xs
xsm
sm
md
lg

เมื่อแนวรบ “ยุโรปตะวันออก” กับ “ตะวันออกกลาง” กลายเป็นแนวรบเดียวกัน

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ทับทิม พญาไท


Nikolay Patrushev ผู้ช่วยประธานาธิบดีรัสเซีย
ขณะที่ “บ้านเรา” กำลังลุ้นไป-ลุ้นมา ตั้งแต่เรื่อง “นายกฯ เศรษฐา” จะได้ไปต่อ-ไม่ไปต่อ สุดท้ายก็ไม่ได้ไปต่อ และในที่สุดก็ได้ “นายกฯ อุ๊งอิ๊ง”มาแทน ก็ต้องก้มหน้า ก้มตา ยอมรับสภาพความเป็น “รัฐสมบัติ”อย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แต่สำหรับ “บ้านเขา” หรือระดับโลกทั้งโลก คงหนีไม่พ้นต้องหันไปลุ้นเรื่องการตอบโต้-เอาคืน ของพวก “อักษะแห่งการต่อต้าน” (Axis of Resistance) และอิหร่าน ต่อการละเมิดอธิปไตยบูรณภาพเหนือดินแดนของอิสราเอล ที่ไม่เพียงแต่ลอบสังหาร ก่อการร้าย ในเลบานอนและอิหร่านเท่านั้น แต่ยังเดินหน้าฆ่าไม่เลือก ยังคง “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” ชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซา ชนิดเลย 40,000 ศพไปแล้วถึงขั้นนั้น ว่าจะเปรี้ยงๆ ดังเสียงฟ้าฟาด โครมๆ พินาศพังสลอนกันในตอนไหน? เมื่อไหร่???

เพราะแม้ว่าผู้ที่ยึดเอาอิสราเอลเป็น “พันธมิตรอันศักดิ์สิทธิ์”อย่างคุณพ่ออเมริกา จะทุ่มเทสรรพกำลังทั้งเรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน เรือดำน้ำ เครื่องบินโจมตี เครื่องบินล่องหน ฯลฯ มาช่วยพิทักษ์ปกป้องอิสราเอล แบบชนิด “แตะเธอไม่ได้...โลกแตกแน่!!!” แถมยังส่งตัวแทนดอดไปพบปะเจรจา เกลี้ยกล่อม โน้มน้าว ไม่ว่าโดยตรง-โดยอ้อมกับอิหร่านในกาตาร์ หรือส่ง “นายAmos Hochstein” ไปเยือนเลบานอน หวังจะจับเข่า จับหัวหน่าว ให้พวก “Hezbollah” เลิกคิดเปิดฉากสงครามกับอิสราเอลแบบดื้อๆ ทื่อๆ แต่ก็อย่างที่รองเลขาธิการนักรบกลุ่มนี้ อย่าง “Sheikh Naim Qassem”ได้ออกมาสรุปไว้เมื่อช่วงวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมา (15 ส.ค.) นั่นแหละว่า...การตอบโต้-เอาคืนต่ออิสราเอลเป็นสิ่งที่ได้ตัดสินใจไปแล้ว และสิ่งที่ตัดสินใจไปแล้ว ก็มีแต่ต้องรอเวลาที่จะอุบัติขึ้นมา หรือต้องเป็นไปตาม “พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า” นั่นแล!!!

โอกาสที่การบึ้มๆ โครมๆ คราวนี้...จะนำไปสู่ฉากเหตุการณ์ระดับ “สงครามโลกครั้งที่ 3”กระทั่ง “สงครามนิวเคลียร์” หรือไม่? อย่างไร? ก็คงยากที่จะสรุปได้ชัดเจน แม้ว่าอิหร่านและบรรดาพวกอักษะแห่งการต่อต้าน ต่างไม่อยากจะจุดชนวนสงคราม หรือไม่คิดจะขยายวงสงครามไปด้วยกันทั้งนั้น แต่ด้วยเหตุเพราะเมื่อต้องเจอ “ไฟท์บังคับ”จากการเสกสรรปั้นแต่งโดยไอ้ชั่ว ไอ้เลว ไอ้เหี้ยม ไอ้จอมเจ้าเล่ห์ ของผู้นำอิสราเอล อย่างนายกรัฐมนตรี “Benjamin Netanyahu” ผู้ที่รัฐสภาอเมริกันลุกขึ้นปรบมือ สรรเสริญ ยกย่อง เยินยอถึง 50 กว่าครั้ง ในทุกๆ 2 นาที โดยไม่สนใจว่าจะเลว จะชั่ว จะเหี้ยมโหดขนาดไหน การตอบโต้-เอาคืน ของอิหร่านและพวกอักษะแห่งการต่อต้าน จึงเป็นอะไรที่มิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้ แม้ว่าจะออกไปทาง “ช้าๆ...ได้พร้าเล่มงาม”หรือ “Yavaahs, Yavassh” (Slowly, Slowly) อย่างที่เลขาธิการทั่วไป “Hezbollah” “นายSayyed Hassan Nasrallah”ได้บอกให้ชาวเลบานอนทั้งหลายใจเย็นๆ ไว้เมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานั่นเอง...

ส่วนหลังจากนั้น...อะไรจะเกิด จะอุบัติขึ้นมาตาม “พระประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า” คงต้องไปหลับตาจินตนาการเอาเองก็แล้วกัน เพราะการตอบโต้-เอาคืนของนักรบเลบานอนคราวนี้...ถึงกับถูกนำไปเปรียบเทียบ เปรียบเปรย อุปมา-อุปไมย กับเมื่อครั้งที่เลบานอนได้เปิดฉากสงครามโดยตรงกับอิสราเอลเมื่อปี ค.ศ. 2006 ที่ฝ่ายเลบานอนเชื่อว่าตัวเองเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะ เนื่องจากสามารถทำให้อิสราเอลต้องหันมาขอร้อง ขอเจรจา หลังจากเจอกับจรวดเลบานอนสาดเข้าใส่นับเป็นหมื่นๆ ลูก มาคราวนี้...นอกจากจำนวนจรวดและโดรนในคลังอาวุธใต้ดินของนักรบกลุ่มนี้ จะยังคงเหลืออยู่นับแสนๆ ลูก เมื่อช่วงวันศุกร์ที่ผ่านมา (16 ส.ค.) ยังได้มีการเปิดตัวจรวดรุ่นใหม่ล่าสุด อย่าง “Imad-4”ที่จะถูกนำมาใช้เล่นงานอิสราเอลคราวนี้หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะไปคิดๆ กันเอาเอง...

ไม่ต่างไปจากหนึ่งในกลุ่มอักษะแห่งการต่อต้าน อย่างพวกนักรบ “Houthi”แห่งเยเมน ที่ออกจะกระเหี้ยนกระหือรือเอามากๆ ในการเล่นงานอิสราเอลและบรรดาพันธมิตรรายใดก็ตาม ไม่ว่าในทะเลแดง ทะเลอาหรับ มหาสมุทรอินเดีย ไปจนถึงทะเลเมดิเตอร์เรเนียนโน่นเลย ดังคำประกาศของผู้นำอย่าง “นายAbdul Malik al-Houthi”เมื่อวัน-สองวันมานี้ ที่ออกมาระบุว่า... “เราขอบอกไว้เดี๋ยวนี้ว่า การมาถึงของเรือบรรทุกเครื่องบินลำใหม่ของสหรัฐฯ ในทะเลแดง จะกลายเป็นเป้าหมายสำคัญของกองกำลังของเรา และถ้าหากพวกเขาต้องการจะเสี่ยง ต้องการที่จะปกป้องอิสราเอล เขาก็คงต้องเจอกับทางตันแบบเดียวกับที่เรือบรรทุกเครื่องบิน Eisenhower ได้เจอมาแล้ว!!!” คือไม่ใช่แค่ต้องเจอกับเครื่องบินโดรน เรือโดรน อย่าง “Tufan al-Modammer” (Flood of Destruction) หรือจรวดไฮเปอร์โซนิกความเร็ว 5-6 Mach ดังที่ผู้บัญชาการเรือพิฆาต “USS Carney”อย่าง “Jeremy Robertson” ต้องสารภาพไว้กับผู้สื่อข่าว “CBS”ว่ามีเวลาเตรียมตัวรับมือแค่ไม่ถึง 15-30 วินาทีเท่านั้น แต่ยังอาจต้องเจอกับ “อาวุธใหม่ๆ”ที่พิสดารยิ่งไปกว่านั้น โดยเฉพาะหลังจากที่มีการพบปะเจรจา ระหว่างรัฐมนตรีช่วยต่างประเทศรัสเซีย “นายMikhail Bogdanov”กับตัวแทนระดับสูงของพวกนักรบ “Houthi”อย่าง “Muhammad Abdel Salam”เมื่อไม่นานมานี้...

เพราะดังที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าว “MintPress News” อย่าง “นายAhmed Abdul Kareem” ได้อ้างถึงคำพูดของพวกนักรบ “Houthi” ไว้ในข้อเขียน บทความ เมื่อช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมานั่นแหละว่า... “นี่คือโอกาสที่ดีที่สุด สำหรับมอสโกที่จะได้แก้แค้นต่อวอชิงตันในการช่วยเหลือสนับสนุนประเทศยูเครน เพราะบรรดานักรบเยเมนต่างไม่คิดลังเลใดๆ เลยที่จะรับการสนับสนุนทางทหารจากศัตรูของอเมริกา”หรือถือเป็นการตอบสนองต่อคำพูด คำจา ของผู้นำรัสเซียที่เคยปรารภถึงการส่งมอบอาวุธร้ายๆ ให้กับศัตรูของอเมริกาและตะวันตก ถ้ายังคงมุ่งร้าย ประสงค์ร้ายต่อรัสเซีย อย่างไม่คิดจะลด-ละ-เลิกใดๆ เอาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าการส่งมอบขีปนาวุธพิสัยไกล เครื่องบินโจมตี F-16 และล่าสุดถึงกับตัดสินใจส่งมอบจรวด “JASSM”(The Joint Air-to-Surface Standoff Missile) ให้กับยูเครนไว้เล่นงานรัสเซียอีกต่างหาก...

โดยเฉพาะสิ่งที่ทำให้รัสเซียมิอาจอดรนทนได้อีกต่อไป ก็คือการร่วมวางแผนและสนับสนุนให้กองทัพยูเครน บุกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย หรือในแคว้น “Kursk” เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ สังหารพลเรือนไป 12 ราย บาดเจ็บไป 121 ราย รวมทั้งพยายามยึดโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ “Zaporozhye” เอาไว้อีกด้วยต่างหาก จนฝ่ายรัสเซียต้องอพยพผู้คนไม่ต่ำกว่า 120,000 รายออกจากเขตการสู้รบ อันเป็นสิ่งที่ไม่ว่าตั้งแต่ประธานาธิบดี “ปูติน” อดีตประธานาธิบดีและเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติคนปัจจุบัน “นายDmitry Medvedev”ไปจนอดีตเลขาฯ สภาความมั่นคงที่กลายมาเป็นผู้ช่วยประธานาธิบดี อย่าง “นายNikolay Patrushev”ที่ออกมาเปิดเผยถึงการสมคบคิด การวางแผนอยู่เบื้องหลัง ในการบุกดินแดนรัสเซียของกองทัพยูเครนโดยอเมริกาและ “NATO”ว่าเป็นสิ่งที่จะต้องตอบโต้-เอาคืนอย่างมิอาจปฏิเสธและหลีกเลี่ยงได้โดยเด็ดขาด และนั่นเอง...ที่อาจทำให้ “แนวรบยุโรปตะวันออก” กับ “แนวรบในตะวันออกกลาง” ต้องกลายมาเป็น “แนวรบเดียวกัน”หรือเป็น “คนละเรื่องเดียวกัน” ไปจนได้!!!

และจะด้วยเหตุนี้หรือไม่? อย่างไร? ก็แล้วแต่จะคิด...ที่ทำให้ไม่แต่เฉพาะลูกหลานชาวยิวระดับปุถุชนคนธรรมดาทั้งหลายต่างต้อง “ขี้หด-ตดหาย” ไปตามๆ กัน ในการรอคอยการตอบโต้-เอาคืนจากฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าว่ากันตามข่าวพาดหัวของหนังสือพิมพ์ “Jerusalem Post” เมื่อวัน-สองวันที่ผ่านมา ที่ได้นำเอา “รายงานข่าว”จากหนังสือพิมพ์ “The Washington Post”มาขยายผลต่อ ถึง “ความร่วมมือระหว่างจีน-อิหร่าน” ตามข้อตกลงระยะยาวที่ได้เคยลงนามไปเมื่อปี ค.ศ. 2016 ในการยกระดับเพิ่มสมรรถนะการควบคุมดาวเทียม เพื่อสอดส่อง “เป้าหมายทางทหาร”ในอิสราเอลและบรรดาพันธมิตร โดยมีบริษัทธุรกิจดาวเทียมของจีน อย่างบริษัท “Chang Guang Satellite Technology Co.” เป็นหัวหอกสำคัญ ย่อมส่งผลให้แม้แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงทางทหารของอิสราเอล ย่อมต้องหนาวยะเยือกไปถึงกระดูกตามไปด้วยอย่างช่วยไม่ได้ และนั่นยังไม่ได้รวมไปถึง “ความร่วมมือทางอวกาศระหว่างอิหร่าน-รัสเซีย” ที่กำลังจะอุบัติขึ้นมาตามสนธิสัญญา “Big Treaty” ในอีกไม่นานนับจากนี้ ที่อาจทำให้การ “สกัดกั้น” จรวดอิหร่าน ซึ่งอิสราเอลเคยคุยโม้-คุยโตว่าบรรลุผลสำเร็จถึง 90 เปอร์เซ็นต์ ในช่วงการแก้แค้น-เอาคืนคราวที่แล้ว อาจเหลือแค่ไม่ถึง 10 เปอร์เซ็นต์เอาเลยก็ไม่แน่!!!

หรือสรุปง่ายๆ ว่า...สุดท้ายแล้ว
“แนวรบ” ในแต่ละแนวรบ ไม่ว่ายุโรปตะวันออก ตะวันออกกลาง
ไปจนถึงแนวรบทะเลจีนใต้มันค่อยๆ ยึดโยง เชื่อมโยง จนแทบกลายเป็น “แนวรบเดียวกัน”
ไปจนได้ หรือทำให้โลกที่ถูกแบ่งขั้ว แบ่งข้าง ออกไปเป็นสองฝ่าย คือระหว่าง
“โลกขั้วอำนาจเดียว”
กับ “โลกหลายขั้วอำนาจ” เลี่ยงไม่พ้นต้องวัดตัดสินกันด้วยพลังอำนาจทางการทหารอย่างมิอาจหลีกเลี่ยงและปฏิเสธได้อีกต่อไปแล้ว
ไม่ว่า “จุดเริ่มต้น”มันจะมาจากแนวรบด้านไหนก็แล้วแต่ ด้วยเหตุนี้การ “รอลุ้น”
ว่าการตอบโต้-เอาคืนของอิหร่านและอักษะแห่งการต่อต้าน จะอุบัติขึ้นมาในตอนไหน?
เมื่อไหร่? และอย่างไร? เลยแทบไม่ต่างไปจากการรอลุ้นว่าเมื่อไหร่ถึงจะเกิด “สงครามโลกครั้งที่
3” หรือ “สงครามนิวเคลียร์” ขึ้นมาบนโลกใบนี้
นั่นเอง...


กำลังโหลดความคิดเห็น