่ยงต่อการทำผิดกฎหมาย เสี่ยงคุก เฉกเช่นรัฐมนตรีและข้าราชการประจำหลายคนที่ผ่านมา โดยเฉพาะการคอร์รัปชันเชิงนโยบาย และการออกกฎหมายนิรโทษกรรมให้ครอบคลุมคดีมาตรา 112 ทั้งนี้อนุมานจากเหตุปัจจัยดังต่อไปนี้
1. การเป็นรัฐบาลในอดีตที่ผ่านมา ทั้งในยุคของอดีตนายกฯ ทักษิณ เอง และในยุคของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งอดีตนายกฯ ทักษิณ ชี้นำได้โดยตรง ได้มีการทุจริต คอร์รัปชันเชิงนโยบายหลายคดีถึงขั้นถูกฟ้องร้อง และต้องโทษจำคุก ทั้งตัวนายกฯ และรัฐมนตรีหลายท่านจนเป็นที่ประจักษ์ต่อประชาชนในประเทศ และต่างประเทศมาแล้ว
2. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร ยังไม่มีประสบการณ์ทางการเมือง และวุฒิภาวะในความเป็นผู้นำพอที่จะท้วงติงหรือทัดทานการเข้ามาแทรกแซงได้ดีพอ จึงเสี่ยงที่จะตัดสินใจผิดโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ได้
ดังนั้น ในความเห็นส่วนตัวของผู้เขียน จึงกังวลต่ออนาคตทางการเมืองของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร อันเป็นปัจเจกและอนาคตของประเทศโดยรวม
อีกประการหนึ่ง ถ้าฟังความเห็นบรรดาโหราจารย์ทั้งหลายด้วยแล้วยิ่งกังวลเพิ่มขึ้น เนื่องจากโหรส่วนใหญ่ทำนายไปในทิศทางเดียวกันว่าอยู่ได้ไม่นาน และจบลงด้วยจำใจต้องไป
ดังนั้น ผู้เขียนในฐานะโหรสมัครเล่นจึงได้นำดวงชะตาที่มีผู้นำมาเผยแพร่มาพิจารณาตามหลักวิชาโหราศาสตร์แล้วพบว่า ถ้าข้อมูลที่ปรากฏตามข่าวถูกต้องก็น่าเป็นห่วง เนื่องจากพื้นดวงเดิมมีจุดเปราะบางเช่น ดาวพุธตรีโกณราหูอยู่ในเรือนวินาศขาดความรอบคอบในการพูดจา และนำมาซึ่งศัตรู ดาวมฤตยูกุมเสาร์ ซึ่งเป็นกาลกิณีในเรือนที่ 4 เสี่ยงต่อการเจ็บป่วยด้วยโรคร้ายแรง และเสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง ดาวอังคารตรีโกณอาทิตย์คู่ศัตรู มีความขัดแย้งต่อผู้ใต้บังคับบัญชาได้ง่าย
ส่วนดาวจรในปี 2567-2568 ยิ่งน่าเป็นห่วง เนื่องจากเสาร์เล็งลัคนาจากนี้ไปจนถึงวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 เป็นดวงพินทุบาทว์และแถมยังทับดวงจันทร์ และพฤหัสฯ ในดวงเดิม ทำให้เกิดความหักเหเปลี่ยนแปลงได้ และสุดท้ายดาวมฤตยูทำมุมเล็งเสาร์ และมฤตยูเดิมทำให้เกิดวิกฤตศรัทธาเกิดปัญหาทางด้านหน้าที่การงานได้ โดยเฉพาะในช่วงกันยายน-ตุลาคม 2567 นี้
ดังนั้น ในฐานะเป็นคนไทยไม่ต้องการเห็นประเทศไทยวุ่นวาย ถ้าใครมีโอกาสทำดีได้ ก็ขอให้ทำดี และใช้โอกาสที่ได้รับทำความชั่วเพียงเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง ถ้าทำเช่นนั้นก็บอกได้คำเดียวว่า กรรมใคร กรรมมัน ก็แล้วกัน