คนสนใจการเมืองระหว่างประเทศ เฝ้ารอด้วยใจระทึกว่าใครจะเป็นผู้นำสหรัฐฯ ซึ่งยังคงถูกมองว่าเป็นชาติมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลก ระหว่างคู่ชิงซึ่งอยู่ในระดับคู่คี่กันอย่างน่าลุ้น
แต่สหรัฐฯ ก็อ่อนล้าหลังจากช่วยเหลือทั้งยูเครนและอิสราเอล คลังแสงพร่องเยอะและยังไม่มีการผลิตทดแทนอย่างจริงจัง ความพร้อมในการทำสงครามอยู่ในระดับต่ำทั้งขีดความสามารถด้วย
ผู้ชนะการเลือกตั้งจะมีผลกระทบต่อสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซีย และระหว่างอิสราเอลกับปาเลสไตน์ซึ่งมีตัวแทรกคืออิหร่านและพันธมิตรในตะวันออกกลางซึ่งล้วนแต่เป็นศัตรูกับอิสราเอล
โดนัลด์ ทรัมป์ อดีตประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้เชื่อมั่นว่าจะชนะโจ ไบเดนผู้เฒ่าวัย 81 ปี แต่เมื่อมาเผชิญคู่แข่งใหม่คือนางกมลา แฮร์ริส สถานการณ์เปลี่ยนไปแบบพลิกผัน เพราะทรัมป์กลายเป็นผู้ชราทันที แต่คู่แข่งอยู่ในวัย 59 ปี
จากโพลที่หลายฝ่ายทำมา ทั้งคู่ทำคะแนนไล่กันมา และมีหลายครั้งที่นางแฮร์ริส มีคะแนนนำ ทำให้ทรัมป์ต้องเปลี่ยนยุทธวิธีการหาเสียงและโจมตีเพื่อเอาชนะให้ได้
ความแตกต่างของทั้งคู่ก็คือทรัมป์ ให้การสนับสนุนอิสราเอลในการจัดการกับกลุ่มติดอาวุธฮามาส ให้สิ้นสุดก่อนที่ตัวเองจะรับตำแหน่งในทำเนียบขาวถ้าชนะ และจะหยุดสงครามระหว่างยูเครนกับรัสเซียด้วยการหยุดสนับสนุนยูเครน
ส่วนนางแฮร์ริสเรียกร้องให้มีการหยุดยิงระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์ ส่วนท่าทีจุดยืนเกี่ยวกับยูเครนและรัสเซียนั้น ไม่ชัดเจนแต่นางไม่สนับสนุนในการสงคราม
นี่เป็นจุดที่ทรัมป์ อ้างว่าเป็นความเด็ดขาดของผู้นำ แต่แสดงให้เห็นชัดตลอดมาว่าสนับสนุนอิสราเอลเพราะมีลูกเขยเป็นชาวยิวและลูกสาวก็นับถือศาสนายิวตามสามี
แต่นางแฮร์ริสเห็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์โดยกองทัพอิสราเอล ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 40,000 คน และ 70% เป็นเด็กและสตรีและมีผู้บาดเจ็บพิการกว่า 90,000 ราย เป็นอาชญากรรมสงครามซึ่งสหรัฐฯ มีส่วนสนับสนุนเต็มที่ ทั้งอาวุธต่อเนื่องและเงินสนับสนุน
ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับประชาชนอเมริกันว่าจะเลือกใครเป็นผู้นำประเทศ ในยามที่ประเทศตกต่ำทางด้านเศรษฐกิจ การเมือง และสังคม ประชาชนมีมาตรฐานชีวิตต่ำลงและประเทศถูกโดดเดี่ยวจากนานาชาติเพราะการสนับสนุนอิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในปาเลสไตน์
นางแฮร์ริสได้เสียงสนับสนุนจากคนผิวสีหลากหลายและสมาชิกพรรคเดโมแครต ซึ่งทำให้ทรัมป์รู้สึกหวั่นไหวเพราะเดิมคาดหวังว่าจะนอนมาถ้าแข่งกับผู้เฒ่าเอ๋อ โจ ไบเดน
ทรัมป์ และคู่ชิงรองประธานาธิบดีนายเจ. ดี. แวนซ์ ประกาศสนับสนุนอิสราเอลอย่างเต็มที่ และนี่จะเป็นจุดชนวนสงครามใหญ่ในตะวันออกกลางที่อิหร่านตัดสินใจโจมตีอิสราเอลเพื่อเอาคืน
รัฐมนตรีต่างประเทศอิสราเอล นายอิสราเอล แคทซ์ เรียกร้องให้พันธมิตรในยุโรปโจมตีอิหร่านให้ช่วยเหลืออิสราเอล แสดงให้เห็นว่าประเทศอิสราเอลไม่ได้เก่งสมคำร่ำลือ เพราะกลัวโดนรุมกินโต๊ะโดยศัตรูแวดล้อม ซึ่งจะทำให้ชาติมีโอกาสหายนะได้
ปัจจุบันอิสราเอลไม่สามารถเอาชนะศึกในฉนวนกาซาได้หลังจาก 10 เดือน ทั้งที่ประกาศว่าจะเอาชนะได้ภายใน 7 วัน แต่ที่ทำได้คือการทำลายฉนวนกาซาย่อยยับไม่เหลือแม้แต่อาคารสำคัญและการสังหารเด็ก และผู้หญิงอย่างเยี่ยมโหด
ผลการเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤศจิกายนนี้ เป็นตัวกำหนดทิศทางของการเมืองโลกว่าจะเป็นอย่างไร รวมถึงท่าทีและนโยบายของสหรัฐฯด้วย
ขณะที่สงครามทั้งสองจุดระหว่างยูเครนกับรัสเซีย และอิสราเอลกับปาเลสไตน์มีแนวโน้มที่จะขยายตัวเพราะรัสเซียต้องการใช้อาวุธหนักโจมตีเมืองหลวงยูเครนเพื่อปิดเกมให้ได้ภายในปีหน้า
ในตะวันออกกลางสงครามระหว่างอิสราเอลและกลุ่มศัตรูมีแนวโน้มที่สหรัฐฯ จะเข้าไปมีส่วนร่วมได้อย่างเต็มที่ และอิสราเอลต้องการให้สหรัฐฯ จัดการกับอิหร่านซึ่งพันธมิตรของอิหร่านอย่างเช่นจีนและรัสเซียย่อมไม่ยอม
สถานการณ์ที่น่ากลัวคือสงครามทั้งสองจุดอาจจะขยายเป็นสงครามภูมิภาคและสงครามโลก ในยุโรปประเทศสมาชิกนาโตอาจเป็นเป้าหมายการโจมตีโดยรัสเซีย โดยอังกฤษอาจจะเป็นเป้าหมายแรกที่จะถูกถล่มโดยจรวดไฮเปอร์โซนิกทำลายไม่เหลือ
ในตะวันออกกลาง อิหร่านได้รับการสนับสนุนอาวุธทันสมัยและระบบป้องกันภัยทางอากาศเอส 400 จากรัสเซีย ดังนั้น ศึกทั้งสองจุดจึงน่าห่วงว่าจะกลายเป็นสงครามภูมิภาคและสงครามโลก
อยู่ที่ว่าจะเกิดขึ้นก่อนหรือหลัง สหรัฐอเมริกามีประธานาธิบดีคนใหม่หรือไม่เท่านั้น