xs
xsm
sm
md
lg

แม้ชื่อว่าพรรคประชาชน แต่อำนาจเป็นของเจ้าของพรรค

เผยแพร่:   ปรับปรุง:   โดย: ผู้จัดการออนไลน์



หนึ่งความคิด
สุรวิชช์ วีรวรรณ

หลังจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกลไปแล้วด้วยคะแนนเสียง 9-0 ฐานเซาะกร่อนบ่อนทำลายสถาบันกษัตริย์ เป็นเหตุให้ชำรุด ทรุดโทรม เสื่อมทราม หรืออ่อนแอลง นำไปสู่การล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขในที่สุด การเสนอให้มาตรา 112 ไม่ให้ถือเป็นความผิดที่กระทบต่อความมั่นคงของประเทศอีกต่อไป มีเจตนามุ่งหมายที่จะแยกสถาบันพระมหากษัตริย์กับความเป็นชาติไทยออกจากกัน ซึ่งเป็นอันตรายต่อความมั่นคงของรัฐอย่างมีนัยสำคัญ

 สิ่งที่เราได้ยินวาทกรรมจากพรรคก้าวไกลก็คือ พวกเขาต้องการแก้ไขมาตรา 112 เพื่อให้สถาบันกษัตริย์มีความมั่นคงขึ้น ซึ่งเป็นความเห็นที่เป็นเท็จเพราะถ้าเราพิจารณาแนวร่วมของพวกเขาคนรุ่นใหม่ที่ถูกดำเนินคดีตามมาตรา 112 จำนวนมากนั้น ล้วนแล้วแต่กล่าวถึงสถาบันกษัตริย์ด้วยถ้อยคำที่หยาบคายและเป็นเท็จมีจุดมุ่งหมายที่จะล้มล้าง จนทำให้ส่วนใหญ่ศาลไม่อาจวินิจฉัยเป็นอย่างอื่นได้ต้องพิพากษาให้จำคุก ไม่มีตรงไหนเลยที่พวกเขาวิจารณ์ด้วยความคิดสร้างสรรค์เพื่อให้สถาบันกษัตริย์มีความมั่นคงอย่างที่ว่ามา


พวกเขากล่าวว่ามาตรา 112 นั้นปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงออก แต่ถ้อยคำที่พวกเขาถูกดำเนินคดีนั้นล้วนแล้วแต่เป็นการใช้เสรีภาพที่เกินเลย อย่าว่าแต่ใช้ถ้อยคำเหล่านั้นกับพระมหากษัตริย์หรือประมุขของรัฐเลย แม้แต่ใช้กับคนธรรมดาก็มีความผิด เพราะแม้ว่าเสรีภาพในการพูดจะเป็นสิ่งที่ได้รับการคุ้มครอง แต่ไม่ได้หมายความว่าสามารถคุกคามด้วยความรุนแรงต่อผู้อื่น และผู้ที่โดนดำเนินคดีด้วยมาตรา 112 แล้วถูกตัดสินจำคุกล้วนแล้วแต่มีเจตนาที่คุกคามมากกว่าการแสดงความเห็นเพื่อเจตนาที่ดีทั้งสิ้น

พวกเขาอ้างว่า การแก้กฎหมายเป็นหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติ การวินิจฉัยของศาลเป็นการใช้อำนาจทางตุลาการอำนาจเหนือฝ่ายนิติบัญญัติ ทั้งที่จริงๆ ศาลไม่ได้วินิจฉัยว่า พรรคก้าวไกลมีความผิดที่เสนอแก้ไขมาตรา 112 แต่ศาลวินิจฉัยถึงเนื้อหาและเจตนาที่พรรคก้าวไกลต้องการแก้ไขมาตรา112ที่มุ่งลดทอนสถานะของพระมหากษัตริย์ลงมาที่มุ่งทำลายหลักการพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ และสั่นคลอนคติรากฐาน ของการปกครองระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ซึ่งไม่ว่ารัฐไหนในโลกนี้ก็ล้วนแล้วแต่ปกป้องระบอบและอุดมการณ์ของรัฐทั้งสิ้น

ในอดีตมาตรา 112 เคยมีการแก้ไขมาแล้วสามารถกระทำได้ แต่การกระทำของพรรคก้าวไกลนั้นมีความมุ่งหมายที่ต่างกัน ไม่ใช่การแก้แต่เป็นการยกเลิกและทำให้สถานะของพระมหากษัตริย์ถูกลดทอนลงเหมือนกับบุคคลธรรมดา ฐานความผิดที่ดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์มีโทษที่น้อยมากน้อยกว่าความผิดหมิ่นประมาทบุคคลธรรมดาในปัจจุบัน เพื่อทำให้สถาบันกษัตริย์อ่อนแอลง

ชัดเจนว่าพวกเขาไม่ได้มุ่งหมายต่อเสรีภาพในการพูดที่อยู่ในกรอบของกฎหมายแต่พวกเขาต้องการเสรีภาพในการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายผู้อื่นให้ถูกกฎหมายซึ่งไม่มีกฎหมายประเทศไหนในโลกนี้อนุญาตให้ทำเช่นนั้นได้ ลองคิดดูว่า กฎหมายมาตรา 112 ในปัจจุบันยังอยู่ พวกเขายังกล้าแสดงออกด้วยการดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้ายอย่างรุนแรงและมีผู้ถูกคดีจำนวนมาก ถ้าหากแก้ไขไปตามข้อเสนอของพรรคก้าวไกลจะมีการกระทำผิดมากขึ้นขนาดไหน

 แต่ต้องยอมรับว่า ข้อเท็จจริงในคำวินิจฉัยของศาลแม้จะชัดเจนในถ้อยคำว่า ศาลมีเหตุผลอย่างไรที่ต้องมีคำวินิจฉัยให้ยุบพรรคก้าวไกล แต่เสียงของพรรคก้าวไกลที่พยายามสื่อไปถึงมวลชนของพวกเขาหรือสู่สังคมภายนอกก็คือศาลมีเจตนาที่จะกลั่นแกล้งพรรคก้าวไกลเหมือนกับที่เคยยุบพรรคอนาคตใหม่มาแล้ว ทำให้คนจำนวนไม่น้อยสงสารพรรคก้าวไกล และมองว่าพรรคก้าวไกลถูกกลั่นแกล้งจากผู้ที่กุมอำนาจรัฐ เพราะกลัวว่าจะถูกพรรคก้าวไกลโค่นล้ม อำนาจเก่าหรือ Deep State มุ่งทำลายพรรคก้าวไกล เพราะเกรงกลัวความเปลี่ยนแปลง หากพรรคก้าวไกลที่กำลังได้รับความนิยมได้อำนาจรัฐไป

แต่ดูเหมือนว่าการถูกยุบพรรคก้าวไกลครั้งนี้สมาชิกพรรคก้าวไกลไม่ได้ตีโพยตีพายเหมือนกับครั้งที่พรรคอนาคตใหม่ถูกยุบ เพราะพวกเขาเชื่อว่า ยิ่งถูกยุบพรรคของพวกเขาจะยิ่งเติบโต จากพรรคอนาคตใหม่ที่เคยได้รับการเลือกตั้ง 70 คน มาเป็น 150 คนในนนามพรรคก้าวไกลกลายเป็นพรรคอันดับ 1 และเชื่อว่า พวกเขาจะได้รับการเลือกตั้งจนจัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียวได้ในการเลือกตั้งครั้งหน้า

 ไพศาล พืชมงคล ผู้สนับสนุนคนสำคัญของพรรคก้าวไกล ซึ่งออกมาตีโพยตีพายกับการที่พรรคก้าวไกลถูกยุบพรรคมาก ถึงกับไปเอาวาทะเหมาเจ๋อตงมาปลุกระดมว่า จงจัดตั้งกันขึ้นมากองรบของประชาชนอันไพศาลทั่วประเทศ โดยไพศาลมั่นใจมากว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าพรรคใหม่ของพวกเขาคือพรรคประชาชนจะได้รับการเลือกตั้งมากถึง 380 คน ได้จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไพศาลเป็นนักกฎหมายลองอธิบายว่ามีประเทศไหนในโลกนี้บ้างที่ยอมให้มีพรรคการเมืองที่เป็นปรปักษ์กับระบอบและอุดมการณ์ของรัฐดำรงอยู่

แต่เราพิจารณาถึงเนื้อหาที่แท้จริงของพรรคประชาชนที่พวกเขาจัดตั้งขึ้นมา เราไม่อาจพิจารณาได้เลยว่า นี่คือพรรคที่ประชาชนเป็นใหญ่หรือเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง เพราะแม้แต่การแต่งตั้งหัวหน้าพรรคก็ถูกกำหนดมาจากเจ้าของพรรคก็คือธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกพรรคไม่มีสิทธิ์แม้จะเลือกหัวหน้าพรรคด้วยวิถีทางของระบอบประชาธิปไตยแบบที่พรรคพยายามยกย่องตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย การกำหนดตัวบุคคลในฐานะผู้บริหารพรรคก็ล้วนแล้วแต่มาจากธนาธรทั้งสิ้น โดยคนๆนั้นจะต้องเป็นคนที่ธนาธรไว้วางใจ

 ถามว่าทำไมณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคคนใหม่ยังจะต้องยืนยันที่จะแก้ไขมาตรา 112 ก็เพราะเป้าหมายนี้ถูกกำหนดขึ้นโดยเจ้าของพรรคและปูลิตปูโรของพรรคคือธนาธรและพวกที่เติบโตด้วยกันมาและสร้างสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกันมาเป็นสำนักตักศิลาในการสร้างข้อมูลเพื่อลดทอนบทบาทและสถานะของสถาบันกษัตริย์โดยแอบอิงกับสถานะทางวิชาการที่ของนักวิชาการที่มีความคิดปฏิกษัตริย์นิยม และถูกใช้เป็นเครื่องมือในการมอมเมาคนรุ่นใหม่อย่างได้ผล

ผมไม่คิดนะครับว่า พรรคประชาชนจะประสบความสำเร็จในการเลือกตั้งในปี 2570 หากรอบของการเลือกตั้งเป็นไปตามขั้นตอนไม่ถูกสะดุดหยุดลงด้วยเหตุผลใดๆก็ตาม เพราะผมคิดว่า เลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาคือปี 2566 ที่พรรคก้าวไกลโดยการนำของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์นั้น น่าจะเป็นจุดพีคที่สุดของพรรคแล้ว และพิธามีบุคลิคที่โดดเด่นกว่าณัฐพงษ์มาก แม้ว่าพรรคประชาชนอาจจะยังชนะเลือกตั้งเป็นพรรคอันดับ 1 แต่ก็จะได้เป็นฝ่ายค้านเหมือนเดิมอย่างแน่นอน

 แต่ดูเหมือนว่าจริงๆ แล้วพวกเขาก็ไม่ได้มุ่งหมายว่าชนะได้จัดตั้งรัฐบาลในเร็ววัน แต่พวกเขารอคอยการกลับมาของธนาธรและปิยบุตร แสงกนกกุลในปี 2573 มากกว่า เพราะทั้งสองคนจะพ้นโทษแบนทางการเมือง ถึงวันนั้นพวกเขามั่นใจว่า กาลเวลาจะสุกงอมคนรุ่นใหม่ที่นับวันยิ่งเติมเข้ามาจะทำให้มวลชนด้อมส้มเพิ่มมากขึ้นและชนะเลือกตั้งได้เสียงข้างมากและได้อำนาจรัฐในที่สุด

ในฐานะคนไทยอย่าไปหวั่นไหวกับเสียงเรียกร้องของสหรัฐอเมริกาเลยครับ เพราะในประเทศของพวกเขานั้นก็ไม่ได้เปิดโอกาสให้มีพรรคการเมืองใหม่เกิดขึ้น คนรุ่นใหม่มีโอกาสเข้าสู่การเมืองน้อยมาก อายุเฉลี่ยของสมาชิกรัฐสหรัฐอยู่ที่ 55 ปี เพราะพวกเขามองว่าคนรุ่นใหม่ยังขาดประสบการณ์ในการทำงาน

แม้จะมีคนหลายคนบอกว่า วิธีทางจำกัดพรรคก้าวไกลที่วันนี้กลายเป็นพรรคประชาชนก็คือ ต้องให้พวกเขาได้อำนาจรัฐ คำพูดทำนองนี้เกิดขึ้นเพราะไม่เชื่อว่า บุคลากรของพรรคนี้ที่มีอยู่มีใครที่มีศักยภาพในการบริหารประเทศได้ เมื่อมองเข้าไปถึงตัวบุคคลในพรรคล้วนแล้วแต่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานมาก่อนทั้งสิ้นมีแต่ความรู้ที่ได้มาจากมหาวิทยาลัย ลองนึกดูว่าคนในพรรคของพวกเขาที่เรารู้จักและสามารถสื่อสารกับสังคมได้มีถึง 10 คนไหมจาก 151 คน แม้แต่ผู้นำทางจิตวิญญาณหรือเจ้าของพรรคอย่างธนาธรที่เป็นเศรษฐีหมื่นล้านก็ไม่ได้มีบทพิสูจน์ว่าประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจมานอกจากธุรกิจประสบความสำเร็จมาจากพ่อและแม่สร้างมา การให้พรรคนี้ได้บริหารประเทศนั่นแหละจะทำให้พบกับจุดจบในเวลาอันรวดเร็ว แต่ก็มีคำถามกลับมาว่า มันจะคุ้มกับที่จะสูญเสียไปไหมที่จะให้ประเทศเป็นที่ทดลองของคนที่ขาดประสบการณ์มาก่อน

 แม้ว่าพรรคการเมืองใหม่ของพวกเขาจะชื่อว่าพรรคประชาชน แต่ก็ไม่ได้สะท้อนอะไรออกมาที่เชื่อมโยงว่าเป็นพรรคของประชาชนจริงๆ นอกจากเป็นพรรคการเมืองที่มีเจ้าของและถูกกำหนดโดยเจ้าของพรรค ถ้าพวกเขาจะเรียกร้องเสรีภาพและเรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย ก็ทำสิ่งเหล่านั้นในพรรคของตัวเองให้ได้เสียก่อน

ติดตามผู้เขียนได้ที่ https://www.facebook.com/surawich.verawan


กำลังโหลดความคิดเห็น