หลังจากพรรคก้าวไกลถูกยุบเพียง 2 วัน พรรคประชาชนก็เกิดขึ้น เพื่อรองรับ สส. 143 คนของพรรคก้าวไกล และพร้อมที่จะก้าวต่อไปบนเส้นทางเดิมที่พรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกลปูทางไว้ โดยเฉพาะการชูนโยบายแก้มาตรา 112
ดังนั้น โอกาสที่พรรคประชาชนจะสะดุดขาตัวเองล้มอีกครั้ง มิใช่เรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้ ทั้งนี้อนุมานจากปัจจัยแวดล้อมทางการเมืองดังต่อไปนี้
1. ตราบใดที่มาตรา 112 ยังคงมีผลบังคับใช้อยู่ ใครหรือพรรคใดล่วงละเมิดจะต้องได้รับโทษ เฉกเช่นที่พรรคก้าวไกลได้รับมาแล้ว
2. การแก้ไขรัฐธรรมนูญโดยตัดมาตรา 112 ออกไปหรือมีเนื้อหาด้อยค่าสถาบันพระมหากษัตริย์ คงจะทำไม่ได้ในยุคที่ สว.ชุดนี้ยังคงอยู่ และเชื่อว่าจะไม่มีพรรคการเมืองใดร่วมมือกับพรรคประชาชนเสนอแก้รัฐธรรมนูญตามที่พรรคประชาชนต้องการด้วย
3. คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญผูกพันทุกองค์กร
ดังนั้น สส.ของพรรคประชาชนซึ่งสืบทอดมาจากพรรคก้าวไกลส่วนหนึ่ง ยังเสี่ยงต่อการถูกร้องต่อ กกต.เพื่อให้ดำเนินตามกระบวนการของกฎหมาย และมีโอกาสว่ากระทำผิดแล้วถูกตัดสิทธิทางการเมืองจากการเสนอแก้มาตรา 112
ถ้าพรรคประชาชนยังแบกรับอุดมการณ์โดยไม่มีการปรับตัวให้สอดคล้องกับวัฒนธรรม และกฎหมายไทยคงจะเดินต่อไปได้ยาก ไม่ว่าในการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคนี้จะได้รับเลือกเพิ่มขึ้นน้อยลงก็ตาม และอย่าหวังว่าประชาชนจะลุกฮือขึ้นปกป้อง และทำให้เกิดความวุ่นวายแล้วเปิดทางให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง เฉกเช่นที่เคยเกิดขึ้นหลายประเทศมาแล้ว เพราะที่นี่คือประเทศไทย ซึ่งมีประชาชนส่วนใหญ่เป็นพุทธมามกะ และคำสอนของศาสนาพุทธสอนให้สาวกมีความกตัญญูกตเวทีต่อผู้มีอุปการคุณ รวมไปถึงจงรักภักดีต่อแผ่นดินเกิด จะมีบ้างเพียงบางคนบางกลุ่มที่หลงใหลในลัทธิทุนนิยมแบบตะวันตกที่ไม่เป็นเหมือนคนไทยส่วนใหญ่เท่านั้นที่มองไม่เห็นคุณค่าของคนขุดบ่อ ทั้งๆ ที่ตนเองเดินมาได้โดยอาศัยน้ำจากบ่อ แต่คนในลักษณะนี้ก็มีไม่มากพอที่จะล้มล้างระบบเดิมได้ ถ้าทำได้คงเปลี่ยนแปลงไปนานแล้ว เพราะแนวคิดล้มล้างสถาบันเบื้องสูงได้ก่อตัวมาแล้วตั้งแต่พ.ศ. 2475 หรือเมื่อ 90 กว่าปีมาแล้ว
อีกประการหนึ่ง ในการเลือกตั้งครั้งหน้าเชื่อได้แค่ไหนว่า พรรคประชาชนจะได้ สส. 280 เสียง เฉกเช่นที่ผู้อ้างตนเป็นกูรูทางการเมืองได้ออกมาพูดไว้ และถ้าไม่ได้ สส.เกินครึ่งจะมีพรรคใดเข้าร่วมในการจัดตั้งรัฐบาล
ด้วยเหตุนี้ ความคาดหวังของพรรคประชาชนที่เข้าไปแก้ไขระบบการปกครองเพื่อสนองความอยากของตนเป็นไปได้ยาก