หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ
การเป็นนายกรัฐมนตรีของอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ไม่ใช่เรื่องเหนือความคาดหมายเพราะคุณสมบัติสำคัญที่เธอมีอยู่ก็คือ เป็นลูกทักษิณ เช่นเดียวกับการได้เป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยคุณสมบัติที่ทำให้ได้รับโอกาสนี้ก็เพราะเป็นลูกทักษิณ
พรรคเพื่อไทยนั้นเป็นพรรคของทักษิณอย่างไม่ต้องสงสัย ดังนั้นทักษิณสามารถกำหนดใครก็ได้ขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรค และแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ถ้าไม่ใช่เพราะเป็นลูกทักษิณ อุ๊งอิ๊งจะมีคุณสมบัติใดที่จะขึ้นมาเป็นหัวหน้าพรรคและเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรีได้ เพราะเธอไม่เคยมีประสบการณ์ทำงานอะไรที่เด่นชัดมาก่อนในชีวิต พูดง่ายๆว่าไม่เคยทำงานที่ประสบความสำเร็จอะไรมาเลย แม้จะมีชื่อเป็นกรรมการและถือหุ้นในหลายบริษัทของตระกูลก็ตาม
แต่อุ๊งอิ๊งต้องรีบจัดการกับหุ้นที่ถืออยู่ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ ปี 2560 หมวด 9 ว่าด้วยการขัดกันแห่งผลประโยชน์ มาตรา 187 บัญญัติ รัฐมนตรีต้องไม่เป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัท หรือไม่คงไว้ซึ่งความเป็นหุ้นส่วนหรือผู้ถือหุ้นในห้างหุ้นส่วนหรือบริษัทต่อไปตามจำนวนที่กฎหมายบัญญัติ และต้องไม่เป็นลูกจ้างของบุคคลใด
พ.ร.บ. การจัดการหุ้นส่วนและหุ้นของรัฐมนตรี พ.ศ. 2543 บัญญํติ ห้ามรัฐมนตรีและคู่สมรส บุตรไม่บรรลุนิติภาะถือหุ้นเกิน 5% ของทุนจดทะเบียน หากประสงค์จะได้ประโยชน์จากหุ้นในส่วนที่เกินดังกล่าวต้องดำเนินการแจ้งให้ประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ ทราบภายใน 30 วัน ให้ นับจากวันรับตำแหน่ง และต้องโอนหุ้นให้นิติบุคคลบริหารจัดการให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน นับแต่วันที่แจ้ง
ดังนั้นอุ๊งอิ๊งยังมีเวลาที่จะจัดการกับหุ้นต่างๆที่เธอถืออยู่แล้วรอดูว่าเธอจะจัดการกับหุ้นของเธออย่างไร และคงไม่ใช่วิธีที่ทักษิณเคยใช้คือโอนหุ้นไปให้คนใช้กับคนขับรถ เพราะมีบทเรียนมาแล้ว แม้ศาลรัฐธรรมนูญจะชี้ว่าบกพร่องโดยสุจริตก็ตาม
ระบอบประชาธิปไตยไม่ใช่ระบอบการสืบทอดอำนาจแบบญาติโกโหติกาก็จริง แต่เจ้าของพรรคก็สามารถกำหนดให้ใครเข้ามามีบทบาทในพรรคอย่างไรก็ได้ เพราะในพรรคการเมืองไม่มีประชาธิปไตยที่แท้จริงขึ้นอยู่กับว่าเป็นพรรคของใคร พรรคเพื่อไทยเป็นของทักษิณ พรรคประชาชนเป็นของธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ พรรคภูมิใจไทยเป็นของเนวิน ชิดชอบ พรรคชาติไทยเป็นของตระกูลศิลปอาชา อาจจะมีพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่ไม่มีเจ้าของแต่ขึ้นอยู่ที่ว่าใครจะมีเสียงมากพอที่จะเข้ามายึดพรรคได้
เมื่อทักษิณวางตัวอุ๊งอิ๊งเป็นหัวหน้าพรรคเป็นแคนดิเดทนายกรัฐมนตรี ดังนั้นเป้าหมายของอุ๊งอิ๊งก็ต้องเป็นน่ายกรัฐมนตรีแน่ เพียงแต่ว่าไม่มีใครคิดมาก่อนว่า เศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีจะจากไปอย่างรวดเร็วจึงทำให้อุ๊งอิ๊งต้องขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีก่อนเวลาที่คาดหมายเอาไว้
แต่เมื่ออุ๊งอิ๊งเป็นแล้วหลายคนก็เชื่อว่า การไม่มีประสบการณ์มาก่อน นอกจากการเกิดมาเป็นลูกของทักษิณ และอายุที่ยังน้อยมาก ใครต่อใครก็เชื่อกันว่า นายกรัฐมนตรีตัวจริงก็คือ ทักษิณนั่นเอง
แค่ไม่กี่ชั่วโมงที่เศรษฐาถูกศาลรัฐธรรมนูญสอยลงมาจากตำแหน่ง ทักษิณก็เรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลทุกพรรคไปที่บ้าน ในขณะที่อุ๊งอิ๊งยังอยู่ที่ประเทศจีน มีการปล่อยข่าวออกมาในช่วงแรกว่าจะให้ชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดทอีกคนขจองพรรคเพื่อไทยเป็นนายกรัฐมนตรี แต่แล้วอุ๊งอิ๊งก็บินกลับประเทศในวันนั้น และมีข่าวในวันรุ่งขึ้นทันทีว่า ส.ส.พรรคเพื่อไทยต้องการให้อุ๊งอิ๊งเป็นนายกรัฐมนตรี คิดหรือว่า ส.ส.เพื่อไทยจะขัดคำสั่งของทักษิณได้ ถ้านั่นไม่ใช่ความประสงค์ของทักษิณเองนั่นแหละ
ทักษิณเคยมีประสบการณ์มาแล้วในการที่ให้คนนอกตระกูลมาเป็นนายกรัฐมนตรีในกรณีของสมัคร สุนทรเวช ดังนั้นระหว่างลูกสาวตัวเองกับชัยเกษมแน่นอนว่าทักษิณต้องเลือกลูกสาวตัวเอง และถ้าไม่ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีตอนนี้ก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสอีกไหม ถ้าจะไปฝากความหวังไว้กับการเลือกตั้งครั้งหน้าก็เป็นเรื่องที่ไม่แน่นอน
แม้ว่าคนจะเชื่อว่าจริงๆแล้วคนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหลังม่านก็คือ ทักษิณ แต่คนที่จะแสดงบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีหน้าม่านก็คือ อุ๊งอิ๊ง หลายคนห่วงว่าเธอจะแสดงบทบาทได้ดีไหมเมื่อเทียบกับยิ่งลักษณ์ อาของเธอ ที่ใครต่อใครบอกว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่แย่มาก จนพูดกันว่าถ้ายิ่งลักษณ์เป็นนายกรัฐมนตรีได้ใครก็เป็นได้ และวันนี้ก็กลายเป็นอุ๊งอิ๊งนี่ไง
นอกจากอายุยังน้อยมากและไม่มีประสบการณ์การทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันมาก่อนเลยนอกจากเป็นลูกทักษิณ เรื่องความรู้ความสามารถแม้จะเรียนจบมาจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และจบปริญญาโทมาจากประเทศอังกฤษ ก็ไม่มีใครมั่นใจว่า เธอจะใช้ความรู้ที่เรียนมามาใช้ในการบริหารประเทศได้ เพราะแม้แต่ธุรกิจในครอบครัวของเธอเองก็ยังไม่เคยบริหารมาก่อน ประสบการณ์ที่เห็นก็คือ เธอเคยไปเป็นเด็กฝึกงานที่ร้านฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่งเท่านั้นเอง
นอกจากนั้นก่อนที่เธอจะสร้างความภาคภูมิใจให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยในการเป็นศิษย์เก่าคนแรกที่ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรี ปีที่เธอเอนทรานซ์เข้ามหาวิทยาลัยนั้น มีข่าวเรื่องข้อสอบรั่ว และคณะกรรมการสอบสวนที่มีนายสุเมธ ตันติเวชกุล เป็นประธานได้สอบสวนแล้วยืนยันว่ามีข้อสอบรั่วจริง และมีข้อสรุปว่าพฤติการณ์ของ ศ.ร.ต.อ.วรเดช จันทรศร เลขาธิการคณะกรรมการอุดมศึกษาที่ได้เปิดดูข้อสอบและเอาข้อสอบมาเก็บไว้นั้นมีการกระทำผิดวินัย ฐานปฏิบัติหน้าที่ไม่เป็นไปตามระเบียบราชการ และมติคณะรัฐมนตรี
ไม่มีใครรู้หรือยืนยันหรอกว่าข้อสอบรั่วครั้งนั้นตกไปถึงมือของใครหรือไม่ แต่น่าประหลาดใจว่า ผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยวิชาต่างของอุ๊งอิ๊งเพิ่มขึ้นมาอย่างน่ามหัศจรรย์ “ภาษาไทย” จาก 52 เพิ่มเป็น 72, “สังคม” จาก 41.25 เพิ่มเป็น 67.5, “ภาษาอังกฤษ” จาก 64 เพิ่มเป็น 84 และ “คณิตศาสตร์ 2” จาก 27 เพิ่มเป็น 63 เป็นเรื่องผิดปกติมากที่การสอบสองครั้งของคนๆเดียวกันจะมีผลการสอบที่แตกต่างกันมากอย่างไม่น่าเชื่อ
เรื่องข้อสอบเอนทรานซ์รั่วในยุคที่ทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรี จึงเป็นรอบด่างดำของอุ๊งอิ๊งที่ทำให้หลายคนเคลือบแคลงแม้จะไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าคะแนนแต่ละวิชาของเธอที่เพิ่งขึ้นอย่างมหัศจรรย์นั้นมาจากปัจจัยอะไรระหว่างความรู้ความสามารถและสาเหตุที่ข้อสอบรั่วในปีนั้น
อีกประเด็นที่หลายคนกำลังขุดคุ้ยและปลุกวิญญาณของนางเนื่อม ชำนาญศักดากลับมาก็คือ ที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ ซึ่งศาลได้ตัดสินแล้วว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ธรณีสงฆ์ และเป็นเหตุให้ยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ สมัยที่ดำรงตำแหน่งปลัดกระทรวงมหาดไทยมีความผิดถูกตัดสินจำคุก เพียงแต่ถึงตอนนี้ยังไม่มีใครปฏิบัติตามคำสั่งของศาลในการคืนที่ดินกลับมาให้วัดธรรมิการามวรวิหาร วัดเองก็ไม่ได้ไปใช้สิทธิ์ เพราะได้ประโยชน์ไปจากการขายที่ดินแปลงดังกล่าวของมูลนิธิมหามกุฎราชวิทยาลัย ให้กับบริษัท อัลไพน์ เรียลเอสเตท จำกัด กับบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด ที่มีเสนาะ เทียนทองเป็นเจ้าของ
ขณะที่ในช่วงปี 2545 ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ภายหลังทักษิณและภรรยาได้ซื้อสนามกอล์ฟอัลไพน์ต่อจากเสนาะ ปัจจุบันพบว่า อุ๊งอิ๊งเป็นผู้ถือหุ้นที่ได้รับโอนจากทักษิณในบริษัท อัลไพน์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ จำกัด จำนวน 22,410,000 หุ้น ซึ่งมีคำถามตามมาหลังจากเธอได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีว่า จะคืนที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ให้กลับเป็นที่ธรณีสงฆ์ตามคำพิพากษาของศาลเมื่อไหร่ และมีคนตั้งข้อสังเกตว่ากรณีของอุ๊งอิ๊งนั้นคล้ายกับนางปารีณา ไกรคุปต์ ที่ถือครองที่ดินสปก.ต่อจากบิดาที่ศาลชี้ว่า คือครองโดยรู้ว่าไม่มีสิทธิ์ครอบครอง เป็นการกระทำผิดทางจริยธรรมอย่างร้ายแรงหรือไม่
อย่างไรก็ตามหลายคนเชื่อว่า ทักษิณต้องหาทางออกที่ดีที่สุดให้ลูกสาวแม้รัฐบาลของทักษิณและนอมินีจะทำให้รัฐมนตรีหลายคนติดคุกมาแล้ว รวมทั้งตัวเองและน้องสาวที่หนีไป แต่สำหรับลูกสาวทักษิณคงจะยอมให้เรื่องนั้นเกิดขึ้นไม่ได้ ดังนั้นเพราะเหตุนี้เชื่อว่า การฉ้อฉลและทุจริตเชิงนโยบายที่เคยเกิดขึ้นอาจจะไม่เกิดขึ้นมาอีกในยุคนี้ แม้เสียงส่วนใหญ่ตั้งคำถามกันว่า อุ๊งอิ๊งจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้นานสักแค่ไหนก็ตาม
ส่วนใครที่ไม่อาจยอมรับได้ที่ประเทศไทยกลับมาอยู่ในมือของทักษิณที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีหลังม่านของลูกสาวก็คงต้องทำใจยอมรับให้ได้ เพราะเราเรียกสิ่งนี้ว่าระบอบประชาธิปไตยแม้จะมีผลลัพธ์อย่างที่เห็นก็ตาม
ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan